Kaspersky Standard | Plus | Premium

สารบัญ

[Topic 166141]

ความช่วยเหลือแอปพลิเคชัน Kaspersky

การเริ่มต้น การเริ่มต้น

ฉันจะสามารถปกป้อง Mac ของฉันโดยทันทีได้อย่างไร

ฉันจะเชื่อมต่อกับ My Kaspersky ได้อย่างไร

ฉันจะเปิดส่วนขยาย Kaspersky Protection ได้อย่างไร

สแกน สแกน

ฉันจะสแกนหาไวรัสในไฟล์หรือโฟลเดอร์ได้อย่างไร

งานสแกนแบบเต็ม สแกนแบบด่วน และสแกนแบบกำหนดเองแตกต่างกันอย่างไร

ฉันจะทำอะไรได้บ้างหากการเข้าถึงไฟล์ถูกบล็อก

Automatic Anti-Virus การป้องกันแบบเรียลไทม์

ฉันจะจัดการการป้องกันของเครื่อง Mac ของฉันได้อย่างไร

ฉันจะทำให้ไฟล์ โฟลเดอร์ และเว็บไซต์เชื่อถือได้ได้อย่างไร

ฉันจะสามารถหยุดยั้งการบุกรุกทางเครือข่ายได้อย่างไร

ความเป็นส่วนตัว ความเป็นส่วนตัว

ฉันจะสามารถป้องกันความเป็นส่วนตัวของฉันในอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร

ฉันจะสามารถป้องกันไม่ให้ผู้บุกรุกสอดแนมฉันได้อย่างไร

อัปเดตรายงาน & การอัปเดตและรายงาน

ฉันจะอัปเดตฐานข้อมูลแอปพลิเคชันได้อย่างไร

ฉันจะสามารถดูรายงานเกี่ยวกับกิจกรรมของแอปพลิเคชันได้อย่างไร

สภาพแวดล้อมดิจิทัล สภาพแวดล้อมดิจิทัล

ฉันควรทำอย่างไรหากได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับฮาร์ดดิสก์ของฉัน

ฉันควรทำอย่างไรหากฉันเปลี่ยนเครือข่าย Wi-Fi ในบ้านของฉัน

ด้านบนของหน้า

[Topic 87342]

เกี่ยวกับโซลูชัน Kaspersky

โซลูชันใหม่ของ Kaspersky เป็นการผสานรวมวิสัยทัศน์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์สมัยใหม่ของเรา นอกจากชื่อใหม่แล้ว คุณจะได้ใช้งานอินเทอร์เฟซใหม่ทั้งหมด รวมถึงคุณสมบัติใหม่ๆ อีกมากมาย

โซลูชันประกอบไปด้วยแผนที่หลากหลาย ซึ่งมอบระดับการป้องกันและชุดคุณสมบัติที่พร้อมใช้งานที่แตกต่างกัน คุณสมบัติใหม่ๆ และคุณสมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดได้รับการจัดกลุ่มโดยขอบเขตการป้องกันที่สำคัญ

ดูคุณสมบัติที่นำเสนอในขอบเขตที่แตกต่างกัน:

ในส่วนนี้

ภาพรวม

เวอร์ชันนี้มีอะไรใหม่บ้าง

เปรียบเทียบแผน Kaspersky

ความต้องการของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

ด้านบนของหน้า

[Topic 96495]

ภาพรวม

แอปพลิเคชัน Kaspersky ป้องกันคอมพิวเตอร์ที่ใช้ macOS จากไวรัสและภัยคุกคามด้านความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์อื่นๆ

File Anti-Virus

File Anti-Virus ป้องกันระบบไฟล์ของคอมพิวเตอร์แบบเรียลไทม์โดยการสกัดกั้นและวิเคราะห์ความพยายามในการเข้าถึงไฟล์ต่างๆ คุณสามารถกำหนดค่าการดำเนินการกับไฟล์ที่ติดไวรัสของแอปพลิเคชันได้ ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชัน Kaspersky จะฆ่าเชื้อหรือลบออบเจ็กต์ที่เป็นอันตราย เรียนรู้เพิ่มเติม

การเรียกดูอย่างปลอดภัย

การเรียกดูอย่างปลอดภัยจะป้องกันข้อมูลที่คอมพิวเตอร์ของคุณส่งและรับผ่านโปรโตคอล HTTP และ HTTPS ในเบราว์เซอร์ Safari, Google Chrome และ Firefox ส่วนประกอบนี้รวมถึงส่วนขยายเบราเซอร์ Kaspersky Protection ซึ่งคุณสามารถติดตั้งเพื่อสแกนลิงก์เว็บไซต์เพื่อตรวจจับที่อยู่เว็บฟิชชิ่งและเว็บที่เป็นอันตรายและลดความเสี่ยงของการถูกดักจับข้อมูลเมื่อคุณป้อนรหัสผ่านบนเว็บไซต์ เรียนรู้เพิ่มเติม

ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย

ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่ายป้องกันคอมพิวเตอร์จากการบุกรุกเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ ส่วนประกอบนี้ป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ (ที่ใช้การสแกนพอร์ตและการโจมตีระบบโดยตรง) และมัลแวร์ที่ติดตั้งจากการโจมตี (รวมถึงมัลแวร์ที่พยายามส่งข้อมูลส่วนตัวไปให้อาชญากร) เรียนรู้เพิ่มเติม

สแกน

แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจจับและกำจัดไวรัสและภัยคุกคามด้านความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์อื่นๆ ตามความต้องการในขอบเขตการสแกนที่ระบุ คุณสามารถกำหนดค่าการดำเนินการกับไฟล์ที่ติดไวรัสของแอปพลิเคชันได้ ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชัน Kaspersky จะฆ่าเชื้อหรือลบออบเจ็กต์ที่เป็นอันตราย คุณสามารถรันการสแกนคอมพิวเตอร์แบบเต็ม, การสแกนด่วนสำหรับพื้นที่สำคัญของคอมพิวเตอร์และการสแกนตามขอบเขตที่ระบุ คุณยังสามารถตั้งค่าตัวเลือกการสแกนสำหรับดิสก์ภายนอกที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ เรียนรู้เพิ่มเติม

Safe Money

Safe Money ป้องกันธุรกรรมทางการเงินของคุณ เมื่อคุณเยี่ยมชมธนาคาร, ระบบการชำระเงินและร้านค้าออนไลน์ทุกที่ที่คุณป้อนรายละเอียดบัตรธนาคารหรือชำระเงินออนไลน์ Safe Money ช่วยให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของธนาคาร, ระบบการชำระเงินและร้านค้าออนไลน์เป็นของแท้ - ตรวจสอบใบรับรองความปลอดภัยของเว็บไซต์ตามข้อมูลจาก Kaspersky Security Network รายการเว็บไซต์ธนาคาร, ระบบการชำระเงินและร้านค้าออนไลน์ที่ตรวจสอบแล้วจะได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติพร้อมกับฐานข้อมูลแอปพลิเคชัน เรียนรู้เพิ่มเติม

การป้องกันความเป็นส่วนตัว

แอปพลิเคชัน Kaspersky บล็อกการเข้าถึงเว็บแคมของคุณเพื่อป้องกันไม่ให้แอปพลิเคชันใช้งานเว็บแคม บล็อกเว็บไซต์จากการติดตามคุณ และตรวจสอบว่าข้อมูลบัญชีของคุณอาจเข้าถึงได้จากสาธารณะ เนื่องจากข้อมูลที่รั่วไหลในเว็บไซต์ยอดนิยมหรือไม่ เรียนรู้เพิ่มเติม

หมายเหตุ: คุณสมบัติการตรวจสอบบัญชีใน Kaspersky Standard มีฟังก์ชันการทำงานที่จำกัด ทั้งนี้ใน Kaspersky Plus และ Premium จะเป็นแบบเต็มรูปแบบ

ส่วนขยาย Kaspersky Protection สำหรับเบราเซอร์

คุณสามารถใช้ส่วนขยาย Kaspersky Protection เพื่อรักษาความปลอดภัยกิจกรรมการท่องเว็บของคุณและป้องกันรหัสผ่านและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติม

ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจสอบอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ในบ้านของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติม

หมายเหตุ: ฟังก์ชันการทำงานนี้พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

การตรวจสอบติดตามสุขภาพฮาร์ดดิสก์

แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ของคุณเพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลที่ไม่คาดคิดและรักษาข้อมูลที่มีค่าของคุณให้ปลอดภัย แอปพลิเคชันใช้เทคโนโลยี S.M.A.R.T. เพื่อรายงานพารามิเตอร์ที่สำคัญของสภาพแวดล้อมฮาร์ดดิสก์และแจ้งให้คุณทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์และปัญหาที่สำคัญ เรียนรู้เพิ่มเติม

หมายเหตุ: ฟังก์ชันการทำงานนี้พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

การอัปเดตฐานข้อมูล

แอปพลิเคชัน Kaspersky อัปเดตฐานข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์อัปเดต Kaspersky อย่างสม่ำเสมอ แอปพลิเคชันสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งเวอร์ชันใหม่โดยอัตโนมัติ เรียนรู้เพิ่มเติม

การกักกัน

เมื่อตรวจพบไฟล์ที่ติดไวรัส แอปพลิเคชันจะสร้างสำเนาของไฟล์ในพื้นที่กักกันก่อนที่จะพยายามล้างการติดเชื้อหรือลบไวรัส คุณสามารถกู้คืนเวอร์ชันดั้งเดิมของไฟล์ได้ทุกเมื่อ เรียนรู้เพิ่มเติม

รายงาน

แอปพลิเคชัน Kaspersky สร้างรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบของแอปพลิเคชัน เรียนรู้เพิ่มเติม

การแจ้งเตือน

แอปพลิเคชัน Kaspersky ใช้การแจ้งเตือนเพื่อแจ้งให้คุณทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการทำงานของแอปพลิเคชัน สามารถเปิดการแจ้งเตือนพร้อมเสียงได้ เรียนรู้เพิ่มเติม

สถานะการป้องกัน

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะช่วยให้คุณวิเคราะห์และแก้ไขปัญหารวมถึงภัยคุกคามความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงการป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณ และส่งข่าวสารล่าสุดและข้อเสนอพิเศษจาก Kaspersky อีกด้วย เรียนรู้เพิ่มเติม

รายงานความปลอดภัย

แอปพลิเคชัน Kaspersky สร้างรายงานความปลอดภัยโดยสรุปของสถิติการสแกนและปัญหาด้านความปลอดภัยที่ตรวจพบโดยแอปพลิเคชัน เรียนรู้เพิ่มเติม

การจัดการระยะไกลผ่าน My Kaspersky

ด้วยการลงชื่อเข้าใช้

บนคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คุณสามารถจัดการการป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky จากระยะไกล: ดูสถานะปัจจุบันของการป้องกันคอมพิวเตอร์, แก้ไขปัญหา, ตอบสนองต่อภัยคุกคามความปลอดภัยคอมพิวเตอร์, เปิดใช้งานหรือปิดใช้งานส่วนประกอบการป้องกัน (File Anti-Virus, การเรียกดูอย่างปลอดภัย, ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย), เรียกใช้การสแกนไวรัส, อัปเดตฐานข้อมูลแอปพลิเคชัน, เปิดหรือปิดการป้องกันความเป็นส่วนตัว, ส่วนประกอบ Safe Money และจัดการรหัสใบอนุญาตแอปพลิเคชัน Kaspersky เรียนรู้เพิ่มเติม

บริการการสนับสนุนระดับพรีเมียม

ด้วยบริการการสนับสนุนระดับพรีเมียม Kaspersky คุณจะได้รับการป้องกันและความสะดวกเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงสิทธิ์การเข้าถึงพิเศษ บริการติดตั้งจากผู้เชี่ยวชาญ การตรวจสอบและลบไวรัส รวมถึงการตรวจสอบสุขภาพพีซี เรียนรู้เพิ่มเติม

หมายเหตุ: ฟังก์ชันการทำงานนี้พร้อมใช้งานใน Kaspersky Premium เท่านั้น

การตรวจสอบการขโมยข้อมูลประจำตัว

แอปพลิเคชัน Kaspersky ช่วยให้ตรวจสอบได้ว่ามีข้อมูลรั่วไหลจากบัญชีที่เชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์ของคุณหรือไม่ เรียนรู้เพิ่มเติม

หมายเหตุ: ฟังก์ชันการทำงานนี้พร้อมใช้งานใน Kaspersky Premium เท่านั้น

ด้านบนของหน้า

[Topic 229752]

เวอร์ชันนี้มีอะไรใหม่บ้าง

แอปพลิเคชัน Kaspersky เสนอคุณสมบัติและการปรับปรุงใหม่ๆ ต่อไปนี้:

  • ปัจจุบันรองรับ macOS 14 Sonoma เวอร์ชันใหม่
  • แก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงทั่วไป
ด้านบนของหน้า

[Topic 223916]

เปรียบเทียบแผน Kaspersky

Kaspersky (แอปพลิเคชัน macOS) ขอเสนอแผนที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคุณ

ตารางต่อไปนี้แสดงฟังก์ชันการทำงานของแอปพลิเคชันที่พร้อมใช้งานภายใต้แต่ละแผน

แผนของ Kaspersky

ฟังก์ชันการทำงาน

Standard

Plus

Premium

My Kaspersky

ใช่

ใช่

ใช่

ความปลอดภัย

File Anti-Virus

ใช่

ใช่

ใช่

การเรียกดูอย่างปลอดภัย

ใช่

ใช่

ใช่

สแกน

ใช่

ใช่

ใช่

การอัปเดตฐานข้อมูล

ใช่

ใช่

ใช่

Kaspersky Security Network

ใช่

ใช่

ใช่

การตั้งค่าที่คาดเดาง่าย

ใช่

ใช่

ใช่

Safe Money

ใช่

ใช่

ใช่

การกักกัน

ใช่

ใช่

ใช่

ตัวแนะนำ URL

ใช่

ใช่

ใช่

ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย

ใช่

ใช่

ใช่

รายงาน

ใช่

ใช่

ใช่

การจัดการการสมัครใช้บริการ

ใช่

ใช่

ใช่

ข่าวสารด้านความปลอดภัย

ใช่

ใช่

ใช่

ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

 

ใช่

ใช่

ประสิทธิภาพ

การตรวจสอบติดตามสุขภาพฮาร์ดดิสก์

 

ใช่

ใช่

ความเป็นส่วนตัว

ะบบป้องกันเว็บแคม

ใช่

ใช่

ใช่

การเรียกดูส่วนตัว

ใช่

ใช่

ใช่

ตรวจสอบบัญชี

ใช่

ที่จำกัด

ใช่

ใช่

คีย์บอร์ดบนหน้าจอ

ใช่

ใช่

ใช่

การป้องกัน Wi-Fi

ใช่

ใช่

ใช่

การตรวจจับ stalkerware

ใช่

ใช่

ใช่

Kaspersky VPN

 

ใช่

ใช่

Kaspersky Password Manager

 

ใช่

ใช่

การตรวจสอบความปลอดภัยรหัสผ่าน

 

ใช่

ใช่

การตรวจสอบรหัสผ่านที่ซ้ำกัน

 

ใช่

ใช่

การสนับสนุน

คำตอบเกี่ยวกับคำถามที่พบบ่อย

ใช่

ใช่

ใช่

เคล็ดลับการกำหนดค่าแอปพลิเคชัน

ใช่

ใช่

ใช่

กระดานสนทนา

ใช่

ใช่

ใช่

ตัวตน

บริการการสนับสนุนระดับพรีเมียม

 

 

ใช่

การตรวจสอบการขโมยข้อมูลประจำตัว

 

 

ใช่

กระเป๋าป้องกันข้อมูลระบุตัวตน

 

 

ใช่

หมายเหตุ: บริการการสนับสนุนระดับพรีเมียมไม่พร้อมใช้งาน ในบางประเทศ

ด้านบนของหน้า

[Topic 118665]

ความต้องการของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

แอปพลิเคชัน Kaspersky มีข้อกำหนดด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ดังต่อไปนี้:

  • ประเภทหน่วยประมวลผล: Intel, Apple silicon
  • หน่วยความจำ (RAM) 4 GB
  • เนื้อที่ว่างบนดิสก์ 1360 MB
  • macOS 11, 12, 13 หรือ 14
  • การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ดูเพิ่ม

เตรียมตัวสำหรับการติดตั้ง

ติดตั้งแอปพลิเคชัน

ถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน

ด้านบนของหน้า

[Topic 118668]

เตรียมตัวสำหรับการติดตั้ง

ก่อนติดตั้งแอปพลิเคชันลงในคอมพิวเตอร์ของคุณ เราแนะนำให้ทำสิ่งต่อไปนี้:

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคอมพิวเตอร์ของคุณเป็นไปตามความต้องการของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
  • ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในคอมพิวเตอร์ของคุณ ระบบต้องการการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่ลงเครื่องคอมพิวเตอร์ และรับการอัปเดต
  • ลบแอปพลิเคชัน anti-virus อื่นใดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความเข้ากันได้ และเสริมประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์ของคุณสูงสุด

รายการแอปพลิเคชันที่เข้ากันไม่ได้

  • AdGuard for Mac
  • Avast! Free AntiVirus for Mac
  • Avast AntiVirus Mac Edition
  • Avira Mac Security
  • Avira Free Mac Security
  • AVG Link Scanner for Mac
  • AVG Antivirus for Mac
  • Bitdefender Antivirus for Mac
  • Cisco AnyConnect web security module
  • Cisco Endpoint Security
  • ClamXav
  • ClashX
  • Comodo Antivirus for Mac
  • Dr.Web Antivirus for macOS
  • Dr.Web Antivirus Link Checker
  • ESET Cybersecurity for Mac
  • F-Secure Anti-Virus for Mac
  • Hotspot shield
  • Intego VirusBarrier for Mac
  • Intego Internet Security Barrier for Mac
  • Intego Washing Machine for Mac
  • Intego Mac Internet Security
  • Intego Family Protector
  • Little Snitch
  • MacKeeper Internet Security
  • MacScan
  • McAfee VirusScan for Mac
  • NordVPN
  • Norton Antivirus
  • Panda Antivirus for Mac
  • Private Internet Access
  • ProtectMac Antivirus
  • Sonicwall
  • Sophos Anti-Virus for Mac
  • Symantec Norton Antivirus for Mac
  • Symantec Norton Internet Security for Mac
  • Trend Micro Smart Surfing for Mac
  • Trend Micro Titanium Internet Security for Mac
  • Zebra scanner for Mac

ดูเพิ่ม

ความต้องการของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

ติดตั้งแอปพลิเคชัน

ถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน

ด้านบนของหน้า

[Topic 118670]

ติดตั้งแอปพลิเคชัน

คุณสามารถติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky ได้ด้วยหนึ่งในวิธีต่อไปนี้:

  • จากชุดที่วางจำหน่ายซึ่งดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ Kaspersky หากคุณติดตั้งแอปพลิเคชันจากชุดจำหน่าย ตัวติดตั้งจะตรวจหา Kaspersky เวอร์ชันใหม่ในเซิร์ฟเวอร์ของแอปพลิเคชัน หากมีเวอร์ชันใหม่พร้อมให้บริการ ตัวติดตั้งจะสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณได้
  • จาก My Kaspersky หากคุณมีการสมัครใช้บริการสำหรับแอปพลิเคชัน Kaspersky อยู่แล้ว จาก My Kaspersky คุณจะสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันเวอร์ชันล่าสุดได้

ติดตั้ง Kaspersky

  1. เปิดไฟล์ DMG ที่คุณดาวน์โหลดมาจาก My Kaspersky หรือเว็บไซต์ของ Kaspersky
  2. ในหน้าต่างที่เปิดขึ้น ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ติดตั้ง Kaspersky

    ตัวช่วยติดตั้ง Kaspersky จะเปิดขึ้น

  3. ทำตามขั้นตอนของตัวช่วยในการติดตั้งเพื่อดำเนินการติดตั้งให้เสร็จสมบูรณ์

เมื่อการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ Kaspersky จะเริ่มต้นโดยอัตโนมัติ

ดูเพิ่ม

ความต้องการของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

เตรียมตัวสำหรับการติดตั้ง

ถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน

ด้านบนของหน้า

[Topic 118671]

ถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน

หมายเหตุ: การถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่ได้ลบส่วนขยายแอปพลิเคชันออกจาก Google Chrome และ Firefox โดยอัตโนมัติ สำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการส่วนขยายของเบราว์เซอร์ในเบราว์เซอร์เหล่านี้ โปรดดูจากเอกสารประกอบของเบราว์เซอร์ของคุณ

ถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน

  1. ในแถบเมนู ให้เลือก วิธีใช้ > ฝ่ายสนับสนุน
  2. ในกล่องข้อความที่เปิดขึ้น ให้คลิกที่ถอนการติดตั้ง

    ตัวถอนการติดตั้ง Kaspersky จะเริ่มขึ้น

  3. ในหน้าต่างที่เปิดขึ้น ให้คลิกที่ถอนการติดตั้งอีกครั้ง
  4. ในการสอบถามข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบ ให้ป้อนชื่อผู้ดูและระบบและรหัสผ่าน และยืนยันว่าคุณต้องการถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน

    เริ่มต้นถอนการติดตั้งของแอปพลิเคชัน Kaspersky

  5. อ่านข้อมูลเกี่ยวกับการถอนการติดตั้งแล้วคลิกที่ออกเพื่อปิดตัวถอนการติดตั้ง

ตอนนี้แอปพลิเคชัน Kaspersky ถูกลบออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ของคุณหลังการลบแอปพลิเคชัน

ดูเพิ่ม

ความต้องการของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

เตรียมตัวสำหรับการติดตั้ง

ติดตั้งแอปพลิเคชัน

ด้านบนของหน้า

[Topic 225745]

เปลี่ยนจากแอปพลิเคชันอื่นโดย Kaspersky เป็นแอปพลิเคชันของ Kaspersky

หากคุณมี Kaspersky Internet Security หรือ Kaspersky Security Cloud ติดตั้งอยู่ใน Mac ของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนไปใช้แอปพลิเคชัน Kaspersky ได้อย่างราบรื่น เพียงแค่ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky แอปพลิเคชันก่อนหน้าจะถูกลบออกจาก Mac ของคุณโดยอัตโนมัติ และใบอนุญาตใช้งานหรือการสมัครใช้บริการจะถูกถ่ายโอนไปยังแอปพลิเคชันใหม่

ใบอนุญาตใช้งานหรือการสมัครใช้บริการจะถูกถ่ายโอนในแอปพลิเคชัน Kaspersky ด้วยวิธีดังต่อไปนี้:

  • หากคุณมีใบอนุญาตใช้งานหรือการสมัครใช้บริการของ Kaspersky Internet Security คุณจะได้รับการสมัครใช้บริการ Kaspersky Standard ในแอปพลิเคชันใหม่
  • หากคุณมีใบอนุญาตใช้งานหรือการสมัครใช้บริการของ Kaspersky Security Cloud หรือ Kaspersky Total Security คุณจะได้รับการสมัครใช้บริการ Kaspersky Plus ในแอปพลิเคชันใหม่
ด้านบนของหน้า

[Topic 198606]

เริ่มใช้แอปพลิเคชันเป็นครั้งแรก

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะเริ่มต้นใน Mac ของคุณทันทีหลังการติดตั้ง ในการที่จะป้องกัน Mac ของคุณในทันที แอปพลิเคชันจะแจ้งให้คุณดำเนินการตั้งค่าพื้นฐาน:

  • เปิดใช้งานแอปพลิเคชัน
  • เชื่อมต่อกับ My Kaspersky
  • ให้การอนุญาตที่จำเป็นแก่แอปพลิเคชันเพื่อป้องกัน Mac ของคุณจากมัลแวร์ การโจมตีของเครือข่าย และภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงป้องกันเงิน ข้อมูลประจำตัว และข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของคุณ

    มอบสิทธิ์อนุญาต

    1. ในหน้าต่างการป้องกันพื้นฐาน ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อให้ File Anti-Virus และการเรียกดูอย่างปลอดภัยทำงานได้อย่างถูกต้อง:
      • หากคุณต้องการให้ File Anti-Virus ตรวจสอบกิจกรรมของไฟล์ที่เป็นอันตรายและกระบวนการที่พยายามดำเนินการบน Mac ของคุณ ให้ติดตั้งส่วนขยายระบบ หากต้องการดำเนินการดังกล่าว ให้คลิกติดตั้งถัดจากรายการส่วนขยายระบบ แล้วดำเนินการตามคำแนะนำบนหน้าจอ
      • หากคุณต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky ทำงานอย่างถูกต้อง คุณต้องอนุญาตให้แอปพลิเคชันสแกนทุกไฟล์ใน Mac ของคุณ หากต้องการดำเนินการดังกล่าว ให้คลิกอนุญาตถัดจากรายการการเข้าถึงดิสก์แบบเต็ม แล้วดำเนินการตามคำแนะนำบนหน้าจอ
      • หากคุณต้องการให้การเรียกดูอย่างปลอดภัยตรวจสอบแพคเก็ตเครือข่ายก่อนที่แพคเก็ตเหล่านั้นจะทำอันตรายต่อ Mac ของคุณ ให้อนุญาตการใช้งานการกรองเนื้อหาเครือข่าย หากต้องการดำเนินการดังกล่าว ให้คลิกอนุญาต ถัดจากรายการการกรองเนื้อหาเครือข่าย แล้วดำเนินการตามคำแนะนำบนหน้าจอ
      • หากคุณต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky ค้นหามัลแวร์และภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตในส่วนปริมาณการใช้งาน HTTPS ที่เข้ารหัสไว้ ให้อนุญาตใช้งานการตรวจสอบส่วนปริมาณการใช้งานบนเว็บไซต์ที่เข้ารหัสไว้ หากต้องการทำเช่นนั้น ให้คลิกอนุญาตถัดจากรายการการตรวจสอบการโอนถ่ายข้อมูลเว็บไซต์ที่เข้ารหัสไว้ แล้วดำเนินการตามคำแนะนำบนหน้าจอ

      สำคัญ: แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องหากไม่ได้รับการอนุญาตเหล่านี้ คุณจำเป็นต้องได้รับการอนุญาตทั้งหมดในหน้าต่างการป้องกันพื้นฐาน

    2. คลิกดำเนินการต่อ

      หน้าต่างการป้องกันเพิ่มเติมจะเปิดขึ้น

    3. หากคุณต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจจับเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย และทำให้การเชื่อมต่อของคุณปลอดภัย ให้เปิดใช้งานบริการหาตำแหน่งที่ตั้ง หากต้องการดำเนินการดังกล่าว ให้คลิกเปิดใช้งานการป้องกันถัดจากรายการการป้องกันเครือข่าย Wi-Fi แล้วดำเนินการตามคำแนะนำบนหน้าจอ
    4. หากคุณต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky เตือนคุณเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย และป้องกันข้อมูลออนไลน์ที่ละเอียดอ่อนของคุณ ให้เปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection สำหรับเบราเซอร์ หากต้องการดำเนินการดังกล่าว ให้คลิกเปิดใช้งานส่วนขยายเพื่อเปิดใช้งานส่วนขยายสำหรับ Safari หรือคลิกติดตั้งเพื่อติดตั้งและเปิดใช้งาน Google Chrome/Firefox แล้วดำเนินการตามคำแนะนำบนหน้าจอ
    5. คลิกดำเนินการต่อ

    หน้าต่างแอปพลิเคชันหลักจะเปิดขึ้น

    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอนุญาตที่คุณต้องให้ โปรดคลิกที่

หมายเหตุ: จำเป็นต้องใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในการตั้งค่าพื้นฐานสำหรับแอปพลิเคชัน Kaspersky

ดูเพิ่ม

เปิดและปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection สำหรับเบราเซอร์ในเบราเซอร์ที่เลือก

ด้านบนของหน้า

[Topic 58751]

เปิดใช้งานแอปพลิเคชัน

สำคัญ: ก่อนเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจสอบให้แน่ใจว่าวันที่และเวลาที่ตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์ของคุณตรงกับวันที่และเวลาจริง

การเปิดใช้งานแอปพลิเคชันเกี่ยวข้องกับการเพิ่มการสมัครใช้บริการและการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันไปยังบัญชี My Kaspersky

หมายเหตุ: จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน

เปิดใช้งานแอปพลิเคชันหากคุณมีการสมัครใช้บริการในบัญชี My Kaspersky ของคุณอยู่แล้ว

  1. เริ่มแอปพลิเคชัน
  2. ในหน้าต่าง เลือกโหมดการเปิดใช้งานของคุณ ให้เลือก ลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky
  3. ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันด้วยการสมัครใช้บริการในบัญชี My Kaspersky ของคุณ

    แอปพลิเคชันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์การเปิดใช้งาน Kaspersky และส่งข้อมูลเพื่อยืนยันความถูกต้อง หากยืนยันความถูกต้องสำเร็จ แอปพลิเคชันจะได้รับและเพิ่มคีย์ใบอนุญาตใช้งานสำหรับการสมัครใช้บริการ

เปิดใช้งานแอปพลิเคชันด้วยรหัสเปิดใช้งาน

  1. เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. ในบานหน้าต่างด้านล่างสุดของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิกที่โปรไฟล์

    หน้าต่างโปรไฟล์จะเปิดขึ้น

  3. ในหน้าต่างโปรไฟล์ ให้ป้อนรหัสเปิดใช้งานที่คุณได้รับเมื่อซื้อโซลูชัน Kaspersky
  4. คลิก เปิดใช้งาน

    หมายเหตุ: รหัสเปิดใช้งานเป็นชุดตัวอักษรละตินและตัวเลขที่ไม่ซ้ำกัน 20 ตัว ในรูปแบบ xxxxx-xxxxx-xxxxx-ххххх

    แอปพลิเคชัน Kaspersky เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์การเปิดใช้งาน Kaspersky และส่งรหัสเปิดใช้งานเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง หากยืนยันความถูกต้องของรหัสเปิดใช้งานสำเร็จ แอปพลิเคชันจะรับและเพิ่มคีย์ใบอนุญาตใช้งานโดยอัตโนมัติ

  5. คลิก เสร็จสิ้น เพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันให้เสร็จสมบูรณ์

    หมายเหตุ: คุณอาจจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับ My Kaspersky เพื่อเปิดใช้งานให้เสร็จสมบูรณ์

    หากไม่สามารถยืนยันความถูกต้องรหัสเปิดใช้งานได้ การแจ้งเตือนที่เกี่ยวข้องจะปรากฏขึ้น ในกรณีนี้ ให้ติดต่อผู้จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ที่ให้รหัสเปิดใช้งานนี้แก่คุณ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกการเปิดใช้งานอื่นๆ โปรดดูที่ ความช่วยเหลือ Kaspersky สำหรับแอปพลิเคชัน Windows

เปิดใช้งานเวอร์ชันทดลองใช้ หากมี

  1. เริ่มแอปพลิเคชัน Kaspersky
  2. ในหน้าต่าง เลือกโหมดการเปิดใช้งานของคุณ ให้เลือกปุ่ม เริ่มต้นใช้เวอร์ชันทดลอง
  3. ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันด้วยการสมัครใช้บริการช่วงทดลอง

    หมายเหตุ: คุณอาจจำเป็นต้องลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky เพื่อเปิดใช้งานให้เสร็จสมบูรณ์

    แอปพลิเคชัน Kaspersky เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์การเปิดใช้งาน Kaspersky และส่งข้อมูลเพื่อยืนยันความถูกต้อง หากยืนยันความถูกต้องสำเร็จ แอปพลิเคชันจะได้รับและเพิ่มคีย์ใบอนุญาตใช้งานสำหรับการสมัครใช้บริการช่วงทดลองฟรี

    สำคัญ: แอปพลิเคชัน Kaspersky เวอร์ชันทดลองใช้สามารถเปิดใช้งานได้เฉพาะเมื่อไม่เคยเปิดใช้งานแอปพลิเคชันในคอมพิวเตอร์มาก่อน

หลังจากคุณเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน คุณสามารถค้นหาข้อมูลต่อไปนี้ในหน้าต่างโปรไฟล์:

  • สถานะการสมัครใช้บริการ
  • คีย์ที่ใช้งานอยู่
  • เวลาและวันหมดอายุการสมัครใช้บริการ
  • จำนวนวันก่อนหมดอายุการสมัครสมาชิก
  • จำนวนอุปกรณ์ที่ได้รับการปกป้องโดยการสมัครสมาชิกของคุณ และจำนวนอุปกรณ์ที่คุณใช้การป้องกันร่วมกันได้

    หมายเหตุ: แผนการสมัครสมาชิกบางแผนอาจแสดงเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนอุปกรณ์ทั้งหมดที่ปกป้องได้จากการสมัครสมาชิกของคุณ

ด้านบนของหน้า

[Topic 112738]

เชื่อมต่อกับ My Kaspersky

หมายเหตุ: หากคุณเคยลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky ในแอปพลิเคชัน Kaspersky อื่นในเครื่อง Mac ของคุณ Kaspersky จะแจ้งให้คุณลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky โดยใช้บัญชีเดียวกันหลังจากติดตั้งแอพพลิเคชั่น

ลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky โดยใช้บัญชีของคุณที่มีอยู่

ในหน้าต่าง ลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky ให้ดำเนินการข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้:

  • หากคุณต้องการเชื่อมต่อกับ My Kaspersky ด้วยบัญชี Google, Facebook หรือ Apple ให้คลิกปุ่มดังกล่าวและทำตามคำแนะนำ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดูที่ ความช่วยเหลือ My Kaspersky หากคุณยังไม่มีบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky แอปพลิเคชันจะแจ้งให้คุณลงทะเบียนใน My Kaspersky

    หมายเหตุ: ความพร้อมใช้งานของตัวเลือกในการลงชื่อเข้าใช้ด้วย Facebook นั้นขึ้นอยู่กับภูมิภาคของคุณ

  • หากคุณมีข้อมูลล็อกอินและรหัสผ่านสำหรับบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ของคุณ ให้ป้อนข้อมูลประจำตัวของคุณและคลิก ลงชื่อเข้าใช้

    หมายเหตุ: หากคุณป้อนรหัสผ่านไม่ถูกต้องหลายครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ คุณจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรจากรูปภาพเพื่อให้ผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัย

    หมายเหตุ: หากคุณได้ เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองขั้นตอนสำหรับบัญชี My Kaspersky ของคุณ คุณจำเป็นต้องป้อนรหัสที่ได้รับผ่านข้อความ SMS หรือรหัสที่สร้างขึ้นในแอปตรวจสอบความถูกต้อง

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะลงชื่อเข้าใช้บัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ของคุณ

สำคัญ: หากเวอร์ชันแอปพลิเคชันของคุณได้รับการดาวน์โหลดจากบัญชี My Kaspersky ของคุณที่มีการป้อนรหัสเปิดใช้งานสำหรับแอปพลิเคชัน Kaspersky และการสมัครใช้บริการที่ยังไม่หมดอายุ แอปพลิเคชันจะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหลังจากที่คุณลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky

สร้างบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky จากอินเทอร์เฟซของแอปพลิเคชัน

  1. ในหน้าต่าง ลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky คลิก สร้างบัญชีผู้ใช้

    หน้าต่าง สร้างบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky จะเปิดขึ้น

    หมายเหตุ: หากคุณป้อนที่อยู่อีเมลที่มีผู้ใช้อยู่แล้ว ที่อยู่อีเมลที่ไม่ถูกต้อง หรือรหัสผ่านที่มีผู้ใช้มากเกินไปหลายครั้งในระยะเวลาสั้นๆ คุณจะต้องป้อนตัวอักษรจากรูปภาพเพื่อให้ผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัย

  2. ในช่องที่อยู่อีเมล ป้อนที่อยู่อีเมลที่คุณต้องการให้เชื่อมโยงกับบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ใหม่ของคุณ
  3. ในช่องรหัสผ่าน ป้อนรหัสผ่านสำหรับบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ใหม่ของคุณ

    หมายเหตุ: รหัสผ่านต้องมีตัวอักขระต่ำสุดแปดตัว โดยมีตัวเลขอย่างน้อยหนึ่งตัว ตัวอักษรพิมพ์เล็กหนึ่่งตัว และตัวอักษรพิมพ์ใหญ่หนึ่งตัว ไม่อนุญาตให้มีช่องว่าง

  4. ในช่องการยืนยันรหัสผ่าน ป้อนรหัสผ่านอีกครั้ง
  5. ในเมนูป็อปอัปการเลือกภูมิภาค ให้เลือกภูมิภาคของคุณ

    หมายเหตุ: แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงภูมิภาคของคุณโดยอัตโนมัติตามภูมิภาคที่กำหนดไว้ในการตั้งค่าภาษาและภูมิภาคของระบบ ตัวเลือกนี้จะกำหนดการตั้งค่าภูมิภาคสำหรับบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ของคุณ ตัวอย่างเช่น ภาษาที่ใช้แสดงและแอปพลิเคชัน Kaspersky ที่สามารถใช้งานได้ คุณสามารถเปลี่ยนภูมิภาคของคุณสำหรับ My Kaspersky ได้ในภายหลังโดยการติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเท่านั้น

  6. หากคุณยินยอมมอบที่อยู่อีเมลแก่ Kaspersky เพื่อรับข้อความอีเมลที่ให้ข้อมูลและโปรโมชัน ให้เลือกช่องทำเครื่องหมาย ฉันยินยอมมอบที่อยู่อีเมลของฉันแก่ Kaspersky เพื่อรับข้อเสนอทางการตลาดที่ปรับให้เหมาะสมกับบุคคล
  7. คลิก สร้าง

แอปพลิเคชัน Kaspersky เชื่อมต่อกับ My Kaspersky และสร้างบัญชีของคุณ หลังจากสร้างบัญชีของคุณแล้ว ข้อความอีเมลที่มีคำแนะนำเกี่ยวกับการเปิดใช้งานบัญชีจะถูกส่งไปยังที่อยู่อีเมลที่คุณระบุไว้ระหว่างการลงทะเบียน

สลับเป็นบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky อีกบัญชี

  1. เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลักและคลิก <บัญชีผู้ใช้ My Kaspersky>
  2. ในหน้าต่างโปรไฟล์ที่เปิดขึ้น คลิก จัดการบัญชีผู้ใช้

    หน้าต่างสำหรับลงชื่อเข้าสู่ My Kaspersky จะเปิดขึ้น

  3. ป้อนข้อมูลประจำตัวของบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ของคุณ
  4. คลิก ลงชื่อเข้าใช้

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะลงชื่อเข้าใช้บัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ของคุณ

ด้านบนของหน้า

[Topic 180180]

เกี่ยวกับการตรวจสอบสองขั้นตอน

สำคัญ: การยืนยันสองขั้นตอนอาจไม่สามารถใช้งานได้ในภูมิภาคของคุณ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดูที่ ความช่วยเหลือ My Kaspersky

การยืนยันสองขั้นตอนป้องกันไม่ให้คนร้ายลงชื่อเข้าใช้บัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ของคุณแม้ว่าพวกเขาจะรู้รหัสผ่านของคุณก็ตาม คุณจะได้รับรหัสความปลอดภัยที่ไม่ซ้ำกันเพื่อยืนยันตัวผ่านหนึ่งในหลายวิธีต่อไปนี้:

  • ผ่าน SMS เราใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่คุณบันทึกไว้ใน My Kaspersky ซึ่งหมายความว่าจำเป็นต้องมีทั้งรหัสผ่านและโทรศัพท์ของคุณเพื่อลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณ
  • ผ่านแอปตรวจสอบความถูกต้อง ในขั้นแรก คุณต้องตั้งการยืนยันสองขั้นตอนผ่านหมายเลขโทรศัพท์เพื่อให้สามารถใช้แอปตรวจสอบความถูกต้องได้

คุณสามารถเปิดใช้งานการยืนยันสองขั้นตอนได้ใน My Kaspersky หากคุณเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ สามารถอัปเดตได้ใน My Kaspersky หากคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณบนอุปกรณ์อยู่แล้ว จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สำหรับคำแนะนำโดยละเอียด ดูที่ ความช่วยเหลือ My Kaspersky

หมายเหตุ:รหัสความปลอดภัยใช้งานได้ในระยะเวลาสั้น หากรหัสหมดอายุ ให้ขอรหัสความปลอดภัยใหม่

หากคุณยังไม่ได้รับข้อความ SMS พร้อมรหัสความปลอดภัย

  1. ตรวจสอบว่าอุปกรณ์มือถือของคุณเปิดอยู่และมีสัญญาณเครือข่ายมือถือหรือไม่
  2. รอจนกว่าปุ่ม ร้องขอรหัสอีกครั้งจะพร้อมใช้งาน
  3. คลิก ร้องขอรหัสอีกครั้ง

หากปัญหายังเกิดขึ้นเช่นเดิม กรุณาติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า

ด้านบนของหน้า

[Topic 58162]

หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก

หน้าต่างแอปพลิเคชันหลักของ Kaspersky มีองค์ประกอบอินเทอร์เฟซที่ให้การเข้าถึงไปยังฟังก์ชันหลักของแอปพลิเคชัน ที่นี่ คุณสามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณ จัดการงานสแกนและเว็บแคมของคุณ ตรวจสอบสถานะของฮาร์ดดิสก์และอุปกรณ์สมาร์ทโฮมของคุณ

หน้าต่างแอปพลิเคชันหลักแบ่งออกเป็นสองส่วน:

  • ส่วนทางด้านซ้ายมีแถบด้านข้าง ซึ่งช่วยให้คุณสำรวจแอปพลิเคชันและเข้าถึงฟังก์ชันหลักได้อย่างรวดเร็ว
  • ส่วนตรงกลางแสดงเนื้อหาของส่วนที่เลือกในแถบด้านข้างและให้คุณจัดการข้อมูลได้

แถบด้านข้าง

แถบด้านข้างของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลักอาจมีตัวเลือกต่อไปนี้:

หมายเหตุ: ความพร้อมใช้งานของตัวเลือกแถบด้านข้างขึ้นอยู่กับแผนการสมัครสมาชิกของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติม

หน้าหลัก หน้าหลัก

คลิกเพื่อเปิดหน้า หน้าหลัก ซึ่งช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชันการทำงานของแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว

สถานะการป้องกัน สถานะการป้องกัน

คลิกเพื่อดูสถานะการป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติม

คำแนะนำ คำแนะนำ

คลิกค้นหาข้อแนะนำที่ช่วยแก้ไขการตั้งค่าที่ไม่ปลอดภัยและเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้กับคอมพิวเตอร์ของคุณได้

ข่าวสาร ข่าวสาร

คลิกเพื่อค้นหาข่าวความปลอดภัยล่าสุดและข้อเสนอพิเศษจาก Kaspersky

สแกน สแกน

คลิกเพื่อจัดการงานสแกน เรียนรู้เพิ่มเติม

การอัปเดตฐานข้อมูล การอัปเดตฐานข้อมูล

คลิกเพื่อจัดการงานอัปเดต เรียนรู้เพิ่มเติม

ตัวควบคุมเว็บ ตัวควบคุมเว็บ

คลิกเพื่อตรวจสอบและจัดการการเข้าถึงเว็บไซต์ ตัวควบคุมเว็บใช้ได้เฉพาะเมื่อคุณเปิดใช้งานแอปพลิเคชันด้วยรหัสเปิดใช้งาน Kaspersky Small Office Security หากคุณเปลี่ยนรหัสเปิดใช้งาน ตัวควบคุมเว็บจะถูกแทนที่ด้วย Parental Control (จีน) Parental Control มีฟังก์ชันการทำงานแบบเดียวกับตัวควบคุมเว็บ เรียนรู้เพิ่มเติม

ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

คลิกเพื่อจัดการอุปกรณ์สมาร์ทโฮมของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติม

การตรวจสอบสุขภาพ HD การตรวจสอบสุขภาพ HD

คลิกเพื่อตรวจสอบสถานะของฮาร์ดดิสก์ของคุณ และเปิดหรือปิดใช้งานการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์เป็นระยะ เรียนรู้เพิ่มเติม

การป้องกันความเป็นส่วนตัว การปกป้องความเป็นส่วนตัว

คลิกเพื่อจัดการการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติม

ตรวจสอบบัญชี ตรวจสอบบัญชี

คลิกเพื่อดูว่าข้อมูลของคุณรั่วไหลหรือไม่ เรียนรู้เพิ่มเติม

บริการระดับพรีเมียม บริการระดับพรีเมียม

คลิกเพื่อรับบริการการสนับสนุนระดับพรีเมียม (เฉพาะ Kaspersky Premium เท่านั้น) เรียนรู้เพิ่มเติม

การตรวจสอบการขโมยข้อมูลประจำตัว การขโมยตัวตน

คลิกเพื่อดูว่าบัญชีที่เชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์ของคุณตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ (เฉพาะ Kaspersky Premium) เรียนรู้เพิ่มเติม

โปรไฟล์ / <บัญชีผู้ใช้ My Kaspersky>

คลิกเพื่อลงชื่อเข้าใช้บัญชี My Kaspersky หรือดูข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครใช้บริการของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติม

การควบคุมของหน้า หน้าหลัก

หน้า หน้าหลัก ช่วยให้เข้าถึงคุณสมบัติหลักของแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว และอาจมีส่วนควบคุมต่อไปนี้:

หมายเหตุ: ความพร้อมใช้งานของการควบคุมที่แสดงในหน้า หน้าหลัก ขึ้นอยู่กับแผนการสมัครสมาชิกของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติม

สถานะการป้องกัน

แจ้งให้คุณทราบเกี่ยวกับปัญหาการป้องกันคอมพิวเตอร์ เรียนรู้เพิ่มเติม

สแกน

อนุญาตให้จัดการงานสแกน เรียนรู้เพิ่มเติม

บล็อกเว็บแคม

บล็อกการเข้าถึงเว็บแคมของคุณเพื่อไม่ให้แอปพลิเคชันใด ๆ นำไปใช้ได้ เรียนรู้เพิ่มเติม

ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

ตรวจสอบอุปกรณ์ในเครือข่าย Wi-Fi ในบ้านของคุณ (เฉพาะ Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น) เรียนรู้เพิ่มเติม

การตรวจสอบติดตามสุขภาพฮาร์ดดิสก์

ตรวจสอบสถานะของฮาร์ดดิสก์ของคุณและเปิดหรือปิดใช้งานการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์เป็นระยะ (เฉพาะ Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น) เรียนรู้เพิ่มเติม

การเรียกดูส่วนตัว

อนุญาตให้บล็อกเว็บไซต์ไม่ให้ติดตามคุณ เรียนรู้เพิ่มเติม

ไทม์ไลน์

แจ้งให้คุณทราบเกี่ยวกับกิจกรรมของแอปพลิเคชัน เรียนรู้เพิ่มเติม

ด้านบนของหน้า

[Topic 58262]

เปิดและออกจากแอปพลิเคชัน

ทันทีที่คุณติดตั้งสำเร็จ แอปพลิเคชันจะเริ่มต้นโดยอัตโนมัติและ ไอคอนแอปพลิเคชัน จะปรากฏในแถบเมนู

เปิดแอปพลิเคชัน

ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน

ออกจากแอปพลิเคชัน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก ออก
  2. ในแจ้งเตือนสำหรับกรอกข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบ ให้ป้อนชื่อผู้ดูแลระบบและรหัสผ่านและยืนยันว่าคุณต้องการออกจากแอปพลิเคชัน Kaspersky

    หมายเหตุ: คุณยังสามารถใช้ Touch ID ได้หากอุปกรณ์ของคุณสนับสนุน

เมื่อคุณออกจากแอปพลิเคชัน กระบวนการของแอปพลิเคชันจะถูกลบออกจากหน่วยความจำคอมพิวเตอร์

สำคัญ: หลังจากที่คุณออกจากแอปพลิเคชัน Kaspersky คอมพิวเตอร์จะไม่ได้รับการป้องกันอีกต่อไปและอาจติดไวรัสซึ่งทำให้ข้อมูลของคุณเสี่ยงต่อการสูญหาย

ด้านบนของหน้า

[Topic 73374]

เกี่ยวกับข้อตกลงผู้ใช้งานปลายทาง

ข้อตกลงผู้ใช้งานปลายทาง (ข้อตกลงลิขสิทธิ์) เป็นข้อตกลงระหว่างคุณและ AO Kaspersky Lab ซึ่งจะกำหนดขอบเขตเงื่อนไขที่คุณสามารถใช้แอปพลิเคชันได้

สำคัญ: อ่านข้อตกลงลิขสิทธิ์อย่างละเอียดก่อนเริ่มใช้แอปพลิเคชัน

คุณสามารถดูข้อกำหนดของข้อตกลงผู้ใช้งานปลายทางโดยใช้วิธีการดังต่อไปนี้:

  • ระหว่างการติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky
  • โดยการอ่านเอกสาร license.txt ในโฟลเดอร์ที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน

โดยการติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky ถือว่าคุณยืนยันว่าคุณเข้าใจและยอมรับเงื่อนไขของข้อตกลงผู้ใช้งานปลายทาง หากคุณไม่ยอมรับเงื่อนไขของข้อตกลงผู้ใช้งานปลายทาง ให้ยกเลิกการติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky และหยุดใช้งานแอปพลิเคชัน

ด้านบนของหน้า

[Topic 74860]

เกี่ยวกับการสมัครใช้บริการ

การสมัครใช้บริการแอปพลิเคชัน Kaspersky เป็นคำสั่งซื้อแอปพลิเคชันที่มีข้อจำกัดบางอย่าง (วันหมดอายุ, จำนวนอุปกรณ์ที่ป้องกัน) ที่ทำให้คุณได้รับสิทธิการใช้แอปพลิเคชันตามเงื่อนไขของข้อตกลงใบอนุญาตใช้งานสำหรับผู้ใช้งานปลายทาง คุณสามารถต่ออายุการบอกรับเป็นสมาชิกโดยอัตโนมัติหรือด้วยตนเองก็ได้

เมื่อบอกรับเป็นสมาชิกแล้วคุณจะได้รับสิทธิ:

  • ใช้คุณสมบัติเพิ่มเติมโดยอ้างอิงจากการสมัครใช้บริการที่สั่งซื้อบนอุปกรณ์อย่างน้อย 1 เครื่อง
  • รับความช่วยเหลือจากฝ่ายบริการลูกค้า
  • รับการอัปเดต

การนับระยะเวลาการสมัครใช้บริการจะเริ่มจากวันแรกที่คุณเปิดใช้ รหัสเปิดใช้งาน เมื่อคุณซื้อการสมัครใช้บริการสำหรับใช้งานแอปพลิเคชัน Kaspersky ในอุปกรณ์หลายเครื่อง ระบบจะนับระยะเวลาเป็นสมาชิกโดยเริ่มจากวันแรกที่คุณใช้รหัสเปิดใช้งาน

เมื่อคุณชำระค่าสมาชิกโดยการต่ออายุอัตโนมัติ จะนับระยะเวลาเป็นสมาชิกโดยเริ่มจากเวลาที่ชำระค่าสมาชิก

เมื่อการสมัครใช้บริการของคุณหมดอายุแล้ว คุณอาจได้รับระยะเวลาผ่อนผันสำหรับต่ออายุการสมัครใช้บริการ ยังสามารถใช้งานแอปพลิเคชันได้ตลอดระยะเวลาผ่อนผัน

ก่อนซื้อการสมัครใช้บริการ คุณสามารถทดลองการสมัครใช้บริการช่วงทดลองของแอปพลิเคชัน Kaspersky ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เวอร์ชันทดลองใช้ของแอปพลิเคชัน Kaspersky สามารถใช้งานได้ในระยะเวลาสั้นๆ ของการทดลองใช้ เมื่อหมดระยะเวลาทดลองใช้ คุณอาจได้รับระยะเวลาผ่อนผัน ซึ่งแอปพลิเคชันจะยังใช้การได้ตามปกติ เมื่อระยะเวลาผ่อนผันสิ้นสุดลง คุณสมบัติทั้งหมดของแอปพลิเคชันจะถูกปิดใช้งาน หากต้องการใช้งานแอปพลิเคชันต่อไป คุณต้องชำระค่าสมาชิก

สำคัญ: แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจสอบอัปเดตสำคัญที่จำเป็นต้องใช้ต่อการทำงานของแอปพลิเคชันอยู่เสมอ ไม่ว่าการสมัครใช้บริการจะอยู่ในสถานะใด (ใช้งานอยู่, หมดอายุ หรือไม่มีใบอนุญาต)

ด้านบนของหน้า

[Topic 144119]

เกี่ยวกับคีย์

คีย์เป็นลำดับบิตที่ไม่ซ้ำกันซึ่งระบุการสมัครใช้บริการ ผู้เชี่ยวชาญของ Kaspersky เป็นผู้สร้างคีย์ขึ้นมา เราอาจขอให้คุณบอกคีย์ของคุณเมื่อติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า คีย์ของคุณจะถูกแสดงในอินเทอร์เฟซของแอปพลิเคชันเป็นลำดับของตัวเลขและตัวอักษรที่ไม่ซ้ำกันหลังจากที่คุณเปิดใช้งานแอปพลิเคชันใน My Kaspersky

ด้านบนของหน้า

[Topic 58754]

เกี่ยวกับรหัสเปิดใช้งาน

รหัสเปิดใช้งานคือรหัสที่คุณจะได้รับเมื่อคุณซื้อการสมัครใช้บริการแอปพลิเคชัน ต้องใช้รหัสนี้เพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันใน My Kaspersky

รหัสเปิดใช้งานเป็นชุดตัวอักษรละตินและตัวเลขในรูปแบบ xxxxx-xxxxx-xxxxx-ххххх ที่ไม่ซ้ำกัน

รหัสเปิดใช้งานอาจถูก Kaspersky บล็อกหากมีการละเมิดข้อตกลงลิขสิทธิ์ หากรหัสเปิดใช้งานถูกบล็อก คุณจะจำเป็นต้องเพิ่มรหัสอื่นหากต้องการใช้แอปพลิเคชัน

ขึ้นกับวิธีที่คุณซื้อแอปพลิเคชัน คุณสามารถได้รับรหัสเปิดใช้งานได้จากหนึ่งในวิธีต่อไปนี้:

  • เมื่อคุณซื้อแอปพลิเคชัน Kaspersky เวอร์ชันกล่อง จะมีรหัสเปิดใช้งานมาให้ในคู่มือหรือกล่องสินค้าที่ใส่ CD ติดตั้งโปรแกรม
  • เมื่อคุณซื้อแอปพลิเคชัน Kaspersky จากร้านค้าออนไลน์ ระบบจะอีเมลรหัสเปิดใช้งานไปยังที่อยู่ที่คุณระบุเมื่อสั่งซื้อ

หากคุณทำรหัสเปิดใช้งานสูญหายหรือลบทิ้งไปโดยไม่เจตนาหลังจากเปิดใช้งานแอปพลิเคชันแล้ว โปรดติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky

ด้านบนของหน้า

[Topic 58761]

ดูข้อมูลการสมัครสมาชิก

ดูข้อมูลการสมัครสมาชิก

  1. เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. ในบานหน้าต่างด้านล่างสุดของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิกที่โปรไฟล์

หน้าต่างโปรไฟล์จะเปิดขึ้น

หน้าต่างโปรไฟล์อาจมีข้อมูลต่อไปนี้:

  • สถานะการสมัครใช้บริการ
  • คีย์ที่ใช้งานอยู่
  • เวลาและวันหมดอายุการสมัครใช้บริการ
  • จำนวนวันก่อนหมดอายุการสมัครสมาชิก
  • จำนวนอุปกรณ์ที่ได้รับการปกป้องโดยการสมัครสมาชิกของคุณ และจำนวนอุปกรณ์ที่คุณใช้การป้องกันร่วมกันได้

    หมายเหตุ: แผนการสมัครสมาชิกบางแผนอาจแสดงเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนอุปกรณ์ทั้งหมดที่ปกป้องได้จากการสมัครสมาชิกของคุณ

ด้านบนของหน้า

[Topic 58759]

จัดการการบอกรับเป็นสมาชิก

หากคุณกำลังใช้แอปพลิเคชันเวอร์ชันทดลองใช้ คุณสามารถ:

  • ซื้อการสมัครใช้บริการ
    1. เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
    2. ในบานหน้าต่างด้านล่างสุดของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิกที่โปรไฟล์

      หน้าต่างโปรไฟล์จะเปิดขึ้น

    3. ในหน้าต่าง โปรไฟล์ ให้คลิก ซื้อ

    เว็บเพจจะเปิดขึ้นพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อใบอนุญาตผ่านร้านค้าออนไลน์ Kaspersky, My Kaspersky หรือคู่ค้าของ Kaspersky เมื่อคุณซื้อการสมัครใช้บริการจากร้านค้าออนไลน์ รหัสเปิดใช้งานสำหรับ Kaspersky จะส่งไปยังที่อยู่อีเมลที่ระบุในแบบฟอร์มการสั่งซื้อหลังจากคุณชำระเงินเสร็จสมบูรณ์

    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกการสั่งซื้ออื่นๆ โปรดดูที่ ความช่วยเหลือ Kaspersky สำหรับแอปพลิเคชัน Windows

  • เปิดใช้งานการสมัครใช้บริการของคุณด้วยรหัสเปิดใช้งาน หากมี
    1. เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
    2. ในบานหน้าต่างด้านล่างสุดของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิกที่โปรไฟล์

      หน้าต่างโปรไฟล์จะเปิดขึ้น

    3. ในหน้าต่างโปรไฟล์ ให้ป้อนรหัสเปิดใช้งานที่คุณได้รับเมื่อซื้อโซลูชัน Kaspersky
    4. คลิก เปิดใช้งาน

      หมายเหตุ: รหัสเปิดใช้งานเป็นชุดตัวอักษรละตินและตัวเลขที่ไม่ซ้ำกัน 20 ตัว ในรูปแบบ xxxxx-xxxxx-xxxxx-ххххх

      แอปพลิเคชัน Kaspersky เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์การเปิดใช้งาน Kaspersky และส่งรหัสเปิดใช้งานเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง หากยืนยันความถูกต้องของรหัสเปิดใช้งานสำเร็จ แอปพลิเคชันจะรับและเพิ่มคีย์ใบอนุญาตใช้งานโดยอัตโนมัติ

    5. คลิก เสร็จสิ้น เพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันให้เสร็จสมบูรณ์

      หมายเหตุ: คุณอาจจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับ My Kaspersky เพื่อเปิดใช้งานให้เสร็จสมบูรณ์

      หากไม่สามารถยืนยันความถูกต้องรหัสเปิดใช้งานได้ การแจ้งเตือนที่เกี่ยวข้องจะปรากฏขึ้น ในกรณีนี้ ให้ติดต่อผู้จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ที่ให้รหัสเปิดใช้งานนี้แก่คุณ

    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกการเปิดใช้งานอื่นๆ โปรดดูที่ ความช่วยเหลือ Kaspersky สำหรับแอปพลิเคชัน Windows

คุณจะต้องต่ออายุการสมัครใช้บริการของคุณหากการสมัครใช้บริการที่เชื่อมโยงกับคีย์ที่ใช้งานอยู่หมดอายุ หรือสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผันแล้ว เมื่อการสมัครใช้บริการหมดอายุหรือสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผัน แอปพลิเคชันจะทำงานต่อโดยมีฟังก์ชันการใช้งานที่จำกัด (ยกตัวอย่างเช่น การอัปเดตและ Kaspersky Security Network จะไม่พร้อมให้บริการ) คุณยังสามารถใช้ส่วนประกอบบางส่วนของแอปพลิเคชันและเรียกใช้การสแกนไวรัสได้ แต่ด้วยฐานข้อมูล anti-virus ที่ติดตั้งก่อนจะสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผันเท่านั้น

ต่ออายุการสมัครใช้บริการของคุณ

  1. เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. ในบานหน้าต่างด้านล่างสุดของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิกที่โปรไฟล์

    หน้าต่างโปรไฟล์จะเปิดขึ้น

  3. ในหน้าต่าง โปรไฟล์ โปรดคลิก ไปที่ My Kaspersky หรือ เยี่ยมชมเว็บไซต์ผู้ให้บริการ

เว็บไซต์ My Kaspersky หรือเว็บไซต์ผู้ให้บริการของคุณจะเปิดขึ้น

หมายเหตุ: หากคุณมีบัญชี My Kaspersky อื่นที่มีการสมัครสมาชิกอยู่ คุณสามารถ สลับบัญชีได้ ในหน้าต่าง โปรไฟล์

หากคุณมีรหัสเปิดใช้งานใหม่ คุณสามารถเพิ่มลงในแอปพลิเคชันเพื่อใช้เป็นรหัสสำรองได้ เมื่อการสมัครสมาชิกปัจจุบันหมดอายุ แอปพลิเคชันจะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติด้วยรหัสเปิดใช้งานการสำรอง ด้วยวิธีนี้ คุณจะมั่นใจได้กับการปกป้องอุปกรณ์ของคุณอย่างต่อเนื่อง

เพิ่มรหัสเปิดใช้งานสำรอง

  1. เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. ในบานหน้าต่างด้านล่างสุดของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิกที่โปรไฟล์

    หน้าต่างโปรไฟล์จะเปิดขึ้น

  3. ในหน้าต่าง โปรไฟล์ ให้คลิก แสดงเพิ่มเติม เพื่อดูข้อมูลการสมัครสมาชิกโดยละเอียด
  4. ในส่วนรหัสเปิดใช้งานที่เก็บไว้ ให้ป้อนรหัสเปิดใช้งานที่คุณได้รับเมื่อซื้อโซลูชัน Kaspersky
  5. คลิก เปิดใช้งาน
  6. แอปพลิเคชัน Kaspersky เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์การเปิดใช้งาน Kaspersky และส่งรหัสเปิดใช้งานเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง หากยืนยันความถูกต้องของรหัสเปิดใช้งานสำเร็จ แอปพลิเคชันจะรับและเพิ่มคีย์ใบอนุญาตใช้งานโดยอัตโนมัติ

สถานะการสมัครใช้บริการของคุณอาจหมดอายุ ในกรณีนี้ คุณจะต้องอัปเดตสถานะการสมัครใช้บริการของคุณด้วยตนเอง

อัปเดตสถานะการสมัครใช้บริการ

  1. ในบานหน้าต่างด้านล่างสุดของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิกที่โปรไฟล์

    หน้าต่างโปรไฟล์จะเปิดขึ้น

  2. คลิกที่ ปุ่ม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการการบอกรับเป็นสมาชิก โปรดดูหัวข้อต่อไปนี้จากความช่วยเหลือ Kaspersky สำหรับแอปพลิเคชัน Windows

การสมัครใช้บริการทำงานอย่างไร

วิธียกเลิกการบอกรับเป็นสมาชิกของคุณ

วิธีตั้งค่าวิธีการชำระเงินอื่น

ด้านบนของหน้า

[Topic 166861]

การปฏิบัติตามกฎหมายสหภาพยุโรป

เมื่อจัดจำหน่ายในสหภาพยุโรป แอปพลิเคชัน Kaspersky ปฏิบัติตามข้อกำหนดของข้อบังคับในการปกป้องข้อมูลทั่วไป (General Data Protection Regulation - GDPR)

ระหว่างการติดตั้ง แอปพลิเคชัน Kaspersky ระบบจะขอให้คุณอ่านและยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของข้อตกลงผู้ใช้งานปลายทางและนโยบายความเป็นส่วนตัว เมื่อคุณยอมรับข้อตกลงผู้ใช้งานปลายทางและนโยบายความเป็นส่วนตัว ถือว่าคุณยืนยันว่ามีอายุตามที่กำหนดเพื่อติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky ภายในสหภาพยุโรป

คุณจะถูกขอให้อ่านและยอมรับแถลงการณ์ต่อไปนี้ด้วย:

  • แถลงการณ์เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลเพื่อการปรับปรุงการป้องกัน (ประกาศเกี่ยวกับ Kaspersky Security Network) ซึ่งอนุญาตให้ปรับปรุงการดำเนินการในการป้องกันและฟังก์ชันการใช้งานที่สำคัญของแอปพลิเคชัน
  • แถลงการณ์เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลสำหรับวัตถุประสงค์ด้านการตลาด (ประกาศด้านการตลาด) ซึ่งอนุญาตให้ Kaspersky เสนอสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้กับคุณ

หากคุณเลือกยอมรับแถลงการณ์เหล่านี้ คุณยังสามารถเพิกถอนการยอมรับในการตั้งค่าแอปพลิเคชันได้ทุกเมื่อ

ด้านบนของหน้า

[Topic 171491]

เกี่ยวกับข้อมูลที่มีให้ (สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา บราซิล)

ดูข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลที่ให้กับ Kaspersky ขณะใช้งานแอปพลิเคชันเวอร์ชันก่อนหน้า

Kaspersky ปกป้องข้อมูลที่ได้รับตามกฎหมายและกฎระเบียบของ Kaspersky ที่บังคับใช้ ข้อมูลจะถูกส่งบนช่องทางที่ปลอดภัย

ข้อตกลงผู้ใช้งานปลายทาง

ข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกมอบแก่ Kaspersky เพื่อวัตถุประสงค์ต่อไปนี้:

  • การจัดการการป้องกันคอมพิวเตอร์และได้รับใบอนุญาตใช้งานทางเว็บไซต์ My Kaspersky
    • รายการปัญหาด้านความปลอดภัยที่ตรวจพบ, รายการคำแนะนำและเวอร์ชันของคำแนะนำ, การดำเนินการที่สามารถทำได้, แอปพลิเคชันเวอร์ชันเต็ม, เวอร์ชันของโปรโตคอล, สถานะของการป้องกันแบบรวม, สถานะของส่วนประกอบการป้องกัน, สถานะของงานสแกน, สถานะของงานอัปเดต, รายการปัญหาที่ตรวจพบในอุปกรณ์ของผู้ใช้, ระดับการป้องกัน, สถานะของฐานข้อมูลและกระบวนการอัปเดต
    • ข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งค่าความปลอดภัยที่หละหลวม: ประเภทการแจ้งเตือน, ความรุนแรง, การเชื่อมโยงฐานความรู้, สถานะการประมวลผล, จำนวน, ความเป็นไปได้ที่จะได้รับการแก้ไข, ตัวระบุกฎการตรวจจับ
  • ให้ฟังก์ชันหลักของซอฟต์แวร์ที่ได้รับกับคุณ
    • การแปลเป็นภาษาท้องถิ่น, รหัสการรีแบรนด์, ประเภทของแอปพลิเคชัน, เวอร์ชันของแอปพลิเคชัน, การแก้ไขแอปพลิเคชันแบบด่วน, เวอร์ชันของ OS, เหตุผลที่ใบอนุญาตไม่ถูกต้อง, ชื่อและเป้าหมายการเชื่อมโยง, ภูมิภาค, ประเภทของ OS, รายการของ ID เนื้อหาที่ผู้ใช้อ่าน, แฮช SHA1 ของการเข้าสู่ระบบของผู้ใช้, ที่อยู่ MAC 5 ไบต์แรกของอุปกรณ์ซึ่งตรวจพบในเครือข่าย Wi-Fi ในบ้านที่อยู่ภายใต้การตรวจสอบ, แฮชของอ็อบเจ็กต์ที่สแกน (MD5, SHA256), โดเมนของทรัพยากรบนเว็บ, ที่อยู่ IP ของเว็บเซิร์ฟเวอร์, แฮช SHA1 ของใบรับรอง, ประเภทของใบรับรอง, เนื้อหาของใบรับรอง, ตรวจหาชื่อ, การปรับปรุงระเบียนฐานข้อมูล, ตัวระบุระเบียนฐานข้อมูล, ประเภทของระเบียนฐานข้อมูล
    • ตัวระบุการกำหนดค่า, ผลการตรวจสอบความถูกต้องของไฟล์โดย KSN, ตัวระบุผลิตภัณฑ์ KSN

มีการมอบข้อมูลส่วนบุคคลแก่ Kaspersky เพื่อวัตถุประสงค์ต่อไปนี้:

Kaspersky Standard

การเปิดใช้งานซอฟต์แวร์และการตรวจสอบยืนยันความชอบด้วยกฎหมายในการใช้งานซอฟต์แวร์

ผู้ถือสิทธิ์จะต้องตรวจสอบยืนยันว่าใบอนุญาตใช้งานที่คุณจะใช้ถูกต้องตามกฎหมายระหว่างการเปิดใช้งานและการใช้งานซอฟต์แวร์ เพื่อดำเนินการดังกล่าว ผู้ถือสิทธิ์ต้องประมวลผลและได้รับข้อมูลดังต่อไปนี้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์, ใบอนุญาตใช้งานที่คุณได้รับ และคอมพิวเตอร์ที่คุณจะติดตั้งซอฟต์แวร์ อันได้แก่:

  • ประเภท เวอร์ชัน และภาษาของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง, เวอร์ชันของอัปเดตที่ติดตั้ง, ตัวระบุของคอมพิวเตอร์ และตัวระบุของการติดตั้งซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์, รหัสเปิดใช้งานและตัวระบุเฉพาะของการเปิดใช้งานใบอนุญาตปัจจุบัน; ประเภท เวอร์ชันและขนาดของคำในระบบปฏิบัติการ; ชื่อของสภาพแวดล้อมแบบเสมือนหากติดตั้งซอฟต์แวร์ในสภาพแวดล้อมแบบเสมือน, ตัวระบุของส่วนประกอบซอฟต์แวร์ที่ใช้งานในเวลาที่จัดหาข้อมูล, ประเภทเนื้อหา, ที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์, ความยาวของเนื้อหา, เวอร์ชันของโปรโตคอล, ID ผู้ใช้, ลายเซ็นของโครงสร้างพื้นฐานของ My Kaspersky, ID ของแอปพลิเคชัน, ตัวระบุผลิตภัณฑ์ทั่วโลก, วันที่และเวลาท้องถิ่นในปัจจุบันบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้, รหัสเปิดใช้งานในปัจจุบัน, ชื่อและเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ, ID บริการแอปพลิเคชัน, แพลตฟอร์มของอุปกรณ์ของผู้ใช้, ID เฉพาะของอุปกรณ์บน My Kaspersky, ข้อมูลเกี่ยวกับข้อตกลงที่เสนอต่อผู้ใช้, ประเภทของข้อตกลง, เวอร์ชันของข้อความการตกลง, ค่าสถานะที่แสดงว่าผู้ใช้ตกลงตามข้อความการตกลงหรือไม่, ประเภทการบีบอัดของข้อมูลทิกเก็ตใบอนุญาต, ประเภทของลายเซ็นบนทิกเก็ต, เนื้อหาบนส่วนหัวของทิกเก็ตใบอนุญาต, ตัวระบุศูนย์เปิดใช้งานท้องถิ่น, การคำนวณแฮชรหัสเปิดใช้งานด้วยอัลกอริธึม SHA1, การคำนวณแฮชเนื้อหาทิกเก็ตด้วยอัลกอริธึม SHA1, วันที่และเวลาสร้างทิกเก็ตใบอนุญาต, ตัวระบุข้อมูลใบอนุญาตภายใน, ตัวระบุทิกเก็ตใบอนุญาตในปัจจุบัน, ID ลำดับทิกเก็ตใบอนุญาต, วันที่ที่สามารถเริ่มใช้ทิกเก็ตใบอนุญาตได้, วันที่สิ้นสุดที่สามารถใช้ทิกเก็ตใบอนุญาตได้, สถานะทิกเก็ตใบอนุญาตในปัจจุบัน, เวอร์ชันของใบอนุญาต, เวอร์ชันของทิกเก็ตใบอนุญาต, ID แอปพลิเคชันของผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้กับแอปพลิเคชันในปัจจุบันได้, ID การแปลแอปพลิเคชันเป็นภาษาท้องถิ่น, ID การปรับแต่งแอปพลิเคชัน, พารามิเตอร์ของระบบและแอปพลิเคชัน, ตัวเลือกสำหรับบรรจุภัณฑ์ทิกเก็ต, โทเค็นบริการ My Kaspersky, ID ผู้ใช้ My Kaspersky, ประเภทบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky, ลายเซ็น, ประเภทแอปพลิเคชันที่รองรับ, รหัสเปิดใช้งานก่อนหน้า, วันที่และเวลาเปิดใช้งาน

    ให้ฟังก์ชันหลักของซอฟต์แวร์ที่ได้รับกับคุณ

    ฟังก์ชันการทำงานแกนหลักของซอฟต์แวร์ตามที่อธิบายไว้ในคู่มือผู้ใช้คือการปกป้องผู้ใช้จากภัยคุกคามต่อความปลอดภัยด้านข้อมูลที่รู้จัก ในการให้ฟังก์ชันหลักนี้ ขณะที่คุณใช้ซอฟต์แวร์อยู่ ผู้ถือสิทธิ์จะต้องได้รับข้อมูลจากอุปกรณ์ของคุณและประมวลผลข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง สิทธิ์การใช้งานที่ได้รับ อ็อบเจ็กต์ที่สแกน ภัยคุกคามและการติดไวรัสที่ตรวจพบในคอมพิวเตอร์ ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ รวมถึงกิจกรรมของคอมพิวเตอร์บนอินเทอร์เน็ต:

  • ข้อมูลเกี่ยวกับการตอบสนองกับเว็บพอร์ทัล: ไอดีบัญชีเว็บพอร์ทัล ตัวบ่งชี้ที่ระบุว่าซอฟต์แวร์เชื่อมต่อกับเว็บไซต์หรือไม่
  • ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตและข้อตกลงอื่นๆ: รหัสของศูนย์การเปิดใช้งานภูมิภาค ชื่อลูกค้า ค่าสถานะบ่งบอกว่าการสมัครใช้บริการอยู่ในระยะเวลาผ่อนผันหรือไม่ วันที่และเวลาที่เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ วันหมดอายุของใบอนุญาตใช้งาน ตัวระบุใบอนุญาต ระยะเวลาการมีผลใช้งานของใบอนุญาต ประเภทของใบอนุญาตใช้งานที่ใช้ หมายเลขคำสั่งซื้อเมื่อซื้อใบอนุญาตใช้งาน ประเทศที่คู่ค้าตั้งอยู่ ชื่อเต็มของคู่ค้าที่ซื้อใบอนุญาตใช้งาน หมายเลขคำสั่งซื้อที่ใช้โดยคู่ค้า รหัสราคาคำสั่งซื้อเมื่อซื้อใบอนุญาตใช้งาน วันหมดอายุการสมัครใช้บริการ สถานะการเป็นสมาชิกปัจจุบัน สาเหตุที่เป็นสมาชิกหรือเปลี่ยนแปลงสถานะสมาชิก สถานะของใบอนุญาตใช้งานที่ใช้โดยซอฟต์แวร์ ประเภทใบอนุญาตที่ใช้เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ checksum ของรหัสเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ วันที่เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ จำนวนวันหลังจากการเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตเพื่อระบุกลุ่มผู้ใช้ของบริษัทที่ซื้อใบอนุญาตใช้งานตามความคิดเห็นในคุณสมบัติของใบอนุญาตใช้งาน ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ จำนวนวันตั้งแต่คีย์ใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์หมดอายุ วันที่และเวลาหมดอายุของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ จำนวนวันจนถึงวันหมดอายุของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ รหัสใบอนุญาตใช้งานของซอฟต์แวร์ checksum ของไฟล์คีย์ใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ รหัสโมเดลข้อมูลที่ใช้เพื่อมอบใบอนุญาตใช้งาน เลขลำดับของคีย์ใบรับรองซอฟต์แวร์ สถานะในปัจจุบันของคีย์ใบรับรองซอฟต์แวร์ ประเภทการบอกรับเป็นสมาชิกซอฟต์แวร์; วันและเวลาที่การสมัครสมาชิกซอฟต์แวร์หมดอายุ สถานะปัจจุบันของการสมัครใช้บริการของซอฟต์แวร์ เหตุผลที่ใช้การสมัครใช้บริการสถานะปัจจุบัน/เหตุผลที่เปลี่ยนแปลงการสมัครใช้บริการ ข้อกำหนดใบรับรองซอฟต์แวร์ ตัวระบุใบรับรองที่ใช้เซ็นส่วนหัวของทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ วันและเวลาที่สร้างทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์; checksum ของทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์; เวอร์ชันของทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์; ประเภทใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ที่ใช้ เวอร์ชันของรหัสการเปิดใช้งานซอฟต์แวร์; หมายเลขรหัสที่ใช้สั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน รหัสประเทศของคู่ค้าที่ขายใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ ตัวระบุองค์กรคู่ค้าที่มีคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน ชื่อเต็มขององค์กรคู่ค้าที่มีคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน หมายเลขของคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์จากคู่ค้า รหัสของรายการราคาที่ได้ซื้อใบอนุญาตใช้งาน ข้อมูลการเชื่อมโยงลำดับทิคเก็ตใบอนุญาตกับบัญชีผู้ใช้ รหัสทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานปัจจุบัน; ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าผู้ใช้ได้ยอมรับข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายขณะใช้ซอฟต์แวร์หรือไม่ ประเภทของข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์ เวอร์ชันของข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของผู้ใช้: การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IPv6, DHCP IPv6, DNS1 IPv6, DNS2 IPv6) checksum ของความยาวของส่วนนำหน้าเครือข่าย checksum ของที่อยู่ท้องถิ่น IPv6); การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IP, DHCP IP, DNS1 IP, DNS2 IP, ซับเน็ตมาสก์) ประเภทการยืนยันตัวตนของเครือข่าย Wi‑Fi checksum (MD5 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; checksum (SHA256 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; ประเภทการเชื่อมต่อที่รองรับโดยจุดเชื่อมต่อ Wi‑Fi ประเภทการเข้ารหัสเครือข่าย Wi-Fi network รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงจาก MAC address ของจุดเชื่อมต่อ รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi และ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ ความแรงสัญญาณ Wi-Fi ชื่อเครือข่าย Wi-Fi SSID ของเครือข่าย Wi-Fi
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Kaspersky Security Network (KSN): ค่าสถานะบ่งบอกว่าผู้ใช้ยอมรับข้อกำหนดการมีส่วนร่วมใน KSN ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าเปิดใช้งานการมีส่วนร่วมใน KSN หรือไม่
  • ข้อมูลเกี่ยวกับออบเจ็กต์ที่กำลังได้รับการประมวลผล: รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประทับเวลาของระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประเภทระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ สารบัญใบรับรองดิจิทัลที่กำลังประมวลผล คีย์สาธารณะของใบรับรอง ใบรับรองดิจิทัลแบบใช้ลายนิ้วมือของออบเจ็กต์ที่สแกนและอัลกอริทึมการแฮช รูปแบบของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ประเภท checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล จำนวนของซอฟต์แวร์ที่ใช้งานตั้งแต่มีการส่งไฟล์ checksum ครั้งล่าสุด checksum (MD5) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum (SHA256) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล; ชื่อของมัลแวร์ที่ตรวจพบหรือซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายแก่อุปกรณ์หรือข้อมูลผู้ใช้ checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum ของชื่อผู้ใช้ ประเภทของใบรับรอง ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการประมวลผลบริการเว็บ: IP address สารบัญใบรับรองดิจิทัลที่กำลังประมวลผล รหัสหัวข้อในการช่วยเหลือซอฟต์แวร์; ชื่อลิงก์; URL ของบริการที่ใช้เพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ที่อยู่บริการเว็บที่เข้าถึง (URL, IP) ที่อยู่ IPv4 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ; หมายเลขพอร์ต ที่อยู่เว็บต้นทางการส่งคำขอบริการเว็บ (ตัวอ้างอิง) ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งของผู้ถือสิทธิ์: ตัวระบุการกำหนดค่า รหัสซอฟต์แวร์ที่มาจากใบอนุญาตใช้งาน เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; รหัสอัปเดตของซอฟต์แวร์; รหัสซอฟต์แวร์; วันที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับเวอร์ชันทดลองใช้ของซอฟต์แวร์; การแปลภาษาของซอฟต์แวร์; ชื่อเต็มขององค์กรคู่ค้าที่มีคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน รหัสการติดตั้งซอฟต์แวร์ (PCID) รหัสการรีแบรนด์ของซอฟต์แวร์; รหัสของซอฟต์แวร์ที่มีใบอนุญาตใช้งาน รหัสขององค์กรคู่ค้าที่เกี่ยวข้องกับการรีแบรนด์ซอฟต์แวร์ ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง; กลุ่มซอฟต์แวร์; รหัสส่วนประกอบซอฟต์แวร์; ผลจากการดำเนินการของซอฟต์แวร์; ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าผู้ใช้ได้ยอมรับข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายขณะใช้ซอฟต์แวร์หรือไม่ ประเภทของข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์ วันและเวลาที่ผู้ใช้ยอมรับข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายขณะใช้ซอฟต์แวร์ เวอร์ชันของข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์ รหัสซอฟต์แวร์; สถานะการติดตั้ง/ถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์; รหัสข้อผิดพลาดของการติดตั้ง; ตัวบ่งชี้ว่าการติดตั้งถูกยกเลิกโดยผู้ใช้หรือไม่; รหัสของการรีแบรนด์ซอฟต์แวร์ จำนวนวินาทีที่ติดตั้งซอฟต์แวร์; ประเภทการติดตั้ง (การติดตั้งใหม่, การอัปเดต); เวอร์ชันโปรโตคอลของการตอบสนองระหว่างซอฟต์แวร์และข้อความการตลาด ID ของการเริ่มอัปเดตซอฟต์แวร์, ID ซอฟต์แวร์ใน Firebase
  • ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์: ขนาดบิตของ OS; รุ่นของอุปกรณ์; ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณลักษณะ OS รหัสอุปกรณ์ เลขบิลด์ OS; ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS; ตระกูลของระบบปฏิบัติการ; เวอร์ชัน OS, หมายเลขบิลด์ OS, หมายเลขอัปเดต OS, รุ่น OS, ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS รหัส OS เวอร์ชันของ OS Service Pack; เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ IP address เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้; บิตของระบบปฏิบัติการ; รุ่นของ OS; รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์ ประเภทอุปกรณ์ (แล็ปท็อป, เดสก์ท็อป, แท็บเล็ต); ประเภท OS (เซิร์ฟเวอร์, เวิร์กสเตชัน, ตัวควบคุมโดเมน); หมายเลขพอร์ต
  • ข้อมูลอื่น ๆ: รายการเวอร์ชันการตัดสินใจบริการซอฟต์แวร์ที่ถูกเพิกถอนแล้ว ค่าสถานะบ่งบอกว่าพาร์ติชัน Windows พร้อมใช้งานหรือไม่ รหัสชุดข้อมูลที่ผู้ให้บริการสมัครใช้บริการใช้ สารบัญใบรับรองดิจิทัลที่กำลังประมวลผล ประเภทของข้อมูลในคำขอไปยังโครงสร้างพื้นฐานของผู้ถือสิทธิ์ รหัสข้อผิดพลาด; เวอร์ชันโปรโตคอลของการตอบสนองระหว่างซอฟต์แวร์และข้อความการตลาด ความล่าช้าในการส่งสถิติ

    Kaspersky Plus หรือ Kaspersky Premium

    การเปิดใช้งานซอฟต์แวร์และการตรวจสอบยืนยันความชอบด้วยกฎหมายในการใช้งานซอฟต์แวร์

    ผู้ถือสิทธิ์จะต้องตรวจสอบยืนยันว่าใบอนุญาตใช้งานที่คุณจะใช้ถูกต้องตามกฎหมายระหว่างการเปิดใช้งานและการใช้งานซอฟต์แวร์ เพื่อดำเนินการดังกล่าว ผู้ถือสิทธิ์ต้องประมวลผลและได้รับข้อมูลดังต่อไปนี้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์, ใบอนุญาตใช้งานที่คุณได้รับ และคอมพิวเตอร์ที่คุณจะติดตั้งซอฟต์แวร์ อันได้แก่:

  • ประเภท เวอร์ชัน และภาษาของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง, เวอร์ชันของอัปเดตที่ติดตั้ง, ตัวระบุของคอมพิวเตอร์ และตัวระบุของการติดตั้งซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์, รหัสเปิดใช้งานและตัวระบุเฉพาะของการเปิดใช้งานใบอนุญาตปัจจุบัน; ประเภท เวอร์ชันและขนาดของคำในระบบปฏิบัติการ; ชื่อของสภาพแวดล้อมแบบเสมือนหากติดตั้งซอฟต์แวร์ในสภาพแวดล้อมแบบเสมือน, ตัวระบุของส่วนประกอบซอฟต์แวร์ที่ใช้งานในเวลาที่จัดหาข้อมูล, ประเภทเนื้อหา, ที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์, ความยาวของเนื้อหา, เวอร์ชันของโปรโตคอล, ID ผู้ใช้, ลายเซ็นของโครงสร้างพื้นฐานของ My Kaspersky, ID ของแอปพลิเคชัน, ตัวระบุผลิตภัณฑ์ทั่วโลก, วันที่และเวลาท้องถิ่นในปัจจุบันบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้, รหัสเปิดใช้งานในปัจจุบัน, ชื่อและเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ, ID บริการแอปพลิเคชัน, แพลตฟอร์มของอุปกรณ์ของผู้ใช้, ID เฉพาะของอุปกรณ์บน My Kaspersky, ข้อมูลเกี่ยวกับข้อตกลงที่เสนอต่อผู้ใช้, ประเภทของข้อตกลง, เวอร์ชันของข้อความการตกลง, ค่าสถานะที่แสดงว่าผู้ใช้ตกลงตามข้อความการตกลงหรือไม่, ประเภทการบีบอัดของข้อมูลทิกเก็ตใบอนุญาต, ประเภทของลายเซ็นบนทิกเก็ต, เนื้อหาบนส่วนหัวของทิกเก็ตใบอนุญาต, ตัวระบุศูนย์เปิดใช้งานท้องถิ่น, การคำนวณแฮชรหัสเปิดใช้งานด้วยอัลกอริธึม SHA1, การคำนวณแฮชเนื้อหาทิกเก็ตด้วยอัลกอริธึม SHA1, วันที่และเวลาสร้างทิกเก็ตใบอนุญาต, ตัวระบุข้อมูลใบอนุญาตภายใน, ตัวระบุทิกเก็ตใบอนุญาตในปัจจุบัน, ID ลำดับทิกเก็ตใบอนุญาต, วันที่ที่สามารถเริ่มใช้ทิกเก็ตใบอนุญาตได้, วันที่สิ้นสุดที่สามารถใช้ทิกเก็ตใบอนุญาตได้, สถานะทิกเก็ตใบอนุญาตในปัจจุบัน, เวอร์ชันของใบอนุญาต, เวอร์ชันของทิกเก็ตใบอนุญาต, ID แอปพลิเคชันของผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้กับแอปพลิเคชันในปัจจุบันได้, ID การแปลแอปพลิเคชันเป็นภาษาท้องถิ่น, ID การปรับแต่งแอปพลิเคชัน, พารามิเตอร์ของระบบและแอปพลิเคชัน, ตัวเลือกสำหรับบรรจุภัณฑ์ทิกเก็ต, โทเค็นบริการ My Kaspersky, ID ผู้ใช้ My Kaspersky, ประเภทบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky, ลายเซ็น, ประเภทแอปพลิเคชันที่รองรับ, รหัสเปิดใช้งานก่อนหน้า, วันที่และเวลาเปิดใช้งาน

    ให้ฟังก์ชันหลักของซอฟต์แวร์ที่ได้รับกับคุณ

    ฟังก์ชันการทำงานแกนหลักของซอฟต์แวร์ตามที่อธิบายไว้ในคู่มือผู้ใช้คือการปกป้องผู้ใช้จากภัยคุกคามต่อความปลอดภัยด้านข้อมูลที่รู้จัก ในการให้ฟังก์ชันหลักนี้ ขณะที่คุณใช้ซอฟต์แวร์อยู่ ผู้ถือสิทธิ์จะต้องได้รับข้อมูลจากอุปกรณ์ของคุณและประมวลผลข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง สิทธิ์การใช้งานที่ได้รับ อ็อบเจ็กต์ที่สแกน ภัยคุกคามและการติดไวรัสที่ตรวจพบในคอมพิวเตอร์ ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ รวมถึงกิจกรรมของคอมพิวเตอร์บนอินเทอร์เน็ต:

  • ข้อมูลเกี่ยวกับการตอบสนองกับเว็บพอร์ทัล: รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์บนเว็บไซต์ ไอดีบัญชีเว็บพอร์ทัล ตัวบ่งชี้ที่ระบุว่าซอฟต์แวร์เชื่อมต่อกับเว็บไซต์หรือไม่
  • ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตและข้อตกลงอื่นๆ: รหัสของศูนย์การเปิดใช้งานภูมิภาค ชื่อลูกค้า ค่าสถานะบ่งบอกว่าการสมัครใช้บริการอยู่ในระยะเวลาผ่อนผันหรือไม่ วันที่และเวลาที่เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ วันหมดอายุของใบอนุญาตใช้งาน ตัวระบุใบอนุญาต ระยะเวลาการมีผลใช้งานของใบอนุญาต ประเภทของใบอนุญาตใช้งานที่ใช้ หมายเลขคำสั่งซื้อเมื่อซื้อใบอนุญาตใช้งาน ประเทศที่คู่ค้าตั้งอยู่ ชื่อเต็มของคู่ค้าที่ซื้อใบอนุญาตใช้งาน หมายเลขคำสั่งซื้อที่ใช้โดยคู่ค้า รหัสราคาคำสั่งซื้อเมื่อซื้อใบอนุญาตใช้งาน วันหมดอายุการสมัครใช้บริการ สถานะการเป็นสมาชิกปัจจุบัน สาเหตุที่เป็นสมาชิกหรือเปลี่ยนแปลงสถานะสมาชิก สถานะของใบอนุญาตใช้งานที่ใช้โดยซอฟต์แวร์ ประเภทใบอนุญาตที่ใช้เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ checksum ของรหัสเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ วันที่เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ จำนวนวันหลังจากการเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตเพื่อระบุกลุ่มผู้ใช้ของบริษัทที่ซื้อใบอนุญาตใช้งานตามความคิดเห็นในคุณสมบัติของใบอนุญาตใช้งาน ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ จำนวนวันตั้งแต่คีย์ใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์หมดอายุ วันที่และเวลาหมดอายุของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ จำนวนวันจนถึงวันหมดอายุของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ รหัสใบอนุญาตใช้งานของซอฟต์แวร์ checksum ของไฟล์คีย์ใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ รหัสโมเดลข้อมูลที่ใช้เพื่อมอบใบอนุญาตใช้งาน เลขลำดับของคีย์ใบรับรองซอฟต์แวร์ สถานะในปัจจุบันของคีย์ใบรับรองซอฟต์แวร์ ประเภทการบอกรับเป็นสมาชิกซอฟต์แวร์; วันและเวลาที่การสมัครสมาชิกซอฟต์แวร์หมดอายุ สถานะปัจจุบันของการสมัครใช้บริการของซอฟต์แวร์ เหตุผลที่ใช้การสมัครใช้บริการสถานะปัจจุบัน/เหตุผลที่เปลี่ยนแปลงการสมัครใช้บริการ ข้อกำหนดใบรับรองซอฟต์แวร์ ตัวระบุใบรับรองที่ใช้เซ็นส่วนหัวของทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ วันและเวลาที่สร้างทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์; checksum ของทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์; เวอร์ชันของทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์; ประเภทใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ที่ใช้ เวอร์ชันของรหัสการเปิดใช้งานซอฟต์แวร์; หมายเลขรหัสที่ใช้สั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน รหัสประเทศของคู่ค้าที่ขายใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ ตัวระบุองค์กรคู่ค้าที่มีคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน ชื่อเต็มขององค์กรคู่ค้าที่มีคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน หมายเลขของคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์จากคู่ค้า รหัสของรายการราคาที่ได้ซื้อใบอนุญาตใช้งาน ข้อมูลการเชื่อมโยงลำดับทิคเก็ตใบอนุญาตกับบัญชีผู้ใช้ รหัสทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานปัจจุบัน; ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าผู้ใช้ได้ยอมรับข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายขณะใช้ซอฟต์แวร์หรือไม่ ประเภทของข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์ เวอร์ชันของข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของผู้ใช้: การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IPv6, DHCP IPv6, DNS1 IPv6, DNS2 IPv6) checksum ของความยาวของส่วนนำหน้าเครือข่าย checksum ของที่อยู่ท้องถิ่น IPv6); การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IP, DHCP IP, DNS1 IP, DNS2 IP, ซับเน็ตมาสก์) ประเภทการยืนยันตัวตนของเครือข่าย Wi‑Fi checksum (MD5 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; checksum (SHA256 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; ประเภทการเชื่อมต่อที่รองรับโดยจุดเชื่อมต่อ Wi‑Fi ประเภทการเข้ารหัสเครือข่าย Wi-Fi network รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงจาก MAC address ของจุดเชื่อมต่อ รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi และ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ ความแรงสัญญาณ Wi-Fi ชื่อเครือข่าย Wi-Fi SSID ของเครือข่าย Wi-Fi
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Kaspersky Security Network (KSN): ค่าสถานะบ่งบอกว่าผู้ใช้ยอมรับข้อกำหนดการมีส่วนร่วมใน KSN ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าเปิดใช้งานการมีส่วนร่วมใน KSN หรือไม่
  • ข้อมูลเกี่ยวกับออบเจ็กต์ที่กำลังได้รับการประมวลผล: รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประทับเวลาของระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประเภทระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ สารบัญใบรับรองดิจิทัลที่กำลังประมวลผล คีย์สาธารณะของใบรับรอง ใบรับรองดิจิทัลแบบใช้ลายนิ้วมือของออบเจ็กต์ที่สแกนและอัลกอริทึมการแฮช รูปแบบของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ประเภท checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล จำนวนของซอฟต์แวร์ที่ใช้งานตั้งแต่มีการส่งไฟล์ checksum ครั้งล่าสุด checksum (MD5) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum (SHA256) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล; ชื่อของมัลแวร์ที่ตรวจพบหรือซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายแก่อุปกรณ์หรือข้อมูลผู้ใช้ checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum ของชื่อผู้ใช้ ประเภทของใบรับรอง ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการประมวลผลบริการเว็บ: IP address สารบัญใบรับรองดิจิทัลที่กำลังประมวลผล รหัสหัวข้อในการช่วยเหลือซอฟต์แวร์; ชื่อลิงก์; URL ของบริการที่ใช้เพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ที่อยู่บริการเว็บที่เข้าถึง (URL, IP) ที่อยู่ IPv4 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ; หมายเลขพอร์ต ที่อยู่เว็บต้นทางการส่งคำขอบริการเว็บ (ตัวอ้างอิง) ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งของผู้ถือสิทธิ์: เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์ภายนอก ตัวระบุการกำหนดค่า รหัสซอฟต์แวร์ที่มาจากใบอนุญาตใช้งาน เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; รหัสอัปเดตของซอฟต์แวร์; รหัสซอฟต์แวร์; วันที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับเวอร์ชันทดลองใช้ของซอฟต์แวร์; การแปลภาษาของซอฟต์แวร์; ชื่อเต็มขององค์กรคู่ค้าที่มีคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน รหัสการติดตั้งซอฟต์แวร์ (PCID) รหัสการรีแบรนด์ของซอฟต์แวร์; รหัสของซอฟต์แวร์ที่มีใบอนุญาตใช้งาน รหัสขององค์กรคู่ค้าที่เกี่ยวข้องกับการรีแบรนด์ซอฟต์แวร์ ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง; กลุ่มซอฟต์แวร์; รหัสส่วนประกอบซอฟต์แวร์; ผลจากการดำเนินการของซอฟต์แวร์; ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าผู้ใช้ได้ยอมรับข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายขณะใช้ซอฟต์แวร์หรือไม่ ประเภทของข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์ วันและเวลาที่ผู้ใช้ยอมรับข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายขณะใช้ซอฟต์แวร์ เวอร์ชันของข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์ รหัสซอฟต์แวร์; สถานะการติดตั้ง/ถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์; รหัสข้อผิดพลาดของการติดตั้ง; ตัวบ่งชี้ว่าการติดตั้งถูกยกเลิกโดยผู้ใช้หรือไม่; รหัสของการรีแบรนด์ซอฟต์แวร์ จำนวนวินาทีที่ติดตั้งซอฟต์แวร์; ประเภทการติดตั้ง (การติดตั้งใหม่, การอัปเดต); เวอร์ชันโปรโตคอลของการตอบสนองระหว่างซอฟต์แวร์และข้อความการตลาด ID ของการเริ่มอัปเดตซอฟต์แวร์, ID ซอฟต์แวร์ใน Firebase
  • ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์: ขนาดบิตของ OS; รุ่นของอุปกรณ์; ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณลักษณะ OS รหัสอุปกรณ์ เลขบิลด์ OS; ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS; ตระกูลของระบบปฏิบัติการ; เวอร์ชัน OS, หมายเลขบิลด์ OS, หมายเลขอัปเดต OS, รุ่น OS, ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS รหัส OS เวอร์ชันของ OS Service Pack; เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ IP address เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้; บิตของระบบปฏิบัติการ; รุ่นของ OS; รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์ 5 ไบต์แรกของที่อยู่อุปกรณ์ MAC ประเภทอุปกรณ์ (แล็ปท็อป, เดสก์ท็อป, แท็บเล็ต); ประเภท OS (เซิร์ฟเวอร์, เวิร์กสเตชัน, ตัวควบคุมโดเมน); หมายเลขพอร์ต
  • ข้อมูลอื่น ๆ: รายการเวอร์ชันการตัดสินใจบริการซอฟต์แวร์ที่ถูกเพิกถอนแล้ว ค่าสถานะบ่งบอกว่าพาร์ติชัน Windows พร้อมใช้งานหรือไม่ รหัสชุดข้อมูลที่ผู้ให้บริการสมัครใช้บริการใช้ สารบัญใบรับรองดิจิทัลที่กำลังประมวลผล ประเภทของข้อมูลในคำขอไปยังโครงสร้างพื้นฐานของผู้ถือสิทธิ์ รหัสข้อผิดพลาด; เวอร์ชันโปรโตคอลของการตอบสนองระหว่างซอฟต์แวร์และข้อความการตลาด ความล่าช้าในการส่งสถิติ

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มอบให้ตามข้อตกลงผู้ใช้งานปลายทาง (ข้อตกลงลิขสิทธิ์) มีระบุอยู่ในเอกสารทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คุณสามารถดูข้อตกลงลิขสิทธิ์โดยการอ่านเอกสาร license.txt ในโฟลเดอร์การติดตั้งแอปพลิเคชัน

ประกาศเกี่ยวกับ Kaspersky Security Network

การใช้ KSN อาจเพิ่มความเร็วในการตอบสนองของซอฟต์แวร์ต่อข้อมูลและภัยคุกคามความปลอดภัยเครือข่าย ทำได้โดย:

  • การกำหนดชื่อเสียงของวัตถุที่สแกน

  • การระบุภัยคุกคามความปลอดภัยของข้อมูลที่ใหม่และตรวจสอบได้ยากพร้อมแหล่งที่มา

  • การลดโอกาสในการเกิดการแจ้งเตือนเท็จ

  • การเพิ่มประสิทธิภารการทำงานของส่วนประกอบ

  • การตรวจหาการติดไวรัสในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้

  • การปรับปรุงประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์ของผู้ถือสิทธิ์

  • การรับข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับจำนวนวัตถุที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก

  • การปรับปรุงคุณภาพของซอฟต์แวร์ของผู้ถือสิทธิ์

ข้อมูลบางอย่างที่ประมวลผลภายใต้ประกาศนี้อาจถือว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวตามกฎหมายในบางประเทศ ข้อมูลต่อไปนี้จะส่งถึงผู้ถือสิทธิ์เป็นประจำโดยอัตโนมัติภายใต้ประกาศนี้ โดยได้รับความยินยอมจากคุณ:

Kaspersky Standard

  • ข้อมูลเกี่ยวกับการตอบสนองกับเว็บพอร์ทัล: ประเภทของโทเค็น โทเค็นของเซสชันที่มีการยืนยันตัวตนในบริการของผู้ถือสิทธิ์ TTL โทเคน รหัสข้อผิดพลาด
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของผู้ใช้: รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประเภทของเบราว์เซอร์ เวอร์ชันของเบราว์เซอร์ การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IPv6, DHCP IPv6, DNS1 IPv6, DNS2 IPv6) checksum ของความยาวของส่วนนำหน้าเครือข่าย checksum ของที่อยู่ท้องถิ่น IPv6); การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IP, DHCP IP, DNS1 IP, DNS2 IP, ซับเน็ตมาสก์) ค่าสถานะบ่งบอกว่าโดเมน DNS มีอยู่แล้ว ประเภทการยืนยันตัวตนของเครือข่าย Wi‑Fi รายการของเครือข่าย Wi-Fi และการตั้งค่า checksum (MD5 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; checksum (SHA256 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; การจำแนกหมวดหมู่ผู้ใช้ของเครือข่าย Wi-Fi ประเภทการเข้ารหัสเครือข่าย Wi-Fi network เวลาท้องถิ่นที่เริ่มและสิ้นสุดการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงจาก MAC address ของจุดเชื่อมต่อ รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi และ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ ความแรงสัญญาณ Wi-Fi ชื่อเครือข่าย Wi-Fi ชื่อผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ ชื่อเต็มของแอปพลิเคชัน หมวดหมู่ของเครือข่ายที่กำหนดใน Kaspersky VPN Secure Connection (ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ที่สาธารณะ) หมวดหมู่เครือข่ายที่ระบุใน Kaspersky VPN Secure Connection (ไม่รู้จัก, ปลอดภัย, ไม่ปลอดภัย)
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติการขององค์ประกอบ Safe Money: การดำเนินการที่กระทำกับที่อยู่เว็บไซต์ในการตั้งค่าซอฟต์แวร์ ตัวบ่งชี้ตำแหน่งการปฏิบัติการเมื่อเริ่มต้นเบราเซอร์ที่มีการป้องกันใน Safe Money โหมดเริ่มต้นของส่วนประกอบ Safe Money สำหรับบริการเว็บ ตัวบ่งชี้ตัวเลือกที่จดจำของตำแหน่งการปฏิบัติการสำหรับบริการเว็บ ตัวบ่งชี้สถานะที่อยู่เว็บในฐานข้อมูล Safe Money
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Kaspersky Security Network (KSN): โปรโตคอลที่ใช้เพื่อแลกเลี่ยนข้อมูลกับ KSN; รหัสของบริการ KSN ที่ซอฟต์แวร์เข้าถึง; วันและเวลาที่หยุดรับสถิติ; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ที่ได้มาจากแคช; จำนวนคำขอที่พบในฐานข้อมูลคำขอในเครื่อง; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ที่ไม่สำเร็จ; จำนวนธุรกรรม KSN ที่ไม่สำเร็จ; การกระจายเวลาของคำขอไปยัง KSN ที่ยกเลิกแล้ว; การกระจายเวลาของการเชื่อมต่อ KSN ที่ไม่สำเร็จ; การกระจายเวลาของธุรกรรม KSN ที่ไม่สำเร็จ; การกระจายเวลาของการเชื่อมต่อ KSN ที่สำเร็จ; การกระจายเวลาของธุรกรรม KSN ที่สำเร็จ; การกระจายเวลาของคำขอไปยัง KSN ที่สำเร็จ; การกระจายเวลาของคำขอ KSN ที่หมดเวลาแล้ว; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ใหม่; จำนวนคำขอไปยัง KSN ที่ไม่สำเร็จเนื่องจากข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเราต์ติง; จำนวนคำขอที่ไม่สำเร็จเนื่องจากมีการปิดใช้งาน KSN ในการตั้งค่าซอฟต์แวร์; จำนวนคำขอไปยัง KSN ที่ไม่สำเร็จเนื่องจากปัญหาในเครือข่าย; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ที่สำเร็จ; จำนวนธุรกรรม KSN ที่สำเร็จ; จำนวนคำขอทั้งหมดไปยัง KSN; วันที่และเวลาที่เริ่มได้รับสถิติ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เฟสผู้ใช้ของแอปพลิเคชัน ข้อมูลความคิดเห็นของผู้ใช้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์: ตัวเลือกผู้ใช้เกี่ยวกับการควบคุมการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไปยังเครือข่าย Wi-Fi ที่บ้าน หมวดหมู่ของบริการที่มอบการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ ดังที่กำหนดในการตั้งค่าซอฟต์แวร์ ชื่อบริการที่มอบการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้
  • ข้อมูลเกี่ยวกับออบเจ็กต์ที่กำลังได้รับการประมวลผล: เนื้อหาบางส่วนของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล วันที่และเวลาที่ใบรับรองหมดอายุ รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ พอร์ตในเครื่องที่ถูกโจมตี รหัสบัญชีผู้ใช้ที่กระบวนการควบคุมได้เริ่มต้น รหัสคีย์จาก keystore ที่ใช้เข้ารหัส ลำดับชิ้นส่วนในออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ข้อมูลบันทึกภายในระบบที่สร้างโดยโมดูลซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสเพื่อใช้กับออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ผลลัพธ์ของการตรวจสอบใบรับรอง ชื่อผู้ออกใบรับรอง คีย์สาธารณะของใบรับรอง อัลกอริทึมการคะนวณของใบรับรองคีย์สาธารณะ หมายเลขซีเรียลใบรับรอง วันและเวลาของการลงชื่อออบเจ็กต์ ชื่อและการตั้งค่าเจ้าของใบรับรอง ใบรับรองดิจิทัลแบบใช้ลายนิ้วมือของออบเจ็กต์ที่สแกนและอัลกอริทึมการแฮช วันและเวลาที่แก้ไขออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผลครั้งล่าสุด วันและเวลาที่สร้างออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ตรวจหาลักษณะ ออบเจ็กต์หรือชิ้นส่วนที่กำลังประมวลผล คุณสมบัติการดำเนินการของไฟล์ที่กำลังประมวลผล วันและเวลาที่สร้างไฟล์ที่กำลังประมวลผล คำอธิบายออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ที่กำหนดไว้ในคุณลักษณะของออบเจ็กต์ เอนโทรปีของไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลด รูปแบบของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ประเภท checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ผลการตรวจสอบสถานะใน KSN ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือของออบเจ็กต์ที่ประมวลผลตาม KSN วันและเวลาของการลิงก์ไฟล์ที่เรียกใช้งานได้ checksum (MD5) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ชื่อของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ชื่อของผู้แพ็คออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ตัวบ่งชี้แสดงว่าออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผลเป็นไฟล์ PE checksum (MD5) ของมาสก์ที่บล็อกบริการเว็บ; checksum (SHA256) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล; ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ลงชื่อไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลด ขนาดของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ค่าสถานะบ่งบอกว่ามีแอปพลิเคชันเรียกใช้เริ่มต้นโดยอัตโนมัติ ชื่อของมัลแวร์ที่ตรวจพบหรือซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายแก่อุปกรณ์หรือข้อมูลผู้ใช้ รหัสประเภทออบเจ็กต์ การตัดสินใจของซอฟต์แวร์เกี่ยวกับออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล เวอร์ชันของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล แหล่งการตัดสินใจที่สร้างขึ้นสำหรับออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum (MD5) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล พาธไปยังออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล; รหัสไดเรกทอรี บรรทัดคำสั่ง ข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์การตรวจสอบลายเซ็นไฟล์ รหัสช่องโหว่ ระดับอันตรายของช่องโหว่ ประเภทการแจ้งเตือนที่กระตุ้นให้ระบบส่งสถิติ คีย์เซสชันการเข้าสู่ระบบ อัลกอริทึมการเข้ารหัสคีย์การเข้าสู่ระบบ IP address ของผู้โจมตี ตัวบ่งชี้การตรวจหาการดีบัก แอตทริบิวต์ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล, ที่ยอมให้มีการแจ้งการตัดสินใจที่ผิดพลาดเกี่ยวกับออบเจ็กต์ รหัสของงานที่ทำการตรวจหา ความเชื่อมั่นของการตรวจพบการเข้าถึงบริการเว็บฟิชชิ่ง เป้าหมายการโจมตีฟิชชิ่ง น้ำหนักของการเข้าถึงบริการเว็บฟิชชิ่งที่ตรวจพบ รหัสโปรโตคอล; เวลาจัดเก็บออบเจ็กต์ขณะประมวลผล อัลกอริทึมสำหรับคำนวณลายนิ้วหัวแม่มือรับรองดิจิทัล ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล ข้อมูลเกี่ยวกับไคลเอ็นต์ที่ใช้โปรโตคอลเครือข่าย (User Agent)
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการประมวลผลบริการเว็บ: ประเภทการตัดสินใจบนที่อยู่เว็บไซต์ที่กำลังประมวลผล ที่อยู่บริการเว็บที่เข้าถึง (URL, IP) ประเภทของไคลเอ็นต์ที่ใช้เข้าถึงบริการเว็บ เหตุผลในการบล็อกการเข้าถึงบริการเว็บ หมวดหมู่ของเหตุผลในการบล็อกการเข้าถึงบริการเว็บ ที่อยู่ DNS ของบริการเว็บที่เข้าถึง; แหล่งของโฮสต์ ที่อยู่ IPv4 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ; ที่อยู่ IPv6 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ; ตัวบ่งชี้แสดงว่าข้อความนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มข้อความที่เป็นของการเข้าถึงบริการเว็บ ที่อยู่เว็บต้นทางการส่งคำขอบริการเว็บ (ตัวอ้างอิง) ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งของผู้ถือสิทธิ์: วันที่และเวลาที่ออกใบรับรอง รหัสระเบียนฐานข้อมูลซอฟต์แวร์ ประเภทระเบียนฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ที่เปิดใช้งาน รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประทับเวลาของระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประเภทระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ วันและเวลาที่เผยแพร่ฐานข้อมูลซอฟต์แวร์ ประทับเวลาของฐานข้อมูลซอฟต์แวร์ เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์ก่อนอัปเดต ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ลงชื่อไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลด บรรทัดคำสั่ง เวอร์ชันส่วนประกอบซอฟต์แวร์ เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; รหัสอัปเดตของซอฟต์แวร์; รหัสการติดตั้งซอฟต์แวร์ (PCID) สถานะของสภาพซอฟต์แวร์หลังจากการอัปเดต; ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง ประเภทข้อความสถิติ เวอร์ชันของสถิติที่กำลังส่ง รหัสหมวดหมู่ของข้อผิดพลาด; เวอร์ชันของส่วนประกอบตัวอัปเดต
  • ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์: ประเภทอุปกรณ์ที่ตรวจพบ รหัสอุปกรณ์ รหัสข้อผิดพลาด OS เวอร์ชัน OS, หมายเลขบิลด์ OS, หมายเลขอัปเดต OS, รุ่น OS, ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS รหัส OS เวอร์ชันของ OS Service Pack; ค่าสถานะบ่งบอกว่ามีการเสียบใช้งานอุปกรณ์หรือไม่ เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้; บิตของระบบปฏิบัติการ; รุ่นของ OS
  • ข้อมูลอื่น ๆ: ข้อความของข้อความที่เกิดข้อผิดพลาด รหัสบัญชีผู้ใช้ที่กระบวนการควบคุมได้เริ่มต้น วิธีการร้องขอ http รหัสไดเรกทอรี บรรทัดคำสั่ง รหัสเฉพาะของคำขอไปยังบริการของผู้ถือสิทธิ์ สถานะการตอบรับในบริการของผู้ถือสิทธิ์ รหัสข้อผิดพลาด; เวลาออบเจ็กต์ในบัฟเฟอร์ หมายเลขบรรทัดของไฟล์แหล่งที่มาในตัวจัดการข้อยกเว้น; ระยะเวลารวมของการประมวลผลคำขอ ประเภทข้อผิดพลาดในการประมวลผลโปรโตคอล; ข้อกำหนดเฉพาะทางเทคนิคของเทคโนโลยีตรวจจับที่ใช้ จำนวนการติดตั้งอัปเดตที่ล้มเหลวสำหรับส่วนประกอบตัวอัปเดต; จำนวนข้อผิดพลาดในการติดตั้งอัปเดตสำหรับส่วนประกอบตัวอัปเดต รหัสข้อผิดพลาดของงานอัปเดต; ประเภทงานอัปเดต; การบ่งชี้ที่ระบุแหล่งของการเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่กำลังประมวลผล (เซิร์ฟเวอร์หรือไคลเอ็นต์) ที่อยู่ DNS ของบริการเว็บที่เข้าถึง; ที่อยู่ IPv4 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ

    Kaspersky Plus หรือ Kaspersky Premium

  • ข้อมูลเกี่ยวกับการตอบสนองกับเว็บพอร์ทัล: ประเภทของโทเค็น โทเค็นของเซสชันที่มีการยืนยันตัวตนในบริการของผู้ถือสิทธิ์ TTL โทเคน รหัสข้อผิดพลาด
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของผู้ใช้: รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประเภทของเบราว์เซอร์ เวอร์ชันของเบราว์เซอร์ การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IPv6, DHCP IPv6, DNS1 IPv6, DNS2 IPv6) checksum ของความยาวของส่วนนำหน้าเครือข่าย checksum ของที่อยู่ท้องถิ่น IPv6); การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IP, DHCP IP, DNS1 IP, DNS2 IP, ซับเน็ตมาสก์) ค่าสถานะบ่งบอกว่าโดเมน DNS มีอยู่แล้ว ประเภทการยืนยันตัวตนของเครือข่าย Wi‑Fi รายการของเครือข่าย Wi-Fi และการตั้งค่า checksum (MD5 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; checksum (SHA256 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; การจำแนกหมวดหมู่ผู้ใช้ของเครือข่าย Wi-Fi ประเภทการเข้ารหัสเครือข่าย Wi-Fi network เวลาท้องถิ่นที่เริ่มและสิ้นสุดการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงจาก MAC address ของจุดเชื่อมต่อ รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi และ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ ความแรงสัญญาณ Wi-Fi ชื่อเครือข่าย Wi-Fi ชื่อผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ ชื่อเต็มของแอปพลิเคชัน หมวดหมู่ของเครือข่ายที่กำหนดใน Kaspersky VPN Secure Connection (ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ที่สาธารณะ) หมวดหมู่เครือข่ายที่ระบุใน Kaspersky VPN Secure Connection (ไม่รู้จัก, ปลอดภัย, ไม่ปลอดภัย)
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติการขององค์ประกอบ Safe Money: การดำเนินการที่กระทำกับที่อยู่เว็บไซต์ในการตั้งค่าซอฟต์แวร์ ตัวบ่งชี้ตำแหน่งการปฏิบัติการเมื่อเริ่มต้นเบราเซอร์ที่มีการป้องกันใน Safe Money โหมดเริ่มต้นของส่วนประกอบ Safe Money สำหรับบริการเว็บ ตัวบ่งชี้ตัวเลือกที่จดจำของตำแหน่งการปฏิบัติการสำหรับบริการเว็บ ตัวบ่งชี้สถานะที่อยู่เว็บในฐานข้อมูล Safe Money
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Kaspersky Security Network (KSN): โปรโตคอลที่ใช้เพื่อแลกเลี่ยนข้อมูลกับ KSN; รหัสของบริการ KSN ที่ซอฟต์แวร์เข้าถึง; วันและเวลาที่หยุดรับสถิติ; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ที่ได้มาจากแคช; จำนวนคำขอที่พบในฐานข้อมูลคำขอในเครื่อง; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ที่ไม่สำเร็จ; จำนวนธุรกรรม KSN ที่ไม่สำเร็จ; การกระจายเวลาของคำขอไปยัง KSN ที่ยกเลิกแล้ว; การกระจายเวลาของการเชื่อมต่อ KSN ที่ไม่สำเร็จ; การกระจายเวลาของธุรกรรม KSN ที่ไม่สำเร็จ; การกระจายเวลาของการเชื่อมต่อ KSN ที่สำเร็จ; การกระจายเวลาของธุรกรรม KSN ที่สำเร็จ; การกระจายเวลาของคำขอไปยัง KSN ที่สำเร็จ; การกระจายเวลาของคำขอ KSN ที่หมดเวลาแล้ว; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ใหม่; จำนวนคำขอไปยัง KSN ที่ไม่สำเร็จเนื่องจากข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเราต์ติง; จำนวนคำขอที่ไม่สำเร็จเนื่องจากมีการปิดใช้งาน KSN ในการตั้งค่าซอฟต์แวร์; จำนวนคำขอไปยัง KSN ที่ไม่สำเร็จเนื่องจากปัญหาในเครือข่าย; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ที่สำเร็จ; จำนวนธุรกรรม KSN ที่สำเร็จ; จำนวนคำขอทั้งหมดไปยัง KSN; วันที่และเวลาที่เริ่มได้รับสถิติ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เฟสผู้ใช้ของแอปพลิเคชัน ข้อมูลความคิดเห็นของผู้ใช้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์: ตัวเลือกผู้ใช้เกี่ยวกับการควบคุมการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไปยังเครือข่าย Wi-Fi ที่บ้าน หมวดหมู่ของบริการที่มอบการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ ดังที่กำหนดในการตั้งค่าซอฟต์แวร์ ชื่อบริการที่มอบการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้
  • ข้อมูลเกี่ยวกับออบเจ็กต์ที่กำลังได้รับการประมวลผล: เนื้อหาบางส่วนของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล วันที่และเวลาที่ใบรับรองหมดอายุ รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ พอร์ตในเครื่องที่ถูกโจมตี รหัสบัญชีผู้ใช้ที่กระบวนการควบคุมได้เริ่มต้น รหัสคีย์จาก keystore ที่ใช้เข้ารหัส ลำดับชิ้นส่วนในออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ข้อมูลบันทึกภายในระบบที่สร้างโดยโมดูลซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสเพื่อใช้กับออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ผลลัพธ์ของการตรวจสอบใบรับรอง ชื่อผู้ออกใบรับรอง คีย์สาธารณะของใบรับรอง อัลกอริทึมการคะนวณของใบรับรองคีย์สาธารณะ หมายเลขซีเรียลใบรับรอง วันและเวลาของการลงชื่อออบเจ็กต์ ชื่อและการตั้งค่าเจ้าของใบรับรอง ใบรับรองดิจิทัลแบบใช้ลายนิ้วมือของออบเจ็กต์ที่สแกนและอัลกอริทึมการแฮช วันและเวลาที่แก้ไขออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผลครั้งล่าสุด วันและเวลาที่สร้างออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ตรวจหาลักษณะ ออบเจ็กต์หรือชิ้นส่วนที่กำลังประมวลผล คุณสมบัติการดำเนินการของไฟล์ที่กำลังประมวลผล วันและเวลาที่สร้างไฟล์ที่กำลังประมวลผล คำอธิบายออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ที่กำหนดไว้ในคุณลักษณะของออบเจ็กต์ เอนโทรปีของไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลด รูปแบบของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ประเภท checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ผลการตรวจสอบสถานะใน KSN ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือของออบเจ็กต์ที่ประมวลผลตาม KSN วันและเวลาของการลิงก์ไฟล์ที่เรียกใช้งานได้ checksum (MD5) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ชื่อของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ชื่อของผู้แพ็คออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ตัวบ่งชี้แสดงว่าออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผลเป็นไฟล์ PE checksum (MD5) ของมาสก์ที่บล็อกบริการเว็บ; checksum (SHA256) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล; ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ลงชื่อไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลด ขนาดของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ค่าสถานะบ่งบอกว่ามีแอปพลิเคชันเรียกใช้เริ่มต้นโดยอัตโนมัติ ชื่อของมัลแวร์ที่ตรวจพบหรือซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายแก่อุปกรณ์หรือข้อมูลผู้ใช้ รหัสประเภทออบเจ็กต์ การตัดสินใจของซอฟต์แวร์เกี่ยวกับออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล เวอร์ชันของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล แหล่งการตัดสินใจที่สร้างขึ้นสำหรับออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum (MD5) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล พาธไปยังออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล; รหัสไดเรกทอรี บรรทัดคำสั่ง ข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์การตรวจสอบลายเซ็นไฟล์ รหัสช่องโหว่ ระดับอันตรายของช่องโหว่ ประเภทการแจ้งเตือนที่กระตุ้นให้ระบบส่งสถิติ คีย์เซสชันการเข้าสู่ระบบ อัลกอริทึมการเข้ารหัสคีย์การเข้าสู่ระบบ IP address ของผู้โจมตี ตัวบ่งชี้การตรวจหาการดีบัก แอตทริบิวต์ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล, ที่ยอมให้มีการแจ้งการตัดสินใจที่ผิดพลาดเกี่ยวกับออบเจ็กต์ รหัสของงานที่ทำการตรวจหา ความเชื่อมั่นของการตรวจพบการเข้าถึงบริการเว็บฟิชชิ่ง เป้าหมายการโจมตีฟิชชิ่ง น้ำหนักของการเข้าถึงบริการเว็บฟิชชิ่งที่ตรวจพบ รหัสโปรโตคอล; เวลาจัดเก็บออบเจ็กต์ขณะประมวลผล อัลกอริทึมสำหรับคำนวณลายนิ้วหัวแม่มือรับรองดิจิทัล ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล ข้อมูลเกี่ยวกับไคลเอ็นต์ที่ใช้โปรโตคอลเครือข่าย (User Agent)
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการประมวลผลบริการเว็บ: ข้อมูลของแพคเกจ DHCP ที่ถูกดักจับจากอุปกรณ์ ประเภทการตัดสินใจบนที่อยู่เว็บไซต์ที่กำลังประมวลผล ที่อยู่บริการเว็บที่เข้าถึง (URL, IP) ประเภทของไคลเอ็นต์ที่ใช้เข้าถึงบริการเว็บ เหตุผลในการบล็อกการเข้าถึงบริการเว็บ หมวดหมู่ของเหตุผลในการบล็อกการเข้าถึงบริการเว็บ ที่อยู่ DNS ของบริการเว็บที่เข้าถึง; แหล่งของโฮสต์ ที่อยู่ IPv4 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ; ที่อยู่ IPv6 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ; ตัวบ่งชี้แสดงว่าข้อความนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มข้อความที่เป็นของการเข้าถึงบริการเว็บ ที่อยู่เว็บต้นทางการส่งคำขอบริการเว็บ (ตัวอ้างอิง) ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งของผู้ถือสิทธิ์: วันที่และเวลาที่ออกใบรับรอง รหัสระเบียนฐานข้อมูลซอฟต์แวร์ ประเภทระเบียนฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ที่เปิดใช้งาน รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประทับเวลาของระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประเภทระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ วันและเวลาที่เผยแพร่ฐานข้อมูลซอฟต์แวร์ ประทับเวลาของฐานข้อมูลซอฟต์แวร์ เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์ก่อนอัปเดต ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ลงชื่อไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลด บรรทัดคำสั่ง เวอร์ชันส่วนประกอบซอฟต์แวร์ เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; รหัสอัปเดตของซอฟต์แวร์; รหัสการติดตั้งซอฟต์แวร์ (PCID) สถานะของสภาพซอฟต์แวร์หลังจากการอัปเดต; ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง; ประเภทข้อความสถิติ เวอร์ชันของสถิติที่กำลังส่ง รหัสหมวดหมู่ของข้อผิดพลาด; เวอร์ชันของส่วนประกอบตัวอัปเดต
  • ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์: ประเภทอุปกรณ์ที่ตรวจพบ จำนวนสัญลักษณ์ในชื่ออุปกรณ์ ประเภทอุปกรณ์ ผู้จำหน่ายอุปกรณ์หรือการ์ดเครือข่าย รหัสอุปกรณ์ รหัสข้อผิดพลาด OS ตระกูลของระบบปฏิบัติการ; เวอร์ชัน OS, หมายเลขบิลด์ OS, หมายเลขอัปเดต OS, รุ่น OS, ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS รหัส OS เวอร์ชันของ OS Service Pack; ค่าสถานะบ่งบอกว่ามีการเสียบใช้งานอุปกรณ์หรือไม่ เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้; บิตของระบบปฏิบัติการ; รุ่นของ OS; 5 ไบต์แรกของที่อยู่อุปกรณ์ MAC วิธีตรวจจับตระกูล OS วิธีกำหนดประเภทอุปกรณ์ วิธีกำหนดชื่ออุปกรณ์ วิธีที่ใช้กำหนดผู้จำหน่ายอุปกรณ์หรือการตรวจพบการ์ดเครือข่าย สัญญาณที่ระบุว่าชื่อโฮสต์ที่ตรวจพบตรงกับชื่อโฮสต์ของผู้ใช้หรือไม่
  • ข้อมูลอื่น ๆ: ข้อความของข้อความที่เกิดข้อผิดพลาด รหัสบัญชีผู้ใช้ที่กระบวนการควบคุมได้เริ่มต้น วิธีการร้องขอ http รหัสไดเรกทอรี บรรทัดคำสั่ง รหัสเฉพาะของคำขอไปยังบริการของผู้ถือสิทธิ์ สถานะการตอบรับในบริการของผู้ถือสิทธิ์ รหัสข้อผิดพลาด; เวลาออบเจ็กต์ในบัฟเฟอร์ หมายเลขบรรทัดของไฟล์แหล่งที่มาในตัวจัดการข้อยกเว้น; ระยะเวลารวมของการประมวลผลคำขอ ประเภทข้อผิดพลาดในการประมวลผลโปรโตคอล; ข้อกำหนดเฉพาะทางเทคนิคของเทคโนโลยีตรวจจับที่ใช้ จำนวนการติดตั้งอัปเดตที่ล้มเหลวสำหรับส่วนประกอบตัวอัปเดต; จำนวนข้อผิดพลาดในการติดตั้งอัปเดตสำหรับส่วนประกอบตัวอัปเดต รหัสข้อผิดพลาดของงานอัปเดต; ประเภทงานอัปเดต; การบ่งชี้ที่ระบุแหล่งของการเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่กำลังประมวลผล (เซิร์ฟเวอร์หรือไคลเอ็นต์) ที่อยู่ DNS ของบริการเว็บที่เข้าถึง; ที่อยู่ IPv4 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ

บริการ Kaspersky Security Network อาจดำเนินการและส่งทั้งไฟล์ เช่น อ็อบเจกต์ที่ตรวจพบผ่านลิงก์ที่เป็นอันตราย ซึ่งอาชญากรอาจใช้เพื่อทำให้คอมพิวเตอร์และ/หรือชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ของคุณเสียหายไปยัง Kaspersky เพื่อการตรวจสอบเพิ่มเติม

นอกจากนี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุประสงค์ในการเพิ่มประสิทธิภาพของการป้องกันที่ซอฟต์แวร์ให้ตามที่ประกาศไว้ ผู้ถือสิทธิ์อาจรับอ็อบเจ็กต์ที่อาจถูกผู้บุกรุกใช้ประโยชน์เพื่อทำอันตรายแก่คอมพิวเตอร์และสร้างภัยคุกคามด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้ อ็อบเจ็กต์ดังกล่าวได้แก่:

  • ไฟล์ที่เรียกใช้งานได้หรือเรียกใช้งานไม่ได้ หรือบางส่วนของไฟล์ดังกล่าว

  • พื้นที่ RAM ของคอมพิวเตอร์

  • เซกเตอร์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการบูต OS

  • แพคเกจข้อมูลปริมาณการใช้ข้อมูลเครือข่าย

  • หน้าเว็บและอีเมลที่มีอ็อบเจ็กต์ต้องสงสัยหรือเป็นอันตราย

  • คำอธิบายคลาสหรืออินสแตนซ์ของคลาสสำหรับจัดเก็บ WMI

  • รายงานกิจกรรมของแอปพลิเคชัน

รายงานกิจกรรมของแอปพลิเคชันดังกล่าวจะมีข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์และกระบวนการต่อไปนี้:

  • ชื่อ ขนาด และเวอร์ชันของไฟล์ที่กำลังส่ง, คำอธิบายและเช็คซัมของไฟล์ (MD5, SHA2-256, SHA1), ID รูปแบบ, ชื่อผู้ผลิต, ชื่อผลิตภัณฑ์ที่เป็นเจ้าของไฟล์, เส้นทางไปยังไฟล์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และรหัสแม่แบบเส้นทาง, วันที่และเวลาที่สร้างและอัปเดตไฟล์

  • วันที่และเวลาเริ่มต้น และสิ้นสุดการมีผลของใบรับรองหากไฟล์ที่ส่งมีลายเซ็นดิจิทัล, วันที่และเวลาที่เซ็นใบรับรอง, ชื่อผู้ออกใบรับรอง, ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถือใบรับรอง, การแสดงและคีย์สาธารณะของใบรับรองและอัลกอริทึมที่ใช้คำนวณ, หมายเลขซีเรียลใบรับรอง

  • ชื่อบัญชีที่เรียกใช้กระบวนการ

  • เช็คซัม (MD5, SHA2-256, SHA1) สำหรับชื่อคอมพิวเตอร์ที่กำลังเรียกใช้กระบวนการ

  • ส่วนหัวของหน้าต่างของกระบวนการ

  • ID สำหรับฐานข้อมูลป้องกันไวรัส, ชื่อของภัยคุกคามที่ระบุได้ตามการจำแนกของผู้ถือสิทธิ์

  • ข้อมูลเกี่ยวกับในอนุญาตใช้งานที่ใช้สำหรับแอปพลิเคชัน, ID ใบอนุญาตใช้งาน, ประเภทของใบอนุญาตและวันหมดอายุ

  • เวลาในเครื่องคอมพิวเตอร์ขณะที่มีการให้ข้อมูล

  • ชื่อและเส้นทางของไฟล์ที่เข้าถึงได้โดยกระบวนการ

  • URL- และที่อยู่ IP ที่เข้าถึงโดยกระบวนการ

  • URL- และที่อยู่ IP ที่มีการดาวน์โหลดไฟล์ที่ทำงานอยู่

ไฟล์ (หรือส่วนต่าง ๆ ของไฟล์) ที่ผู้บุกรุกอาจใช้ประโยชน์เพื่อสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลจะถูกส่งไปยัง Kaspersky เพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติม

ประกาศเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลสำหรับวัตถุประสงค์ด้านการตลาด ("ประกาศด้านการตลาด")

ผู้ถือสิทธิ์ประมวลผลข้อมูลสำหรับวัตถุประสงค์ด้านการตลาดตามประกาศด้านการตลาดนี้ เพื่อ:

  • ปรับปรุงคุณภาพ ภาพลักษณ์ และประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์ของผู้ถือสิทธิ์ ผลิตภัณฑ์ บริการ และโครงสร้างพื้นฐาน โดยวิเคราะห์ประสบการณ์ การมีปฏิสัมพันธ์ และระดับความพึงพอใจของผู้ใช้ที่มีต่อซอฟต์แวร์

  • เสนอโซลูชันความปลอดภัยที่เหมาะกับความต้องการของคุณที่สุด

  • มอบเนื้อหาและการโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับคุณ

  • สร้างหมวดหมู่ของกลุ่มผู้ใช้ตามพารามิเตอร์บางตัว เพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องแก่กลุ่มเหล่านี้เกี่ยวกับการรักษาระดับความปลอดภัย ข้อเสนอการตลาด และเอกสารส่งเสริมการขาย

ข้อมูลบางอย่างที่ประมวลผลภายใต้ประกาศด้านการตลาดนี้อาจถือว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวตามกฎหมายในบางประเทศ ข้อมูลต่อไปนี้จะส่งถึงผู้ถือสิทธิ์เป็นประจำโดยอัตโนมัติภายใต้ประกาศด้านการตลาดนี้ โดยได้รับความยินยอมจากคุณ:

Kaspersky Standard

  • ข้อมูลเกี่ยวกับการตอบสนองกับเว็บพอร์ทัล: ไอดีบัญชีเว็บพอร์ทัล ตัวบ่งชี้ที่ระบุว่าซอฟต์แวร์เชื่อมต่อกับเว็บไซต์หรือไม่ รหัสผู้ใช้เว็บไซต์ของผู้ถือสิทธิ์
  • ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตและข้อตกลงอื่นๆ: ชื่อลูกค้า ค่าสถานะบ่งบอกว่าการสมัครใช้บริการอยู่ในระยะเวลาผ่อนผันหรือไม่ วันหมดอายุของใบอนุญาตใช้งาน ตัวระบุใบอนุญาต ระยะเวลาการมีผลใช้งานของใบอนุญาต ประเภทของใบอนุญาตใช้งานที่ใช้ หมายเลขคำสั่งซื้อเมื่อซื้อใบอนุญาตใช้งาน ประเทศที่คู่ค้าตั้งอยู่ ชื่อเต็มของคู่ค้าที่ซื้อใบอนุญาตใช้งาน หมายเลขคำสั่งซื้อที่ใช้โดยคู่ค้า รหัสราคาคำสั่งซื้อเมื่อซื้อใบอนุญาตใช้งาน วันหมดอายุการสมัครใช้บริการ สถานะการเป็นสมาชิกปัจจุบัน สาเหตุที่เป็นสมาชิกหรือเปลี่ยนแปลงสถานะสมาชิก ประเภทใบอนุญาตที่ใช้เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตเพื่อระบุกลุ่มผู้ใช้ของบริษัทที่ซื้อใบอนุญาตใช้งานตามความคิดเห็นในคุณสมบัติของใบอนุญาตใช้งาน วันที่เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตเพื่อระบุกลุ่มผู้ใช้ของบริษัทที่ซื้อใบอนุญาตใช้งานตามความคิดเห็นในคุณสมบัติของใบอนุญาตใช้งาน ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ วันที่และเวลาหมดอายุของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ รหัสใบอนุญาตใช้งานของซอฟต์แวร์ ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ รหัสโมเดลข้อมูลที่ใช้เพื่อมอบใบอนุญาตใช้งาน เลขลำดับของคีย์ใบรับรองซอฟต์แวร์ สถานะในปัจจุบันของคีย์ใบรับรองซอฟต์แวร์ ประเภทการบอกรับเป็นสมาชิกซอฟต์แวร์; วันและเวลาที่การสมัครสมาชิกซอฟต์แวร์หมดอายุ สถานะปัจจุบันของการสมัครใช้บริการของซอฟต์แวร์ เหตุผลที่ใช้การสมัครใช้บริการสถานะปัจจุบัน/เหตุผลที่เปลี่ยนแปลงการสมัครใช้บริการ ข้อกำหนดใบรับรองซอฟต์แวร์ ประเภทใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ที่ใช้ หมายเลขรหัสที่ใช้สั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน รหัสประเทศของคู่ค้าที่ขายใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ ตัวระบุองค์กรคู่ค้าที่มีคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน ชื่อเต็มขององค์กรคู่ค้าที่มีคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน หมายเลขของคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์จากคู่ค้า รหัสของรายการราคาที่ได้ซื้อใบอนุญาตใช้งาน ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าผู้ใช้ได้ยอมรับข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายขณะใช้ซอฟต์แวร์หรือไม่ ประเภทของข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์ เวอร์ชันของข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Kaspersky Security Network (KSN): ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าเปิดใช้งานการมีส่วนร่วมใน KSN หรือไม่
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เฟสผู้ใช้ของแอปพลิเคชัน ข้อมูลความคิดเห็นของผู้ใช้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์: การดำเนินการที่กระทำกับการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย ประเภทของผู้ใช้ที่ดำเนินการกับการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย
  • ข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งของผู้ถือสิทธิ์: รหัสซอฟต์แวร์ที่มาจากใบอนุญาตใช้งาน เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; รหัสอัปเดตของซอฟต์แวร์; รหัสซอฟต์แวร์; วันที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับเวอร์ชันทดลองใช้ของซอฟต์แวร์; การแปลภาษาของซอฟต์แวร์; รหัสการติดตั้งซอฟต์แวร์ (PCID) รหัสการรีแบรนด์ของซอฟต์แวร์; รหัสของซอฟต์แวร์ที่มีใบอนุญาตใช้งาน รหัสขององค์กรคู่ค้าที่เกี่ยวข้องกับการรีแบรนด์ซอฟต์แวร์ ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง; รหัสซอฟต์แวร์; รหัสของการรีแบรนด์ซอฟต์แวร์ เวอร์ชันโปรโตคอลของการตอบสนองระหว่างซอฟต์แวร์และข้อความการตลาด ประเภทของงานสแกนที่ตรวจพบการตั้งค่าที่คาดเดาได้ง่าย ผลลัพธ์ของงานการสแกนการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย รหัสการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย
  • ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์: ขนาดบิตของ OS; รหัสอุปกรณ์ ตระกูลของระบบปฏิบัติการ; เวอร์ชัน OS, หมายเลขบิลด์ OS, หมายเลขอัปเดต OS, รุ่น OS, ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS รหัส OS เวอร์ชันของ OS Service Pack; เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้; บิตของระบบปฏิบัติการ; รุ่นของ OS; รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์ รหัสรีแบรนด์ของซอฟต์แวร์
  • ข้อมูลอื่น ๆ: รหัสชุดข้อมูลที่ผู้ให้บริการสมัครใช้บริการใช้ เวอร์ชันโปรโตคอลของการตอบสนองระหว่างซอฟต์แวร์และข้อความการตลาด ความล่าช้าในการส่งสถิติ

    Kaspersky Plus หรือ Kaspersky Premium

  • ข้อมูลเกี่ยวกับการตอบสนองกับเว็บพอร์ทัล: ไอดีบัญชีเว็บพอร์ทัล ตัวบ่งชี้ที่ระบุว่าซอฟต์แวร์เชื่อมต่อกับเว็บไซต์หรือไม่ รหัสผู้ใช้เว็บไซต์ของผู้ถือสิทธิ์
  • ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตและข้อตกลงอื่นๆ: ชื่อลูกค้า ค่าสถานะบ่งบอกว่าการสมัครใช้บริการอยู่ในระยะเวลาผ่อนผันหรือไม่ วันหมดอายุของใบอนุญาตใช้งาน ตัวระบุใบอนุญาต ระยะเวลาการมีผลใช้งานของใบอนุญาต ประเภทของใบอนุญาตใช้งานที่ใช้ หมายเลขคำสั่งซื้อเมื่อซื้อใบอนุญาตใช้งาน ประเทศที่คู่ค้าตั้งอยู่ ชื่อเต็มของคู่ค้าที่ซื้อใบอนุญาตใช้งาน หมายเลขคำสั่งซื้อที่ใช้โดยคู่ค้า รหัสราคาคำสั่งซื้อเมื่อซื้อใบอนุญาตใช้งาน วันหมดอายุการสมัครใช้บริการ สถานะการเป็นสมาชิกปัจจุบัน สาเหตุที่เป็นสมาชิกหรือเปลี่ยนแปลงสถานะสมาชิก ประเภทใบอนุญาตที่ใช้เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตเพื่อระบุกลุ่มผู้ใช้ของบริษัทที่ซื้อใบอนุญาตใช้งานตามความคิดเห็นในคุณสมบัติของใบอนุญาตใช้งาน วันที่เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตเพื่อระบุกลุ่มผู้ใช้ของบริษัทที่ซื้อใบอนุญาตใช้งานตามความคิดเห็นในคุณสมบัติของใบอนุญาตใช้งาน ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ วันที่และเวลาหมดอายุของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ รหัสใบอนุญาตใช้งานของซอฟต์แวร์ ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ รหัสโมเดลข้อมูลที่ใช้เพื่อมอบใบอนุญาตใช้งาน เลขลำดับของคีย์ใบรับรองซอฟต์แวร์ สถานะในปัจจุบันของคีย์ใบรับรองซอฟต์แวร์ ประเภทการบอกรับเป็นสมาชิกซอฟต์แวร์; วันและเวลาที่การสมัครสมาชิกซอฟต์แวร์หมดอายุ สถานะปัจจุบันของการสมัครใช้บริการของซอฟต์แวร์ เหตุผลที่ใช้การสมัครใช้บริการสถานะปัจจุบัน/เหตุผลที่เปลี่ยนแปลงการสมัครใช้บริการ ข้อกำหนดใบรับรองซอฟต์แวร์ ประเภทใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ที่ใช้ หมายเลขรหัสที่ใช้สั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน รหัสประเทศของคู่ค้าที่ขายใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ ตัวระบุองค์กรคู่ค้าที่มีคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน ชื่อเต็มขององค์กรคู่ค้าที่มีคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน หมายเลขของคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์จากคู่ค้า รหัสของรายการราคาที่ได้ซื้อใบอนุญาตใช้งาน ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าผู้ใช้ได้ยอมรับข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายขณะใช้ซอฟต์แวร์หรือไม่ ประเภทของข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์ เวอร์ชันของข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Kaspersky Security Network (KSN): ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าเปิดใช้งานการมีส่วนร่วมใน KSN หรือไม่
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เฟสผู้ใช้ของแอปพลิเคชัน ข้อมูลความคิดเห็นของผู้ใช้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์: รหัสการดำเนินการของผู้ใช้ การดำเนินการที่กระทำกับการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย ประเภทของผู้ใช้ที่ดำเนินการกับการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย
  • ข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งของผู้ถือสิทธิ์: รหัสซอฟต์แวร์ที่มาจากใบอนุญาตใช้งาน เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; รหัสอัปเดตของซอฟต์แวร์; รหัสซอฟต์แวร์; วันที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับเวอร์ชันทดลองใช้ของซอฟต์แวร์; การแปลภาษาของซอฟต์แวร์; รหัสการติดตั้งซอฟต์แวร์ (PCID) รหัสการรีแบรนด์ของซอฟต์แวร์; รหัสของซอฟต์แวร์ที่มีใบอนุญาตใช้งาน รหัสขององค์กรคู่ค้าที่เกี่ยวข้องกับการรีแบรนด์ซอฟต์แวร์ ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง; รหัสซอฟต์แวร์; รหัสของการรีแบรนด์ซอฟต์แวร์ เวอร์ชันโปรโตคอลของการตอบสนองระหว่างซอฟต์แวร์และข้อความการตลาด ประเภทของงานสแกนที่ตรวจพบการตั้งค่าที่คาดเดาได้ง่าย ผลลัพธ์ของงานการสแกนการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย รหัสการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย
  • ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์: ขนาดบิตของ OS; รหัสอุปกรณ์ ตระกูลของระบบปฏิบัติการ; เวอร์ชัน OS, หมายเลขบิลด์ OS, หมายเลขอัปเดต OS, รุ่น OS, ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS รหัส OS เวอร์ชันของ OS Service Pack; เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้; บิตของระบบปฏิบัติการ; รุ่นของ OS; รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์ รหัสรีแบรนด์ของซอฟต์แวร์
  • ข้อมูลอื่น ๆ: รหัสชุดข้อมูลที่ผู้ให้บริการสมัครใช้บริการใช้ เวอร์ชันโปรโตคอลของการตอบสนองระหว่างซอฟต์แวร์และข้อความการตลาด ความล่าช้าในการส่งสถิติ

ประกาศเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลสำหรับการควบคุมเว็บ (แถลงการณ์)

ด้วยความช่วยเหลือของส่วนประกอบตัวควบคุมเว็บ คุณสามารถจำกัดเวลาการใช้อินเทอร์เน็ต จำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์บางประเภทและจำกัดการสื่อสารและการส่งข้อความในเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ ผู้ถือสิทธิ์จะประมวลผลข้อมูลเพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินการขององค์ประกอบตัวควบคุมเว็บนั้นสอดคล้องกับแถลงการณ์นี้

ข้อมูลบางอย่างที่ประมวลผลภายใต้ประกาศนี้อาจถือว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวตามกฎหมายในบางประเทศ ข้อมูลต่อไปนี้จะส่งถึงผู้ถือสิทธิ์เป็นประจำโดยอัตโนมัติภายใต้ประกาศนี้ โดยได้รับความยินยอมจากคุณ:

  • URL ที่ใช้สำหรับขอข้อมูล

  • ประเภทโปรโตคอล

  • URL หลัก (ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รับ URL)

  • หมายเลขพอร์ต

หากคุณไม่ต้องการให้ Kaspersky ได้รับข้อมูลนี้ คุณสามารถเพิกถอนการยอมรับแถลงการณ์ได้โดยการปิดตัวควบคุมเว็บ

ประกาศเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลสำหรับวัตถุประสงค์ของการใช้เว็บพอร์ทัล (ประกาศเว็บพอร์ทัล)

เว็บพอร์ทัลช่วยให้คุณจัดการกับใบอนุญาตใช้งานที่ได้รับและการป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณได้จากระยะไกล ระหว่างการใช้งานฟังก์ชั่นนี้ ผู้ถือสิทธิ์จะได้รับและประมวลผลข้อมูลตามประกาศเพื่อ:

  • ให้คุณสามารถใช้งานตามการสมัครปัจจุบันได้

  • เพื่อให้คุณสามารถใช้ (การเชื่อมต่อกับ) เว็บพอร์ทัลได้

ข้อมูลบางอย่างที่ประมวลผลภายใต้ประกาศนี้อาจถือว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวตามกฎหมายในบางประเทศ ข้อมูลที่จะประมวลผลขึ้นกับจุดประสงค์ซึ่งระบุไว้บนอินเตอร์เฟสของซอฟต์แวร์

ให้คุณสามารถใช้ซอฟต์แวร์ตามการสมัครใช้บริการปัจจุบันได้

ข้อมูลต่อไปนี้จะส่งถึงผู้ถือสิทธิ์เป็นประจำโดยอัตโนมัติภายใต้ประกาศนี้ โดยได้รับความยินยอมจากคุณ:

  • ข้อมูลเกี่ยวกับการตอบสนองกับเว็บพอร์ทัล: รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวสำหรับการลงทะเบียนอุปกรณ์บนเว็บไซต์ ประเภทของโทเค็น รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์บนเว็บไซต์ ข้อมูลเพื่อรับโทเค็นการยืนยันตัวตนสำหรับเซสชัน เหตุผลสำหรับการยกเลิกการเชื่อมต่อจากเว็บไซต์ รหัสผู้ใช้ที่ออกให้หลังจากการรับรองความถูกต้องของผู้ใช้สำเร็จบนเว็บไซต์ ไอดีบัญชีเว็บพอร์ทัล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตและข้อตกลงอื่นๆ: ข้อมูลเกี่ยวกับข้อผิดพลาดการเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ รหัสเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ วันที่และเวลาหมดอายุของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ รหัสใบอนุญาตใช้งานของซอฟต์แวร์ ส่วนหัวของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ สถานะในปัจจุบันของคีย์ใบรับรองซอฟต์แวร์ ประเภทใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ที่ใช้
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของผู้ใช้: การแปลภาษาของซอฟต์แวร์ภายนอก เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์ภายนอก
  • ข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งของผู้ถือสิทธิ์: เวอร์ชันส่วนประกอบซอฟต์แวร์ การแปลภาษาของซอฟต์แวร์ภายนอก เหตุผลสำหรับการยกเลิกการเชื่อมต่อจากเว็บไซต์ รหัสซอฟต์แวร์ที่มาจากใบอนุญาตใช้งาน เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; การแปลภาษาของซอฟต์แวร์; ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง
  • ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์: เวอร์ชัน OS, หมายเลขบิลด์ OS, หมายเลขอัปเดต OS, รุ่น OS, ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS ชื่อคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย (ชื่อโดเมน) รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์ ประเภท OS (เซิร์ฟเวอร์, เวิร์กสเตชัน, ตัวควบคุมโดเมน)

เพื่อให้คุณสามารถใช้ (การเชื่อมต่อกับ) เว็บพอร์ทัลได้

ข้อมูลต่อไปนี้จะส่งถึงผู้ถือสิทธิ์เป็นประจำโดยอัตโนมัติภายใต้ประกาศนี้ โดยได้รับความยินยอมจากคุณ:

  • ข้อมูลเกี่ยวกับการตอบสนองกับเว็บพอร์ทัล: รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์บนเว็บไซต์ รหัสผู้ใช้ที่ออกให้หลังจากการรับรองความถูกต้องของผู้ใช้สำเร็จบนเว็บไซต์ รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวสำหรับการลงทะเบียนอุปกรณ์บนเว็บไซต์ ประเภทของโทเค็น รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์บนเว็บไซต์ ข้อมูลเพื่อรับโทเค็นการยืนยันตัวตนสำหรับเซสชัน รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวสำหรับการเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติของซอฟต์แวร์ที่ดาวน์โหลดจากบัญชี My Kaspersky เหตุผลสำหรับการยกเลิกการเชื่อมต่อจากเว็บไซต์ รหัสผู้ใช้ที่ออกให้หลังจากการรับรองความถูกต้องของผู้ใช้สำเร็จบนเว็บไซต์ ไอดีบัญชีเว็บพอร์ทัล ผู้ใช้เข้าสู่ระบบสำหรับบัญชีพอร์ทัลเว็บไซต์ เหตุผลสำหรับการยกเลิกการเชื่อมต่อจากเว็บไซต์ ไอดีบัญชีเว็บพอร์ทัล ที่อยู่อีเมลผู้ใช้ รหัสผ่านผู้ใช้ พารามิเตอร์การอนุญาต บริบทการอนุญาต ตัวระบุ CAPTCHA ประเภท CAPTCHA คำตอบของผู้ใช้ไปยัง CAPTCHA รหัสผ่านแบบครั้งเดียวสำหรับการยืนยันสองขั้นตอน รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวเพื่อเชื่อมต่อแอปพลิเคชันที่ดาวน์โหลดจากเว็บพอร์ทัลโดยอัตโนมัติ เวอร์ชันของโปรโตคอลที่ใช้ ตัวระบุข้อความ XMPP ข้อมูลที่จะรับโทเค็นการรับรองความถูกต้องสำหรับเซสชัน
  • ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตและข้อตกลงอื่นๆ: ข้อมูลเกี่ยวกับข้อผิดพลาดการเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ รหัสเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ วันที่และเวลาหมดอายุของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ ส่วนหัวของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ สถานะในปัจจุบันของคีย์ใบรับรองซอฟต์แวร์ ประเภทใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ที่ใช้
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของผู้ใช้: การแปลภาษาของซอฟต์แวร์ภายนอก
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เฟสผู้ใช้ของแอปพลิเคชัน ข้อมูลความคิดเห็นของผู้ใช้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์: ค่าสถานะที่แสดงว่าผู้ใช้ตกลงมอบที่อยู่อีเมลเพื่อรับข้อเสนอทางการตลาดแบบส่วนบุคคลหรือไม่
  • ข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งของผู้ถือสิทธิ์: เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง เวอร์ชันส่วนประกอบซอฟต์แวร์ เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; รหัสประเทศ รหัสประเทศตาม ISO 3166-1 Alpha-2 รหัสซอฟต์แวร์ที่มาจากใบอนุญาตใช้งาน การแปลภาษาของซอฟต์แวร์; ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง ภูมิภาค รหัสการรีแบรนด์ของคู่ค้า รหัสเฉพาะของการติดตั้งแอปพลิเคชันบนคอมพิวเตอร์ ประเภทแอปพลิเคชัน สถานะเวอร์ชันของแอปพลิเคชัน สถานะแอปพลิเคชันโดยรวม โหมดการปฏิบัติงานของซอฟต์แวร์ สถานะใบอนุญาตใช้งาน ระดับการคุ้มครองของแอปพลิเคชัน สถานะการใช้งานส่วนประกอบการป้องกัน สถานะของการสแกน สถานะของฐานข้อมูล สถานะการอัปเดตฐานข้อมูล เวอร์ชันของฐานข้อมูลไวรัสที่ใช้ และเวลาการอัปเดตครั้งล่าสุด รายการของปัญหาด้านความปลอดภัยที่ตรวจพบ รายการคำแนะนำและการดำเนินการที่ทำได้
  • ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์: เวอร์ชัน OS, หมายเลขบิลด์ OS, หมายเลขอัปเดต OS, รุ่น OS, ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS ชื่อคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย (ชื่อโดเมน) รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์ ประเภท OS (เซิร์ฟเวอร์, เวิร์กสเตชัน, ตัวควบคุมโดเมน); เวลาปัจจุบันและความแตกต่างจาก UTC ภาพประเภทอุปกรณ์ แฮชซัมของ MAC address ของอุปกรณ์และตัวระบุผู้ใช้บนเว็บพอร์ทัล เทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุพารามิเตอร์อุปกรณ์ เวอร์ชั่นของเอนจินการนับของอุปกรณ์ ชื่ออุปกรณ์ ชื่อและค่าของพารามิเตอร์อุปกรณ์ ผู้ขายอุปกรณ์ การตั้งค่าภูมิภาคของระบบปฏิบัติการ (ข้อมูลเกี่ยวกับเขตเวลา, ผังแป้นพิมพ์เริ่มต้น, ภาษา) ประเภทของโทเค็นอุปกรณ์ รหัสเฉพาะของอุปกรณ์ผู้ใช้ที่ผูกกับเว็บพอร์ทัล

นอกเหนือจากข้อมูลที่ระบุไว้ข้างต้น ในกรณีที่ลงชื่อเข้าใช้เว็บพอร์ทัลโดยใช้บัญชี Facebook หรือ Google ของคุณ ผู้ถือสิทธิ์จำเป็นต้องได้รับและประมวลผลข้อมูลที่ไม่ใช่ส่วนบุคคลดังต่อไปนี้จากอุปกรณ์ของคุณ:

  • โทเค็นการเข้าถึงที่ได้รับจากผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน ประเภทของข้อมูลที่ส่งไปยังผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ID ผู้ถือสิทธิ์ในระบบของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ชื่อของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; URI ที่ส่งการตอบกลับของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; พารามิเตอร์ที่ขอมาจากผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ID ของแหล่งข้อมูลของผู้ถือสิทธิ์; ประเภทของโทเค็น ค่าที่สร้างขึ้นสำหรับการตรวจสอบคำขอ

    หมายเหตุ: ความพร้อมใช้งานของตัวเลือกในการลงชื่อเข้าใช้ด้วย Facebook นั้นขึ้นอยู่กับภูมิภาคของคุณ

นอกเหนือจากข้อมูลที่ระบุไว้ข้างต้น ในกรณีที่ลงชื่อเข้าใช้เว็บพอร์ทัลโดยใช้บัญชี Google ของคุณ ผู้ถือสิทธิ์จำเป็นต้องได้รับและประมวลผลข้อมูลที่ไม่ใช่ส่วนบุคคลดังต่อไปนี้จากอุปกรณ์ของคุณ:

  • รหัสอนุญาตที่ได้รับจากผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน ประเภทของข้อมูลที่ส่งไปยังผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ID ผู้ถือสิทธิ์ในระบบของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ชื่อของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; URI ที่ส่งการตอบกลับของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; พารามิเตอร์ที่ขอมาจากผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ID ของแหล่งข้อมูลของผู้ถือสิทธิ์; ประเภทของโทเค็น ค่าที่สร้างขึ้นสำหรับการตรวจสอบคำขอ

หากคุณไม่ต้องการให้ Kaspersky ได้รับข้อมูล คุณสามารถเพิกถอนการยอมรับประกาศเกี่ยวกับเว็บพอร์ทัลได้โดยการลงชื่อออกจาก My Kaspersky

หากคุณไม่ต้องการให้ Kaspersky ประมวลผลข้อมูลนี้ คุณจำเป็นต้องลบบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ของคุณ หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการลบบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky โปรดดู ความช่วยเหลือ My Kaspersky

บทบัญญัติว่าด้วยข้อมูล

คุณยินยอมที่จะส่งข้อมูลต่อไปนี้เพื่อจุดประสงค์ในการระบุแอปพลิเคชันระหว่างการอัปเดตฐานข้อมูลและโมดูล:

  • รหัสซอฟต์แวร์ (AppID)

  • รหัสการเปิดใช้งานใบอนุญาต

  • รหัสการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ไม่ซ้ำกัน (InstallationID)

  • รหัสการเรียกใช้งานการอัปเดตที่ไม่ซ้ำกัน (SessionID)

  • เวอร์ชันของซอฟต์แวร์ (BuildInfo)

  • ข้อมูลเกี่ยวกับการอัปเดตส่วนประกอบ Updater: งานการอัปเดตที่ไม่สำเร็จ, จำนวนครั้งของการเริ่มต้นล้มเหลวหลังจากการอัปเกรด, เวอร์ชันของส่วนประกอบ, รหัสข้อผิดพลาด, รหัสประเภทของงานอัปเดต, รหัสสถานะของซอฟต์แวร์หลังจากการอัปเดต, วันที่และเวลาที่ส่งสถิติ

แอปพลิเคชันยังประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวต่อไปนี้ที่แสดงในส่วนอินเทอร์เฟซแอปพลิเคชัน:

  • ที่อยู่อีเมลที่ใช้เพื่อเชื่อมต่อกับ My Kaspersky

  • ที่อยู่เว็บไซต์ที่เพิ่มไปยังการยกเว้น (แสดงใน Web Anti-Virus, การเรียกดูส่วนตัวอย่างปลอดภัย, การตั้งค่า Safe Money และในหน้าต่างรายงาน)

  • ข้อมูลใบอนุญาตใช้งาน

  • แฮชของรหัสผ่าน

  • แฮชของที่อยู่อีเมล

ข้อมูลนี้เก็บไว้ในเครื่องในรูปแบบที่ไม่ได้แก้ไขและสามารถดูได้ภายใต้บัญชีผู้ใช้ใดๆ ในคอมพิวเตอร์

อ่านประกาศเกี่ยวกับ Kaspersky Security Network และเพิกถอนการยอมรับ

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ KSN ในส่วน การป้องกันที่ยกระดับขึ้น ให้คลิก แสดงประกาศเกี่ยวกับ KSN

  3. หากคุณไม่ต้องการเข้าร่วม Kaspersky Security Network ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายการมีส่วนร่วมใน Kaspersky Security Network

อ่านประกาศด้านการตลาดและปิดใช้งานการส่งข้อมูล

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ KSN ในส่วน ประสบการณ์ที่พัฒนาขึ้น ให้คลิก แสดงประกาศด้านการตลาด

  3. หากคุณต้องการปิดใช้งานการส่งข้อมูล ให้เว้นช่องทำเครื่องหมาย ช่วย Kaspersky ยกระดับผลิตภัณฑ์โดยการส่งข้อมูลเกี่ยวกับแอปพลิเคชันและสภาพแวดล้อม

ปิดตัวควบคุมเว็บ

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวควบคุมเว็บ

    หน้าต่าง ตัวควบคุมเว็บ จะเปิดขึ้น

  2. ในแผงด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้เลือกบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการปิดตัวควบคุมเว็บ

  3. ในมุมขวาบนของหน้าต่าง ให้ปิดตัวควบคุมเว็บ

ลงชื่อออกจาก My Kaspersky

  1. เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลักและคลิก <บัญชีผู้ใช้ My Kaspersky>

  2. ในกล่องข้อความที่เปิดขึ้น คลิกที่ลงชื่อออก

ด้านบนของหน้า

[Topic 70562]

เกี่ยวกับข้อมูลที่มีให้ (ภูมิภาคอื่น ๆ)

ดูข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลที่ให้กับ Kaspersky ขณะใช้งานแอปพลิเคชันเวอร์ชันก่อนหน้า

Kaspersky ปกป้องข้อมูลที่ได้รับตามกฎหมายและกฎระเบียบของ Kaspersky ที่บังคับใช้ ข้อมูลจะถูกส่งบนช่องทางที่ปลอดภัย

ข้อตกลงผู้ใช้งานปลายทาง

คุณได้ยอมรับที่จะให้ข้อมูลที่ระบุไว้ด้านล่างนี้โดยอัตโนมัติผ่านซอฟต์แวร์ที่คุณติดตั้ง โดยซอฟต์แวร์ดังกล่าวถือเป็นลิขสิทธิ์ของ AO Kaspersky Lab (ต่อไปนี้จะเรียก Kaspersky ว่าผู้ถือสิทธิ์) สำหรับ Kaspersky เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้:

  • เพื่อเพิ่มการป้องกันข้อมูลและปรับปรุงคุณภาพของซอฟต์แวร์และบริการ
  • เพื่อระบุภัยคุกคามด้านความปลอดภัยของข้อมูลใหม่และแหล่งที่มา เพิ่มการป้องกันด้านการปฏิบัติงานของผู้ใช้ซอฟต์แวร์ และปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์

Kaspersky Standard

  • รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์บนเว็บไซต์ รหัสผู้ใช้ที่ออกให้หลังจากการรับรองความถูกต้องของผู้ใช้สำเร็จบนเว็บไซต์ เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการตอบสนองกับเว็บพอร์ทัล: รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวสำหรับการลงทะเบียนอุปกรณ์บนเว็บไซต์ ประเภทของโทเค็น รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์บนเว็บไซต์ ข้อมูลเพื่อรับโทเค็นการยืนยันตัวตนสำหรับเซสชัน รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวสำหรับการเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติของซอฟต์แวร์ที่ดาวน์โหลดจากบัญชี My Kaspersky เหตุผลสำหรับการยกเลิกการเชื่อมต่อจากเว็บไซต์ รหัสผู้ใช้ที่ออกให้หลังจากการรับรองความถูกต้องของผู้ใช้สำเร็จบนเว็บไซต์ ไอดีบัญชีเว็บพอร์ทัล ผู้ใช้เข้าสู่ระบบสำหรับบัญชีพอร์ทัลเว็บไซต์ ตัวบ่งชี้ที่ระบุว่าซอฟต์แวร์เชื่อมต่อกับเว็บไซต์หรือไม่
  • ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตและข้อตกลงอื่นๆ: รหัสของศูนย์การเปิดใช้งานภูมิภาค ชื่อลูกค้า ค่าสถานะบ่งบอกว่าการสมัครใช้บริการอยู่ในระยะเวลาผ่อนผันหรือไม่ วันที่และเวลาที่เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ วันหมดอายุของใบอนุญาตใช้งาน ตัวระบุใบอนุญาต ระยะเวลาการมีผลใช้งานของใบอนุญาต ประเภทของใบอนุญาตใช้งานที่ใช้ หมายเลขคำสั่งซื้อเมื่อซื้อใบอนุญาตใช้งาน ประเทศที่คู่ค้าตั้งอยู่ ชื่อเต็มของคู่ค้าที่ซื้อใบอนุญาตใช้งาน หมายเลขคำสั่งซื้อที่ใช้โดยคู่ค้า รหัสราคาคำสั่งซื้อเมื่อซื้อใบอนุญาตใช้งาน วันหมดอายุการสมัครใช้บริการ สถานะการเป็นสมาชิกปัจจุบัน สาเหตุที่เป็นสมาชิกหรือเปลี่ยนแปลงสถานะสมาชิก สถานะของใบอนุญาตใช้งานที่ใช้โดยซอฟต์แวร์ ไอดีบัญชีเว็บพอร์ทัล ประเภทใบอนุญาตที่ใช้เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ checksum ของรหัสเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับข้อผิดพลาดการเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตเพื่อระบุกลุ่มผู้ใช้ของบริษัทที่ซื้อใบอนุญาตใช้งานตามความคิดเห็นในคุณสมบัติของใบอนุญาตใช้งาน รหัสเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ วันที่เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ จำนวนวันหลังจากการเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ จำนวนวันตั้งแต่คีย์ใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์หมดอายุ วันที่และเวลาหมดอายุของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ จำนวนวันจนถึงวันหมดอายุของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ รหัสใบอนุญาตใช้งานของซอฟต์แวร์ checksum ของไฟล์คีย์ใช้งานซอฟต์แวร์ ส่วนหัวของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ รหัสโมเดลข้อมูลที่ใช้เพื่อมอบใบอนุญาตใช้งาน เลขลำดับของคีย์ใบรับรองซอฟต์แวร์ สถานะในปัจจุบันของคีย์ใบรับรองซอฟต์แวร์ ประเภทการบอกรับเป็นสมาชิกซอฟต์แวร์; วันและเวลาที่การสมัครสมาชิกซอฟต์แวร์หมดอายุ สถานะปัจจุบันของการสมัครใช้บริการของซอฟต์แวร์ เหตุผลที่ใช้การสมัครใช้บริการสถานะปัจจุบัน/เหตุผลที่เปลี่ยนแปลงการสมัครใช้บริการ ข้อกำหนดใบรับรองซอฟต์แวร์ ตัวระบุใบรับรองที่ใช้เซ็นส่วนหัวของทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ วันและเวลาที่สร้างทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์; checksum ของทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์; เวอร์ชันของทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์; ประเภทใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ที่ใช้ เวอร์ชันของรหัสการเปิดใช้งานซอฟต์แวร์; หมายเลขรหัสที่ใช้สั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน รหัสประเทศของคู่ค้าที่ขายใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ ตัวระบุองค์กรคู่ค้าที่มีคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน ชื่อเต็มขององค์กรคู่ค้าที่มีคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน หมายเลขของคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์จากคู่ค้า รหัสของรายการราคาที่ได้ซื้อใบอนุญาตใช้งาน ข้อมูลการเชื่อมโยงลำดับทิคเก็ตใบอนุญาตกับบัญชีผู้ใช้ รหัสทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานปัจจุบัน; ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าผู้ใช้ได้ยอมรับข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายขณะใช้ซอฟต์แวร์หรือไม่ ประเภทของข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์ เวอร์ชันของข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์
  • ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้: ไอดีบัญชีเว็บพอร์ทัล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของผู้ใช้: การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IPv6, DHCP IPv6, DNS1 IPv6, DNS2 IPv6) checksum ของความยาวของส่วนนำหน้าเครือข่าย checksum ของที่อยู่ท้องถิ่น IPv6); การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IP, DHCP IP, DNS1 IP, DNS2 IP, ซับเน็ตมาสก์) ประเภทการยืนยันตัวตนของเครือข่าย Wi‑Fi checksum (MD5 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; checksum (SHA256 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; ประเภทการเชื่อมต่อที่รองรับโดยจุดเชื่อมต่อ Wi‑Fi ประเภทการเข้ารหัสเครือข่าย Wi-Fi network รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงจาก MAC address ของจุดเชื่อมต่อ รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi และ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ ความแรงสัญญาณ Wi-Fi ชื่อเครือข่าย Wi-Fi SSID ของเครือข่าย Wi-Fi; เวอร์ชันส่วนประกอบซอฟต์แวร์ เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์;
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Kaspersky Security Network (KSN): ค่าสถานะบ่งบอกว่าผู้ใช้ยอมรับข้อกำหนดการมีส่วนร่วมใน KSN ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าเปิดใช้งานการมีส่วนร่วมใน KSN หรือไม่
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เฟสผู้ใช้ของแอปพลิเคชัน ข้อมูลความคิดเห็นของผู้ใช้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์: ค่าสถานะที่แสดงว่าผู้ใช้ตกลงมอบที่อยู่อีเมลเพื่อรับข้อเสนอทางการตลาดแบบส่วนบุคคลหรือไม่
  • ข้อมูลเกี่ยวกับออบเจ็กต์ที่กำลังได้รับการประมวลผล: รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประทับเวลาของระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประเภทระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ สารบัญใบรับรองดิจิทัลที่กำลังประมวลผล คีย์สาธารณะของใบรับรอง ใบรับรองดิจิทัลแบบใช้ลายนิ้วมือของออบเจ็กต์ที่สแกนและอัลกอริทึมการแฮช รูปแบบของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ประเภท checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ผลการตรวจสอบสถานะใน KSN ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล จำนวนของซอฟต์แวร์ที่ใช้งานตั้งแต่มีการส่งไฟล์ checksum ครั้งล่าสุด checksum (MD5) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ชื่อของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum (SHA256) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล; ขนาดของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ชื่อของมัลแวร์ที่ตรวจพบหรือซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายแก่อุปกรณ์หรือข้อมูลผู้ใช้ checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum (MD5) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล พาธไปยังออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล; checksum ของชื่อผู้ใช้ ประเภทของใบรับรอง ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการประมวลผลบริการเว็บ: IP address สารบัญใบรับรองดิจิทัลที่กำลังประมวลผล รหัสหัวข้อในการช่วยเหลือซอฟต์แวร์; ชื่อลิงก์; URL ของบริการที่ใช้เพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ที่อยู่บริการเว็บที่เข้าถึง (URL, IP) ที่อยู่ IPv4 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ; หมายเลขพอร์ต ที่อยู่เว็บต้นทางการส่งคำขอบริการเว็บ (ตัวอ้างอิง) ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งของผู้ถือสิทธิ์: การแปลภาษาของซอฟต์แวร์ภายนอก รหัสประเทศ เหตุผลสำหรับการยกเลิกการเชื่อมต่อจากเว็บไซต์ ตัวระบุการกำหนดค่า รหัสประเทศตาม ISO 3166-1 alpha-2 รหัสซอฟต์แวร์ที่มาจากใบอนุญาตใช้งาน เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; รหัสอัปเดตของซอฟต์แวร์; รหัสซอฟต์แวร์; วันที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับเวอร์ชันทดลองใช้ของซอฟต์แวร์; การแปลภาษาของซอฟต์แวร์; รหัสการติดตั้งซอฟต์แวร์ (PCID) รหัสการรีแบรนด์ของซอฟต์แวร์; รหัสของซอฟต์แวร์ที่มีใบอนุญาตใช้งาน รหัสขององค์กรคู่ค้าที่เกี่ยวข้องกับการรีแบรนด์ซอฟต์แวร์ ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง; กลุ่มซอฟต์แวร์; รหัสส่วนประกอบซอฟต์แวร์; ผลจากการดำเนินการของซอฟต์แวร์; ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าผู้ใช้ได้ยอมรับข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายขณะใช้ซอฟต์แวร์หรือไม่ ประเภทของข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์ วันและเวลาที่ผู้ใช้ยอมรับข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายขณะใช้ซอฟต์แวร์ เวอร์ชันของข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์ รหัสซอฟต์แวร์; ตัวบ่งชี้ว่าการติดตั้งถูกยกเลิกโดยผู้ใช้หรือไม่; รหัสของการรีแบรนด์ซอฟต์แวร์ จำนวนวินาทีที่ติดตั้งซอฟต์แวร์; ประเภทการติดตั้ง (การติดตั้งใหม่, การอัปเดต); เวอร์ชันโปรโตคอลของการตอบสนองระหว่างซอฟต์แวร์และข้อความการตลาด รหัสการเริ่มต้นอัปเดตซอฟต์แวร์ ID ของผู้ใช้เว็บไซต์ของผู้ถือสิทธิ์, ID ซอฟต์แวร์ใน Firebase
  • ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์: ภูมิภาค OS ขนาดบิตของ OS; รุ่นของอุปกรณ์; ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณลักษณะ OS รหัสอุปกรณ์ เลขบิลด์ OS; ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS; ตระกูลของระบบปฏิบัติการ; เวอร์ชัน OS, หมายเลขบิลด์ OS, หมายเลขอัปเดต OS, รุ่น OS, ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS รหัส OS เวอร์ชันของ OS Service Pack; ค่าสถานะบ่งบอกว่าพาร์ติชัน Windows พร้อมใช้งานหรือไม่ เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ IP address เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้; ชื่อคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย (ชื่อโดเมน) บิตของระบบปฏิบัติการ; รุ่นของ OS; รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์ ประเภทอุปกรณ์ (แล็ปท็อป, เดสก์ท็อป, แท็บเล็ต); ประเภท OS (เซิร์ฟเวอร์, เวิร์กสเตชัน, ตัวควบคุมโดเมน); หมายเลขพอร์ต
  • ข้อมูลอื่น ๆ: รายการเวอร์ชันการตัดสินใจบริการซอฟต์แวร์ที่ถูกเพิกถอนแล้ว รหัสชุดข้อมูลที่ผู้ให้บริการสมัครใช้บริการใช้ สารบัญใบรับรองดิจิทัลที่กำลังประมวลผล รหัสไดเรกทอรี ประเภทของข้อมูลในคำขอไปยังโครงสร้างพื้นฐานของผู้ถือสิทธิ์ รหัสข้อผิดพลาด; สถานะการติดตั้ง/ถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์; ประเภทของซอฟต์แวร์ภายนอกที่ติดตั้งระหว่างติดตั้งซอฟต์แวร์; ประเภทของซอฟต์แวร์ภายนอกที่มีการเสนอให้ติดตั้งระหว่างติดตั้งซอฟต์แวร์; ประเภทของซอฟต์แวร์ภายนอกที่ได้รับเลือกให้ติดตั้งระหว่างติดตั้งซอฟต์แวร์; เวอร์ชันโปรโตคอลของการตอบสนองระหว่างซอฟต์แวร์และข้อความการตลาด ความล่าช้าในการส่งสถิติ; ข้อกำหนดเฉพาะทางเทคนิคของเทคโนโลยีตรวจจับที่ใช้

นอกเหนือจากข้อมูลที่ระบุไว้ข้างต้น ในกรณีที่ลงชื่อเข้าใช้เว็บพอร์ทัลโดยใช้บัญชี Google ของคุณ ผู้ถือสิทธิ์จำเป็นต้องได้รับและประมวลผลข้อมูลต่อไปนี้จากอุปกรณ์ของคุณ:

  • โทเค็นการยืนยันตัวตนที่ได้รับจากผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน รหัสอนุญาตที่ได้รับจากผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน ประเภทของข้อมูลที่ส่งไปยังผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ID ผู้ถือสิทธิ์ในระบบของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ชื่อของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; URI ที่ส่งการตอบกลับของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; พารามิเตอร์ที่ขอมาจากผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ID ของแหล่งข้อมูลของผู้ถือสิทธิ์; ประเภทของโทเค็น ค่าที่สร้างขึ้นสำหรับการตรวจสอบคำขอ

นอกเหนือจากข้อมูลที่ระบุไว้ข้างต้น ในกรณีที่ลงชื่อเข้าใช้เว็บพอร์ทัลโดยใช้บัญชี Facebook หรือ Google ของคุณ ผู้ถือสิทธิ์จำเป็นต้องได้รับและประมวลผลข้อมูลที่ไม่ใช่ส่วนบุคคลดังต่อไปนี้จากอุปกรณ์ของคุณ:

  • โทเค็นการเข้าถึงที่ได้รับจากผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน ประเภทของข้อมูลที่ส่งไปยังผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ID ผู้ถือสิทธิ์ในระบบของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ชื่อของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; URI ที่ส่งการตอบกลับของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; พารามิเตอร์ที่ขอมาจากผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ID ของแหล่งข้อมูลของผู้ถือสิทธิ์; ประเภทของโทเค็น ค่าที่สร้างขึ้นสำหรับการตรวจสอบคำขอ

    หมายเหตุ: ความพร้อมใช้งานของตัวเลือกในการลงชื่อเข้าใช้ด้วย Facebook นั้นขึ้นอยู่กับภูมิภาคของคุณ

Kaspersky Plus หรือ Kaspersky Premium

  • รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์บนเว็บไซต์ รหัสผู้ใช้ที่ออกให้หลังจากการรับรองความถูกต้องของผู้ใช้สำเร็จบนเว็บไซต์ ผู้ใช้เข้าสู่ระบบสำหรับบัญชีพอร์ทัลเว็บไซต์ รหัสผ่านของบัญชีผู้ใช้ในพอร์ทัลเว็บไซต์; รหัสของ CAPTCHA ที่ขอในระหว่างการรับรองความถูกต้องเว็บพอร์ทัล; ประเภทของ CAPTCHA ที่ขอในระหว่างการรับรองความถูกต้องเว็บพอร์ทัล; ผู้ใช้ที่ตอบสนองต่อ CAPTCHA ที่ขอในระหว่างการรับรองความถูกต้องเว็บพอร์ทัล; เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; บริบทของการรับรองความถูกต้องบนเว็บพอร์ทัลผ่านซอฟต์แวร์; รหัสแบบใช้ครั้งเดียวสำหรับการรับรองความถูกต้องเว็บพอร์ทัล; ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการตอบสนองกับเว็บพอร์ทัล: รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวสำหรับการลงทะเบียนอุปกรณ์บนเว็บไซต์ ประเภทของโทเค็น รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์บนเว็บไซต์ ข้อมูลเพื่อรับโทเค็นการยืนยันตัวตนสำหรับเซสชัน รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวสำหรับการเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติของซอฟต์แวร์ที่ดาวน์โหลดจากบัญชี My Kaspersky เหตุผลสำหรับการยกเลิกการเชื่อมต่อจากเว็บไซต์ รหัสผู้ใช้ที่ออกให้หลังจากการรับรองความถูกต้องของผู้ใช้สำเร็จบนเว็บไซต์ ไอดีบัญชีเว็บพอร์ทัล ผู้ใช้เข้าสู่ระบบสำหรับบัญชีพอร์ทัลเว็บไซต์ ตัวบ่งชี้ที่ระบุว่าซอฟต์แวร์เชื่อมต่อกับเว็บไซต์หรือไม่
  • ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตและข้อตกลงอื่นๆ: รหัสของศูนย์การเปิดใช้งานภูมิภาค ชื่อลูกค้า ค่าสถานะบ่งบอกว่าการสมัครใช้บริการอยู่ในระยะเวลาผ่อนผันหรือไม่ วันที่และเวลาที่เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ วันหมดอายุของใบอนุญาตใช้งาน ตัวระบุใบอนุญาต ระยะเวลาการมีผลใช้งานของใบอนุญาต ประเภทของใบอนุญาตใช้งานที่ใช้ หมายเลขคำสั่งซื้อเมื่อซื้อใบอนุญาตใช้งาน ประเทศที่คู่ค้าตั้งอยู่ ชื่อเต็มของคู่ค้าที่ซื้อใบอนุญาตใช้งาน หมายเลขคำสั่งซื้อที่ใช้โดยคู่ค้า รหัสราคาคำสั่งซื้อเมื่อซื้อใบอนุญาตใช้งาน วันหมดอายุการสมัครใช้บริการ สถานะการเป็นสมาชิกปัจจุบัน สาเหตุที่เป็นสมาชิกหรือเปลี่ยนแปลงสถานะสมาชิก สถานะของใบอนุญาตใช้งานที่ใช้โดยซอฟต์แวร์ ไอดีบัญชีเว็บพอร์ทัล ประเภทใบอนุญาตที่ใช้เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ checksum ของรหัสเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับข้อผิดพลาดการเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตเพื่อระบุกลุ่มผู้ใช้ของบริษัทที่ซื้อใบอนุญาตใช้งานตามความคิดเห็นในคุณสมบัติของใบอนุญาตใช้งาน รหัสเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ วันที่เปิดใช้งานซอฟต์แวร์ จำนวนวันหลังจากการเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ จำนวนวันตั้งแต่คีย์ใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์หมดอายุ วันที่และเวลาหมดอายุของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ จำนวนวันจนถึงวันหมดอายุของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ รหัสใบอนุญาตใช้งานของซอฟต์แวร์ checksum ของไฟล์คีย์ใช้งานซอฟต์แวร์ ส่วนหัวของใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ ข้อมูลใบอนุญาตใช้งานสำหรับการระบุกลุ่มผู้ใช้ตามการตั้งค่าเพิ่มเติมของใบอนุญาตใช้งานการสมัครใช้บริการ รหัสโมเดลข้อมูลที่ใช้เพื่อมอบใบอนุญาตใช้งาน เลขลำดับของคีย์ใบรับรองซอฟต์แวร์ สถานะในปัจจุบันของคีย์ใบรับรองซอฟต์แวร์ ประเภทการบอกรับเป็นสมาชิกซอฟต์แวร์; วันและเวลาที่การสมัครสมาชิกซอฟต์แวร์หมดอายุ สถานะปัจจุบันของการสมัครใช้บริการของซอฟต์แวร์ เหตุผลที่ใช้การสมัครใช้บริการสถานะปัจจุบัน/เหตุผลที่เปลี่ยนแปลงการสมัครใช้บริการ ข้อกำหนดใบรับรองซอฟต์แวร์ ตัวระบุใบรับรองที่ใช้เซ็นส่วนหัวของทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ วันและเวลาที่สร้างทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์; checksum ของทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์; เวอร์ชันของทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์; ประเภทใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ที่ใช้ เวอร์ชันของรหัสการเปิดใช้งานซอฟต์แวร์; หมายเลขรหัสที่ใช้สั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน รหัสประเทศของคู่ค้าที่ขายใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ ตัวระบุองค์กรคู่ค้าที่มีคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน ชื่อเต็มขององค์กรคู่ค้าที่มีคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งาน หมายเลขของคำสั่งซื้อใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์จากคู่ค้า รหัสของรายการราคาที่ได้ซื้อใบอนุญาตใช้งาน ข้อมูลการเชื่อมโยงลำดับทิคเก็ตใบอนุญาตกับบัญชีผู้ใช้ รหัสทิคเก็ตใบอนุญาตใช้งานปัจจุบัน; ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าผู้ใช้ได้ยอมรับข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายขณะใช้ซอฟต์แวร์หรือไม่ ประเภทของข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์ เวอร์ชันของข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์
  • ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้: ไอดีบัญชีเว็บพอร์ทัล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของผู้ใช้: การแปลภาษาของซอฟต์แวร์ภายนอก การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IPv6, DHCP IPv6, DNS1 IPv6, DNS2 IPv6) checksum ของความยาวของส่วนนำหน้าเครือข่าย checksum ของที่อยู่ท้องถิ่น IPv6); การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IP, DHCP IP, DNS1 IP, DNS2 IP, ซับเน็ตมาสก์) ประเภทการยืนยันตัวตนของเครือข่าย Wi‑Fi checksum (MD5 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; checksum (SHA256 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; ประเภทการเชื่อมต่อที่รองรับโดยจุดเชื่อมต่อ Wi‑Fi ประเภทการเข้ารหัสเครือข่าย Wi-Fi network รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงจาก MAC address ของจุดเชื่อมต่อ รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi และ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ ความแรงสัญญาณ Wi-Fi ชื่อเครือข่าย Wi-Fi SSID ของเครือข่าย Wi-Fi; เวอร์ชันส่วนประกอบซอฟต์แวร์ เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; การแปลภาษาของซอฟต์แวร์
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Kaspersky Security Network (KSN): ค่าสถานะบ่งบอกว่าผู้ใช้ยอมรับข้อกำหนดการมีส่วนร่วมใน KSN ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าเปิดใช้งานการมีส่วนร่วมใน KSN หรือไม่
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เฟสผู้ใช้ของแอปพลิเคชัน ข้อมูลความคิดเห็นของผู้ใช้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์: ค่าสถานะที่แสดงว่าผู้ใช้ตกลงมอบที่อยู่อีเมลเพื่อรับข้อเสนอทางการตลาดแบบส่วนบุคคลหรือไม่
  • ข้อมูลเกี่ยวกับออบเจ็กต์ที่กำลังได้รับการประมวลผล: รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประทับเวลาของระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประเภทระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ สารบัญใบรับรองดิจิทัลที่กำลังประมวลผล คีย์สาธารณะของใบรับรอง ใบรับรองดิจิทัลแบบใช้ลายนิ้วมือของออบเจ็กต์ที่สแกนและอัลกอริทึมการแฮช รูปแบบของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ประเภท checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ผลการตรวจสอบสถานะใน KSN ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล จำนวนของซอฟต์แวร์ที่ใช้งานตั้งแต่มีการส่งไฟล์ checksum ครั้งล่าสุด checksum (MD5) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ชื่อของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum (SHA256) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล; ขนาดของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ชื่อของมัลแวร์ที่ตรวจพบหรือซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายแก่อุปกรณ์หรือข้อมูลผู้ใช้ checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum (MD5) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล พาธไปยังออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล; checksum ของชื่อผู้ใช้ ประเภทของใบรับรอง ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการประมวลผลบริการเว็บ: IP address สารบัญใบรับรองดิจิทัลที่กำลังประมวลผล รหัสหัวข้อในการช่วยเหลือซอฟต์แวร์; ชื่อลิงก์; URL ของบริการที่ใช้เพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ที่อยู่บริการเว็บที่เข้าถึง (URL, IP) ที่อยู่ IPv4 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ; หมายเลขพอร์ต ที่อยู่เว็บต้นทางการส่งคำขอบริการเว็บ (ตัวอ้างอิง) ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งของผู้ถือสิทธิ์: การแปลภาษาของซอฟต์แวร์ภายนอก รหัสประเทศ เหตุผลสำหรับการยกเลิกการเชื่อมต่อจากเว็บไซต์ ตัวระบุการกำหนดค่า รหัสประเทศตาม ISO 3166-1 alpha-2 รหัสซอฟต์แวร์ที่มาจากใบอนุญาตใช้งาน เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; รหัสอัปเดตของซอฟต์แวร์; รหัสซอฟต์แวร์; วันที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ ข้อมูลเกี่ยวกับเวอร์ชันทดลองใช้ของซอฟต์แวร์; การแปลภาษาของซอฟต์แวร์; รหัสการติดตั้งซอฟต์แวร์ (PCID) รหัสการรีแบรนด์ของซอฟต์แวร์; รหัสของซอฟต์แวร์ที่มีใบอนุญาตใช้งาน รหัสขององค์กรคู่ค้าที่เกี่ยวข้องกับการรีแบรนด์ซอฟต์แวร์ ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง; กลุ่มซอฟต์แวร์; รหัสส่วนประกอบซอฟต์แวร์; ผลจากการดำเนินการของซอฟต์แวร์; ค่าสถานะที่บ่งบอกว่าผู้ใช้ได้ยอมรับข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายขณะใช้ซอฟต์แวร์หรือไม่ ประเภทของข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์ วันและเวลาที่ผู้ใช้ยอมรับข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายขณะใช้ซอฟต์แวร์ เวอร์ชันของข้อกำหนดในข้อตกลงทางกฎหมายที่ผู้ใช้ยอมรับขณะใช้ซอฟต์แวร์ รหัสซอฟต์แวร์; ตัวบ่งชี้ว่าการติดตั้งถูกยกเลิกโดยผู้ใช้หรือไม่; รหัสของการรีแบรนด์ซอฟต์แวร์ จำนวนวินาทีที่ติดตั้งซอฟต์แวร์; ประเภทการติดตั้ง (การติดตั้งใหม่, การอัปเดต); เวอร์ชันโปรโตคอลของการตอบสนองระหว่างซอฟต์แวร์และข้อความการตลาด รหัสการเริ่มต้นอัปเดตซอฟต์แวร์ ID ของผู้ใช้เว็บไซต์ของผู้ถือสิทธิ์, ID ซอฟต์แวร์ใน Firebase
  • ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์: ภูมิภาค OS ขนาดบิตของ OS; รุ่นของอุปกรณ์; ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณลักษณะ OS รหัสอุปกรณ์ เลขบิลด์ OS; ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS; ตระกูลของระบบปฏิบัติการ; เวอร์ชัน OS, หมายเลขบิลด์ OS, หมายเลขอัปเดต OS, รุ่น OS, ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS รหัส OS เวอร์ชันของ OS Service Pack; ค่าสถานะบ่งบอกว่าพาร์ติชัน Windows พร้อมใช้งานหรือไม่ เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ IP address เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้; ชื่อคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย (ชื่อโดเมน) บิตของระบบปฏิบัติการ; รุ่นของ OS; รหัสเฉพาะตัวของอุปกรณ์ 5 ไบต์แรกของที่อยู่อุปกรณ์ MAC ประเภทอุปกรณ์ (แล็ปท็อป, เดสก์ท็อป, แท็บเล็ต); ประเภท OS (เซิร์ฟเวอร์, เวิร์กสเตชัน, ตัวควบคุมโดเมน); หมายเลขพอร์ต
  • ข้อมูลอื่น ๆ: รายการเวอร์ชันการตัดสินใจบริการซอฟต์แวร์ที่ถูกเพิกถอนแล้ว รหัสชุดข้อมูลที่ผู้ให้บริการสมัครใช้บริการใช้ สารบัญใบรับรองดิจิทัลที่กำลังประมวลผล รหัสไดเรกทอรี ประเภทของข้อมูลในคำขอไปยังโครงสร้างพื้นฐานของผู้ถือสิทธิ์ รหัสข้อผิดพลาด; สถานะการติดตั้ง/ถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์; ประเภทของซอฟต์แวร์ภายนอกที่ติดตั้งระหว่างติดตั้งซอฟต์แวร์; ประเภทของซอฟต์แวร์ภายนอกที่มีการเสนอให้ติดตั้งระหว่างติดตั้งซอฟต์แวร์; ประเภทของซอฟต์แวร์ภายนอกที่ได้รับเลือกให้ติดตั้งระหว่างติดตั้งซอฟต์แวร์; เวอร์ชันโปรโตคอลของการตอบสนองระหว่างซอฟต์แวร์และข้อความการตลาด ความล่าช้าในการส่งสถิติ; ข้อกำหนดเฉพาะทางเทคนิคของเทคโนโลยีตรวจจับที่ใช้

นอกเหนือจากข้อมูลที่ระบุไว้ข้างต้น ในกรณีที่ลงชื่อเข้าใช้เว็บพอร์ทัลโดยใช้บัญชี Google ของคุณ ผู้ถือสิทธิ์จำเป็นต้องได้รับและประมวลผลข้อมูลต่อไปนี้จากอุปกรณ์ของคุณ:

  • โทเค็นการยืนยันตัวตนที่ได้รับจากผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน รหัสอนุญาตที่ได้รับจากผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน ประเภทของข้อมูลที่ส่งไปยังผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ID ผู้ถือสิทธิ์ในระบบของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ชื่อของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; URI ที่ส่งการตอบกลับของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; พารามิเตอร์ที่ขอมาจากผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ID ของแหล่งข้อมูลของผู้ถือสิทธิ์; ประเภทของโทเค็น ค่าที่สร้างขึ้นสำหรับการตรวจสอบคำขอ

นอกเหนือจากข้อมูลที่ระบุไว้ข้างต้น ในกรณีที่ลงชื่อเข้าใช้เว็บพอร์ทัลโดยใช้บัญชี Facebook หรือ Google ของคุณ ผู้ถือสิทธิ์จำเป็นต้องได้รับและประมวลผลข้อมูลที่ไม่ใช่ส่วนบุคคลดังต่อไปนี้จากอุปกรณ์ของคุณ:

  • โทเค็นการเข้าถึงที่ได้รับจากผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน ประเภทของข้อมูลที่ส่งไปยังผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ID ผู้ถือสิทธิ์ในระบบของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ชื่อของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; URI ที่ส่งการตอบกลับของผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; พารามิเตอร์ที่ขอมาจากผู้ให้บริการการยืนยันตัวตน; ID ของแหล่งข้อมูลของผู้ถือสิทธิ์; ประเภทของโทเค็น ค่าที่สร้างขึ้นสำหรับการตรวจสอบคำขอ

    หมายเหตุ: ความพร้อมใช้งานของตัวเลือกในการลงชื่อเข้าใช้ด้วย Facebook นั้นขึ้นอยู่กับภูมิภาคของคุณ

ข้อมูลที่ได้รับจะได้รับการคุ้มครองโดยผู้ถือสิทธิ์ตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่กำหนดไว้และเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรับประกันการทำงานของซอฟต์แวร์ที่ได้รับอนุญาตจากคุณ

Kaspersky อาจใช้ข้อมูลสถิติที่ได้รับ ซึ่งสร้างขึ้นตามข้อมูลที่ได้รับเพื่อติดตามแนวโน้มในด้านการคุกคามความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ และเพื่อเผยแพร่รายงานที่เกี่ยวข้อง

ประกาศเกี่ยวกับ Kaspersky Security Network

เพื่อเพิ่มความเร็วในการตอบสนองของซอฟต์แวร์ต่อข้อมูลและภัยคุกคามความปลอดภัยทางเครือข่าย เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิดและตรวจสอบเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นรวมถึงปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ Kaspersky ผู้ใช้ตกลงที่จะให้ข้อมูลต่อไปนี้:

Kaspersky Standard

  • ข้อมูลเกี่ยวกับการตอบสนองกับเว็บพอร์ทัล: ประเภทของโทเค็น โทเค็นของเซสชันที่มีการยืนยันตัวตนในบริการของผู้ถือสิทธิ์ TTL โทเคน รหัสข้อผิดพลาด
  • ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตและข้อตกลงอื่นๆ: ประเภทใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ที่ใช้
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของผู้ใช้: รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประเภทของเบราว์เซอร์ เวอร์ชันของเบราว์เซอร์ การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IPv6, DHCP IPv6, DNS1 IPv6, DNS2 IPv6) checksum ของความยาวของส่วนนำหน้าเครือข่าย checksum ของที่อยู่ท้องถิ่น IPv6); การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IP, DHCP IP, DNS1 IP, DNS2 IP, ซับเน็ตมาสก์) ค่าสถานะบ่งบอกว่าโดเมน DNS มีอยู่แล้ว ประเภทการยืนยันตัวตนของเครือข่าย Wi‑Fi รายการของเครือข่าย Wi-Fi และการตั้งค่า checksum (MD5 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; checksum (SHA256 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; การจำแนกหมวดหมู่ผู้ใช้ของเครือข่าย Wi-Fi ประเภทการเข้ารหัสเครือข่าย Wi-Fi network เวลาท้องถิ่นที่เริ่มและสิ้นสุดการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงจาก MAC address ของจุดเชื่อมต่อ รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi และ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ ความแรงสัญญาณ Wi-Fi ชื่อเครือข่าย Wi-Fi ชื่อผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ ชื่อเต็มของแอปพลิเคชัน หมวดหมู่ของเครือข่ายที่กำหนดใน Kaspersky VPN Secure Connection (ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ที่สาธารณะ) หมวดหมู่เครือข่ายที่ระบุใน Kaspersky VPN Secure Connection (ไม่รู้จัก, ปลอดภัย, ไม่ปลอดภัย)
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติการขององค์ประกอบ Safe Money: การดำเนินการที่กระทำกับที่อยู่เว็บไซต์ในการตั้งค่าซอฟต์แวร์ ตัวบ่งชี้ตำแหน่งการปฏิบัติการเมื่อเริ่มต้นเบราเซอร์ที่มีการป้องกันใน Safe Money โหมดเริ่มต้นของส่วนประกอบ Safe Money สำหรับบริการเว็บ ตัวบ่งชี้ตัวเลือกที่จดจำของตำแหน่งการปฏิบัติการสำหรับบริการเว็บ ตัวบ่งชี้สถานะที่อยู่เว็บในฐานข้อมูล Safe Money
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Kaspersky Security Network (KSN): โปรโตคอลที่ใช้เพื่อแลกเลี่ยนข้อมูลกับ KSN; รหัสของบริการ KSN ที่ซอฟต์แวร์เข้าถึง; วันและเวลาที่หยุดรับสถิติ; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ที่ได้มาจากแคช; จำนวนคำขอที่พบในฐานข้อมูลคำขอในเครื่อง; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ที่ไม่สำเร็จ; จำนวนธุรกรรม KSN ที่ไม่สำเร็จ; การกระจายเวลาของคำขอไปยัง KSN ที่ยกเลิกแล้ว; การกระจายเวลาของการเชื่อมต่อ KSN ที่ไม่สำเร็จ; การกระจายเวลาของธุรกรรม KSN ที่ไม่สำเร็จ; การกระจายเวลาของการเชื่อมต่อ KSN ที่สำเร็จ; การกระจายเวลาของธุรกรรม KSN ที่สำเร็จ; การกระจายเวลาของคำขอไปยัง KSN ที่สำเร็จ; การกระจายเวลาของคำขอ KSN ที่หมดเวลาแล้ว; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ใหม่; จำนวนคำขอไปยัง KSN ที่ไม่สำเร็จเนื่องจากข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเราต์ติง; จำนวนคำขอที่ไม่สำเร็จเนื่องจากมีการปิดใช้งาน KSN ในการตั้งค่าซอฟต์แวร์; จำนวนคำขอไปยัง KSN ที่ไม่สำเร็จเนื่องจากปัญหาในเครือข่าย; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ที่สำเร็จ; จำนวนธุรกรรม KSN ที่สำเร็จ; จำนวนคำขอทั้งหมดไปยัง KSN; วันที่และเวลาที่เริ่มได้รับสถิติ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เฟสผู้ใช้ของแอปพลิเคชัน ข้อมูลความคิดเห็นของผู้ใช้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์: ตัวบ่งชี้ของโหมดโต้ตอบ ตัวเลือกผู้ใช้เกี่ยวกับการควบคุมการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไปยังเครือข่าย Wi-Fi ที่บ้าน รหัสของการควบคุมในอินเทอร์เฟสผู้ใช้ หมวดหมู่ของบริการที่มอบการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ ดังที่กำหนดในการตั้งค่าซอฟต์แวร์ ชื่อบริการที่มอบการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ รหัสของหน้าต่างที่แสดง เวลาของการส่งสถิติเกี่ยวกับการใช้แอปพลิเคชัน GUI การดำเนินการที่กระทำกับการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย ประเภทของผู้ใช้ที่ดำเนินการกับการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย
  • ข้อมูลเกี่ยวกับออบเจ็กต์ที่กำลังได้รับการประมวลผล: เนื้อหาบางส่วนของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล วันที่และเวลาที่ใบรับรองหมดอายุ รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ พอร์ตในเครื่องที่ถูกโจมตี รหัสบัญชีผู้ใช้ที่กระบวนการควบคุมได้เริ่มต้น รหัสคีย์จาก keystore ที่ใช้เข้ารหัส ลำดับชิ้นส่วนในออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ข้อมูลบันทึกภายในระบบที่สร้างโดยโมดูลซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสเพื่อใช้กับออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ผลลัพธ์ของการตรวจสอบใบรับรอง ชื่อผู้ออกใบรับรอง คีย์สาธารณะของใบรับรอง อัลกอริทึมการคะนวณของใบรับรองคีย์สาธารณะ หมายเลขซีเรียลใบรับรอง วันและเวลาของการลงชื่อออบเจ็กต์ ชื่อและการตั้งค่าเจ้าของใบรับรอง ใบรับรองดิจิทัลแบบใช้ลายนิ้วมือของออบเจ็กต์ที่สแกนและอัลกอริทึมการแฮช วันและเวลาที่แก้ไขออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผลครั้งล่าสุด วันและเวลาที่สร้างออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ตรวจหาลักษณะ ออบเจ็กต์หรือชิ้นส่วนที่กำลังประมวลผล คุณสมบัติการดำเนินการของไฟล์ที่กำลังประมวลผล วันและเวลาที่สร้างไฟล์ที่กำลังประมวลผล คำอธิบายออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ที่กำหนดไว้ในคุณลักษณะของออบเจ็กต์ เอนโทรปีของไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลด รูปแบบของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ประเภท checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ผลการตรวจสอบสถานะใน KSN ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือของออบเจ็กต์ที่ประมวลผลตาม KSN วันและเวลาของการลิงก์ไฟล์ที่เรียกใช้งานได้ checksum (MD5) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ชื่อของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ชื่อของผู้แพ็คออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ตัวบ่งชี้แสดงว่าออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผลเป็นไฟล์ PE checksum (MD5) ของมาสก์ที่บล็อกบริการเว็บ; checksum (SHA256) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล; ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ลงชื่อไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลด ขนาดของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ค่าสถานะบ่งบอกว่ามีแอปพลิเคชันเรียกใช้เริ่มต้นโดยอัตโนมัติ ชื่อของมัลแวร์ที่ตรวจพบหรือซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายแก่อุปกรณ์หรือข้อมูลผู้ใช้ รหัสประเภทออบเจ็กต์ การตัดสินใจของซอฟต์แวร์เกี่ยวกับออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล เวอร์ชันของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล แหล่งการตัดสินใจที่สร้างขึ้นสำหรับออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum (MD5) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล พาธไปยังออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล; รหัสไดเรกทอรี บรรทัดคำสั่ง ข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์การตรวจสอบลายเซ็นไฟล์ รหัสช่องโหว่ ระดับอันตรายของช่องโหว่ ประเภทการแจ้งเตือนที่กระตุ้นให้ระบบส่งสถิติ คีย์เซสชันการเข้าสู่ระบบ อัลกอริทึมการเข้ารหัสคีย์การเข้าสู่ระบบ IP address ของผู้โจมตี ตัวบ่งชี้การตรวจหาการดีบัก แอตทริบิวต์ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล, ที่ยอมให้มีการแจ้งการตัดสินใจที่ผิดพลาดเกี่ยวกับออบเจ็กต์ รหัสของงานที่ทำการตรวจหา ความเชื่อมั่นของการตรวจพบการเข้าถึงบริการเว็บฟิชชิ่ง เป้าหมายการโจมตีฟิชชิ่ง น้ำหนักของการเข้าถึงบริการเว็บฟิชชิ่งที่ตรวจพบ รหัสโปรโตคอล; เวลาจัดเก็บออบเจ็กต์ขณะประมวลผล อัลกอริทึมสำหรับคำนวณลายนิ้วหัวแม่มือรับรองดิจิทัล ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล ข้อมูลเกี่ยวกับไคลเอ็นต์ที่ใช้โปรโตคอลเครือข่าย (User Agent)
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการประมวลผลบริการเว็บ: ประเภทการตัดสินใจบนที่อยู่เว็บไซต์ที่กำลังประมวลผล ที่อยู่บริการเว็บที่เข้าถึง (URL, IP) ประเภทของไคลเอ็นต์ที่ใช้เข้าถึงบริการเว็บ เหตุผลในการบล็อกการเข้าถึงบริการเว็บ หมวดหมู่ของเหตุผลในการบล็อกการเข้าถึงบริการเว็บ ที่อยู่ DNS ของบริการเว็บที่เข้าถึง; แหล่งของโฮสต์ ที่อยู่ IPv4 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ; ที่อยู่ IPv6 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ; ตัวบ่งชี้แสดงว่าข้อความนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มข้อความที่เป็นของการเข้าถึงบริการเว็บ ที่อยู่เว็บต้นทางการส่งคำขอบริการเว็บ (ตัวอ้างอิง) ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งของผู้ถือสิทธิ์: วันที่และเวลาที่ออกใบรับรอง รหัสระเบียนฐานข้อมูลซอฟต์แวร์ ประเภทระเบียนฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ที่เปิดใช้งาน รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประทับเวลาของระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประเภทระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ วันและเวลาที่เผยแพร่ฐานข้อมูลซอฟต์แวร์ ประทับเวลาของฐานข้อมูลซอฟต์แวร์ เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์ก่อนอัปเดต ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ลงชื่อไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลด บรรทัดคำสั่ง เวอร์ชันส่วนประกอบซอฟต์แวร์ เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; รหัสอัปเดตของซอฟต์แวร์; วันที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ การแปลภาษาของซอฟต์แวร์; รหัสการติดตั้งซอฟต์แวร์ (PCID) สถานะของสภาพซอฟต์แวร์หลังจากการอัปเดต; ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง; ประเภทข้อความสถิติ เวอร์ชันของสถิติที่กำลังส่ง ประเภทของงานสแกนที่ตรวจพบการตั้งค่าที่คาดเดาได้ง่าย ผลลัพธ์ของงานการสแกนการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย รหัสการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย รหัสหมวดหมู่ของข้อผิดพลาด; เวอร์ชันของส่วนประกอบตัวอัปเดต
  • ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์: ประเภทอุปกรณ์ที่ตรวจพบ รหัสอุปกรณ์ รหัสข้อผิดพลาด OS เวอร์ชัน OS, หมายเลขบิลด์ OS, หมายเลขอัปเดต OS, รุ่น OS, ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS รหัส OS เวอร์ชันของ OS Service Pack; ค่าสถานะบ่งบอกว่ามีการเสียบใช้งานอุปกรณ์หรือไม่ เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้; บิตของระบบปฏิบัติการ; รุ่นของ OS
  • ข้อมูลอื่น ๆ: ข้อความของข้อความที่เกิดข้อผิดพลาด รหัสบัญชีผู้ใช้ที่กระบวนการควบคุมได้เริ่มต้น วิธีการร้องขอ http บรรทัดคำสั่ง รหัสเฉพาะของคำขอไปยังบริการของผู้ถือสิทธิ์ สถานะการตอบรับในบริการของผู้ถือสิทธิ์ รหัสข้อผิดพลาด; เวลาออบเจ็กต์ในบัฟเฟอร์ หมายเลขบรรทัดของไฟล์แหล่งที่มาในตัวจัดการข้อยกเว้น; ระยะเวลารวมของการประมวลผลคำขอ ประเภทข้อผิดพลาดในการประมวลผลโปรโตคอล; จำนวนการติดตั้งอัปเดตที่ล้มเหลวสำหรับส่วนประกอบตัวอัปเดต; จำนวนข้อผิดพลาดในการติดตั้งอัปเดตสำหรับส่วนประกอบตัวอัปเดต รหัสข้อผิดพลาดของงานอัปเดต; ประเภทงานอัปเดต; การบ่งชี้ที่ระบุแหล่งของการเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่กำลังประมวลผล (เซิร์ฟเวอร์หรือไคลเอ็นต์) ที่อยู่ DNS ของบริการเว็บที่เข้าถึง; ที่อยู่ IPv4 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ

    Kaspersky Plus หรือ Kaspersky Premium

  • ข้อมูลเกี่ยวกับการตอบสนองกับเว็บพอร์ทัล: ประเภทของโทเค็น โทเค็นของเซสชันที่มีการยืนยันตัวตนในบริการของผู้ถือสิทธิ์ TTL โทเคน รหัสข้อผิดพลาด
  • ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตและข้อตกลงอื่นๆ: ประเภทใบอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์ที่ใช้
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของผู้ใช้: รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประเภทของเบราว์เซอร์ เวอร์ชันของเบราว์เซอร์ การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IPv6, DHCP IPv6, DNS1 IPv6, DNS2 IPv6) checksum ของความยาวของส่วนนำหน้าเครือข่าย checksum ของที่อยู่ท้องถิ่น IPv6); การตั้งค่า DHCP (checksum ของเกตเวย์ในเครื่อง IP, DHCP IP, DNS1 IP, DNS2 IP, ซับเน็ตมาสก์) ค่าสถานะบ่งบอกว่าโดเมน DNS มีอยู่แล้ว ประเภทการยืนยันตัวตนของเครือข่าย Wi‑Fi รายการของเครือข่าย Wi-Fi และการตั้งค่า checksum (MD5 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; checksum (SHA256 พร้อม salt) ของ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ; การจำแนกหมวดหมู่ผู้ใช้ของเครือข่าย Wi-Fi ประเภทการเข้ารหัสเครือข่าย Wi-Fi network เวลาท้องถิ่นที่เริ่มและสิ้นสุดการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงจาก MAC address ของจุดเชื่อมต่อ รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi รหัสเครือข่าย Wi-Fi ที่อิงตามชื่อเครือข่าย Wi-Fi และ MAC address ของจุดเชื่อมต่อ ความแรงสัญญาณ Wi-Fi ชื่อเครือข่าย Wi-Fi ชื่อผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ ชื่อเต็มของแอปพลิเคชัน หมวดหมู่ของเครือข่ายที่กำหนดใน Kaspersky VPN Secure Connection (ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ที่สาธารณะ) หมวดหมู่เครือข่ายที่ระบุใน Kaspersky VPN Secure Connection (ไม่รู้จัก, ปลอดภัย, ไม่ปลอดภัย)
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติการขององค์ประกอบ Safe Money: การดำเนินการที่กระทำกับที่อยู่เว็บไซต์ในการตั้งค่าซอฟต์แวร์ ตัวบ่งชี้ตำแหน่งการปฏิบัติการเมื่อเริ่มต้นเบราเซอร์ที่มีการป้องกันใน Safe Money โหมดเริ่มต้นของส่วนประกอบ Safe Money สำหรับบริการเว็บ ตัวบ่งชี้ตัวเลือกที่จดจำของตำแหน่งการปฏิบัติการสำหรับบริการเว็บ ตัวบ่งชี้สถานะที่อยู่เว็บในฐานข้อมูล Safe Money
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Kaspersky Security Network (KSN): โปรโตคอลที่ใช้เพื่อแลกเลี่ยนข้อมูลกับ KSN; รหัสของบริการ KSN ที่ซอฟต์แวร์เข้าถึง; วันและเวลาที่หยุดรับสถิติ; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ที่ได้มาจากแคช; จำนวนคำขอที่พบในฐานข้อมูลคำขอในเครื่อง; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ที่ไม่สำเร็จ; จำนวนธุรกรรม KSN ที่ไม่สำเร็จ; การกระจายเวลาของคำขอไปยัง KSN ที่ยกเลิกแล้ว; การกระจายเวลาของการเชื่อมต่อ KSN ที่ไม่สำเร็จ; การกระจายเวลาของธุรกรรม KSN ที่ไม่สำเร็จ; การกระจายเวลาของการเชื่อมต่อ KSN ที่สำเร็จ; การกระจายเวลาของธุรกรรม KSN ที่สำเร็จ; การกระจายเวลาของคำขอไปยัง KSN ที่สำเร็จ; การกระจายเวลาของคำขอ KSN ที่หมดเวลาแล้ว; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ใหม่; จำนวนคำขอไปยัง KSN ที่ไม่สำเร็จเนื่องจากข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเราต์ติง; จำนวนคำขอที่ไม่สำเร็จเนื่องจากมีการปิดใช้งาน KSN ในการตั้งค่าซอฟต์แวร์; จำนวนคำขอไปยัง KSN ที่ไม่สำเร็จเนื่องจากปัญหาในเครือข่าย; จำนวนการเชื่อมต่อ KSN ที่สำเร็จ; จำนวนธุรกรรม KSN ที่สำเร็จ; จำนวนคำขอทั้งหมดไปยัง KSN; วันที่และเวลาที่เริ่มได้รับสถิติ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เฟสผู้ใช้ของแอปพลิเคชัน ข้อมูลความคิดเห็นของผู้ใช้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์: ตัวบ่งชี้ของโหมดโต้ตอบ ตัวเลือกผู้ใช้เกี่ยวกับการควบคุมการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไปยังเครือข่าย Wi-Fi ที่บ้าน รหัสของการควบคุมในอินเทอร์เฟสผู้ใช้ หมวดหมู่ของบริการที่มอบการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ ดังที่กำหนดในการตั้งค่าซอฟต์แวร์ ชื่อบริการที่มอบการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ รหัสของหน้าต่างที่แสดง เวลาของการส่งสถิติเกี่ยวกับการใช้แอปพลิเคชัน GUI การดำเนินการที่กระทำกับการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย ประเภทของผู้ใช้ที่ดำเนินการกับการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย
  • ข้อมูลเกี่ยวกับออบเจ็กต์ที่กำลังได้รับการประมวลผล: เนื้อหาบางส่วนของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล วันที่และเวลาที่ใบรับรองหมดอายุ รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ พอร์ตในเครื่องที่ถูกโจมตี รหัสบัญชีผู้ใช้ที่กระบวนการควบคุมได้เริ่มต้น รหัสคีย์จาก keystore ที่ใช้เข้ารหัส ลำดับชิ้นส่วนในออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ข้อมูลบันทึกภายในระบบที่สร้างโดยโมดูลซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสเพื่อใช้กับออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ผลลัพธ์ของการตรวจสอบใบรับรอง ชื่อผู้ออกใบรับรอง คีย์สาธารณะของใบรับรอง อัลกอริทึมการคะนวณของใบรับรองคีย์สาธารณะ หมายเลขซีเรียลใบรับรอง วันและเวลาของการลงชื่อออบเจ็กต์ ชื่อและการตั้งค่าเจ้าของใบรับรอง ใบรับรองดิจิทัลแบบใช้ลายนิ้วมือของออบเจ็กต์ที่สแกนและอัลกอริทึมการแฮช วันและเวลาที่แก้ไขออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผลครั้งล่าสุด วันและเวลาที่สร้างออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ตรวจหาลักษณะ ออบเจ็กต์หรือชิ้นส่วนที่กำลังประมวลผล คุณสมบัติการดำเนินการของไฟล์ที่กำลังประมวลผล วันและเวลาที่สร้างไฟล์ที่กำลังประมวลผล คำอธิบายออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ที่กำหนดไว้ในคุณลักษณะของออบเจ็กต์ เอนโทรปีของไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลด รูปแบบของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ประเภท checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ผลการตรวจสอบสถานะใน KSN ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือของออบเจ็กต์ที่ประมวลผลตาม KSN วันและเวลาของการลิงก์ไฟล์ที่เรียกใช้งานได้ checksum (MD5) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ชื่อของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ชื่อของผู้แพ็คออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ตัวบ่งชี้แสดงว่าออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผลเป็นไฟล์ PE checksum (MD5) ของมาสก์ที่บล็อกบริการเว็บ; checksum (SHA256) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล; ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ลงชื่อไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลด ขนาดของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล ค่าสถานะบ่งบอกว่ามีแอปพลิเคชันเรียกใช้เริ่มต้นโดยอัตโนมัติ ชื่อของมัลแวร์ที่ตรวจพบหรือซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายแก่อุปกรณ์หรือข้อมูลผู้ใช้ รหัสประเภทออบเจ็กต์ การตัดสินใจของซอฟต์แวร์เกี่ยวกับออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล เวอร์ชันของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล แหล่งการตัดสินใจที่สร้างขึ้นสำหรับออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล checksum (MD5) ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล พาธไปยังออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล; รหัสไดเรกทอรี บรรทัดคำสั่ง ข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์การตรวจสอบลายเซ็นไฟล์ รหัสช่องโหว่ ระดับอันตรายของช่องโหว่ ประเภทการแจ้งเตือนที่กระตุ้นให้ระบบส่งสถิติ คีย์เซสชันการเข้าสู่ระบบ อัลกอริทึมการเข้ารหัสคีย์การเข้าสู่ระบบ IP address ของผู้โจมตี ตัวบ่งชี้การตรวจหาการดีบัก แอตทริบิวต์ของออบเจ็กต์ที่กำลังประมวลผล, ที่ยอมให้มีการแจ้งการตัดสินใจที่ผิดพลาดเกี่ยวกับออบเจ็กต์ รหัสของงานที่ทำการตรวจหา ความเชื่อมั่นของการตรวจพบการเข้าถึงบริการเว็บฟิชชิ่ง เป้าหมายการโจมตีฟิชชิ่ง น้ำหนักของการเข้าถึงบริการเว็บฟิชชิ่งที่ตรวจพบ รหัสโปรโตคอล; เวลาจัดเก็บออบเจ็กต์ขณะประมวลผล อัลกอริทึมสำหรับคำนวณลายนิ้วหัวแม่มือรับรองดิจิทัล ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล ข้อมูลเกี่ยวกับไคลเอ็นต์ที่ใช้โปรโตคอลเครือข่าย (User Agent)
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการประมวลผลบริการเว็บ: ข้อมูลของแพคเกจ DHCP ที่ถูกดักจับจากอุปกรณ์ ประเภทการตัดสินใจบนที่อยู่เว็บไซต์ที่กำลังประมวลผล ที่อยู่บริการเว็บที่เข้าถึง (URL, IP) ประเภทของไคลเอ็นต์ที่ใช้เข้าถึงบริการเว็บ เหตุผลในการบล็อกการเข้าถึงบริการเว็บ หมวดหมู่ของเหตุผลในการบล็อกการเข้าถึงบริการเว็บ ที่อยู่ DNS ของบริการเว็บที่เข้าถึง; แหล่งของโฮสต์ ที่อยู่ IPv4 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ; ที่อยู่ IPv6 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ; ตัวบ่งชี้แสดงว่าข้อความนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มข้อความที่เป็นของการเข้าถึงบริการเว็บ ที่อยู่เว็บต้นทางการส่งคำขอบริการเว็บ (ตัวอ้างอิง) ที่อยู่เว็บขณะประมวลผล
  • ข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งของผู้ถือสิทธิ์: วันที่และเวลาที่ออกใบรับรอง รหัสระเบียนฐานข้อมูลซอฟต์แวร์ ประเภทระเบียนฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ที่เปิดใช้งาน รหัสระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประทับเวลาของระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ ประเภทระเบียนที่ใช้งานในฐานข้อมูลการป้องกันไวรัสของซอฟต์แวร์ วันและเวลาที่เผยแพร่ฐานข้อมูลซอฟต์แวร์ ประทับเวลาของฐานข้อมูลซอฟต์แวร์ เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์ก่อนอัปเดต ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ลงชื่อไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลด บรรทัดคำสั่ง เวอร์ชันส่วนประกอบซอฟต์แวร์ เวอร์ชันเต็มของซอฟต์แวร์; รหัสอัปเดตของซอฟต์แวร์; วันที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ การแปลภาษาของซอฟต์แวร์; รหัสการติดตั้งซอฟต์แวร์ (PCID) สถานะของสภาพซอฟต์แวร์หลังจากการอัปเดต; ประเภทของซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง; ประเภทข้อความสถิติ เวอร์ชันของสถิติที่กำลังส่ง ประเภทของงานสแกนที่ตรวจพบการตั้งค่าที่คาดเดาได้ง่าย ผลลัพธ์ของงานการสแกนการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย รหัสการตั้งค่าระบบความปลอดภัยที่คาดเดาได้ง่าย รหัสหมวดหมู่ของข้อผิดพลาด; เวอร์ชันของส่วนประกอบตัวอัปเดต
  • ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์: ประเภทอุปกรณ์ที่ตรวจพบ จำนวนสัญลักษณ์ในชื่ออุปกรณ์ ประเภทอุปกรณ์ ผู้จำหน่ายอุปกรณ์หรือการ์ดเครือข่าย รหัสอุปกรณ์ รหัสข้อผิดพลาด OS ตระกูลของระบบปฏิบัติการ; เวอร์ชัน OS, หมายเลขบิลด์ OS, หมายเลขอัปเดต OS, รุ่น OS, ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่น OS รหัส OS เวอร์ชันของ OS Service Pack; ค่าสถานะบ่งบอกว่ามีการเสียบใช้งานอุปกรณ์หรือไม่ เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้; บิตของระบบปฏิบัติการ; รุ่นของ OS; 5 ไบต์แรกของที่อยู่อุปกรณ์ MAC วิธีตรวจจับตระกูล OS วิธีกำหนดประเภทอุปกรณ์ วิธีกำหนดชื่ออุปกรณ์ วิธีที่ใช้กำหนดผู้จำหน่ายอุปกรณ์หรือการตรวจพบการ์ดเครือข่าย สัญญาณที่ระบุว่าชื่อโฮสต์ที่ตรวจพบตรงกับชื่อโฮสต์ของผู้ใช้หรือไม่
  • ข้อมูลอื่น ๆ: ข้อความของข้อความที่เกิดข้อผิดพลาด รหัสบัญชีผู้ใช้ที่กระบวนการควบคุมได้เริ่มต้น วิธีการร้องขอ http บรรทัดคำสั่ง รหัสเฉพาะของคำขอไปยังบริการของผู้ถือสิทธิ์ สถานะการตอบรับในบริการของผู้ถือสิทธิ์ รหัสข้อผิดพลาด; เวลาออบเจ็กต์ในบัฟเฟอร์ หมายเลขบรรทัดของไฟล์แหล่งที่มาในตัวจัดการข้อยกเว้น; ระยะเวลารวมของการประมวลผลคำขอ ประเภทข้อผิดพลาดในการประมวลผลโปรโตคอล; จำนวนการติดตั้งอัปเดตที่ล้มเหลวสำหรับส่วนประกอบตัวอัปเดต; จำนวนข้อผิดพลาดในการติดตั้งอัปเดตสำหรับส่วนประกอบตัวอัปเดต รหัสข้อผิดพลาดของงานอัปเดต; ประเภทงานอัปเดต; การบ่งชี้ที่ระบุแหล่งของการเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่กำลังประมวลผล (เซิร์ฟเวอร์หรือไคลเอ็นต์) ที่อยู่ DNS ของบริการเว็บที่เข้าถึง; ที่อยู่ IPv4 ที่เข้าถึงของบริการเว็บ

บริการ Kaspersky Security Network อาจดำเนินการและส่งทั้งไฟล์ เช่น อ็อบเจกต์ที่ตรวจพบผ่านลิงก์ที่เป็นอันตราย ซึ่งอาชญากรอาจใช้เพื่อทำให้คอมพิวเตอร์และ/หรือชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ของคุณเสียหายไปยัง Kaspersky เพื่อการตรวจสอบเพิ่มเติม

นอกจากนี้เพื่อป้องกันเหตุการณ์และตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น ไฟล์ที่เรียกใช้งานได้และเรียกใช้งานไม่ได้ที่เชื่อถือได้, รายงานกิจกรรมแอปพลิเคชัน, ส่วนของ RAM ของคอมพิวเตอร์ และเซกเตอร์สำหรับเริ่มระบบปฏิบัติการอาจถูกส่งไปด้วย รวมถึงข้อมูลต่อไปนี้เกี่ยวกับไฟล์และกระบวนการ:

  • ชื่อและเส้นทางของไฟล์ที่เข้าถึงได้โดยกระบวนการ

  • ชื่อของรีจิสตรีคีย์และค่าที่เข้าถึงโดยกระบวนการ

  • URL- และที่อยู่ IP ที่เข้าถึงโดยกระบวนการ

  • URL- และที่อยู่ IP ที่มีการดาวน์โหลดไฟล์ที่ทำงานอยู่

Kaspersky ปกป้องข้อมูลที่ได้รับด้วยแนวทางที่สอดคล้องกับกฎหมายและกฎของ Kaspersky ที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลจะถูกส่งบนช่องทางที่ปลอดภัย

ไฟล์ (หรือส่วนต่าง ๆ ของไฟล์) ที่ผู้บุกรุกอาจใช้ประโยชน์เพื่อสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลจะถูกส่งไปยัง Kaspersky เพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติม

บทบัญญัติว่าด้วยข้อมูล

คุณยินยอมที่จะส่งข้อมูลต่อไปนี้เพื่อจุดประสงค์ในการระบุแอปพลิเคชันระหว่างการอัปเดตฐานข้อมูลและโมดูล:

  • รหัสซอฟต์แวร์ (AppID)

  • รหัสการเปิดใช้งานใบอนุญาต

  • รหัสการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ไม่ซ้ำกัน (InstallationID)

  • รหัสการเรียกใช้งานการอัปเดตที่ไม่ซ้ำกัน (SessionID)

  • เวอร์ชันของซอฟต์แวร์ (BuildInfo)

  • ข้อมูลเกี่ยวกับการอัปเดตส่วนประกอบ Updater: งานการอัปเดตที่ไม่สำเร็จ, จำนวนครั้งของการเริ่มต้นล้มเหลวหลังจากการอัปเกรด, เวอร์ชันของส่วนประกอบ, รหัสข้อผิดพลาด, รหัสประเภทของงานอัปเดต, รหัสสถานะของซอฟต์แวร์หลังจากการอัปเดต, วันที่และเวลาที่ส่งสถิติ

แอปพลิเคชันยังประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวต่อไปนี้ที่แสดงในส่วนอินเทอร์เฟซแอปพลิเคชัน:

  • ที่อยู่อีเมลที่ใช้เพื่อเชื่อมต่อกับ My Kaspersky

  • ที่อยู่เว็บไซต์ที่เพิ่มไปยังการยกเว้น (แสดงใน Web Anti-Virus, การเรียกดูส่วนตัวอย่างปลอดภัย, การตั้งค่า Safe Money และในหน้าต่างรายงาน)

  • ข้อมูลใบอนุญาตใช้งาน

  • แฮชของรหัสผ่าน

  • แฮชของที่อยู่อีเมล

ข้อมูลนี้เก็บไว้ในเครื่องในรูปแบบที่ไม่ได้แก้ไขและสามารถดูได้ภายใต้บัญชีผู้ใช้ใดๆ ในคอมพิวเตอร์

อ่านประกาศเกี่ยวกับ Kaspersky Security Network และเพิกถอนการยอมรับ

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ KSN ในส่วน การป้องกันที่ยกระดับขึ้น ให้คลิก แสดงประกาศเกี่ยวกับ KSN

  3. หากคุณไม่ต้องการเข้าร่วม Kaspersky Security Network ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายการมีส่วนร่วมใน Kaspersky Security Network

ด้านบนของหน้า

[Topic 59237]

การมีส่วนร่วมใน Kaspersky Security Network

เมื่อคุณเข้าร่วม

ระบบจะส่งสถิติแอปพลิเคชัน Kaspersky ไปยัง Kaspersky โดยอัตโนมัติเพื่อเสริมการป้องกันเครื่อง Mac ของคุณ

หมายเหตุ: Kaspersky จะไม่ได้รับ ประมวลผล หรือจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวใด ๆ โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากคุณ

การเข้าร่วมใน Kaspersky Security Network นั้นเป็นไปโดยความสมัครใจ การตัดสินใจเข้าร่วมจะเกิดขึ้นเมื่อคุณติดตั้งแอปพลิเคชัน อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของคุณภายหลังได้ทุกเมื่อ

โปรดเปิดใช้งาน Kaspersky Security Network หากคุณกำลังใช้งาน Kaspersky นอกสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา หรือบราซิล

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ KSN ในส่วนการป้องกันที่ยกระดับขึ้น ให้คลิกที่แสดงประกาศเกี่ยวกับ KSNเพื่อดูประกาศเกี่ยวกับ Kaspersky Security Network
  3. หากคุณยอมรับบทบัญญัติของแถลงการณ์ทุกประการ โปรดเลือกช่องทำเครื่องหมายการมีส่วนร่วมใน Kaspersky Security Network

โปรดเปิดใช้งาน Kaspersky Security Network หากคุณกำลังใช้งาน Kaspersky ภายในสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา หรือบราซิล

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บKSN ในส่วนการป้องกันที่ยกระดับขึ้น ให้เลือกช่องทำเครื่องหมายการมีส่วนร่วมใน Kaspersky Security Network

    กล่องข้อความที่มีประกาศเกี่ยวกับ Kaspersky Security Network จะเปิดขึ้น

  3. หากคุณยอมรับบทบัญญัติของแถลงการณ์ทุกประการ ให้คลิกที่ยืนยัน
ด้านบนของหน้า

[Topic 173877]

เปิดใช้งานหรือปิดใช้งานการส่งข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด

หากแอปพลิเคชันของคุณเป็นเวอร์ชันสำหรับใช้ภายในสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร หรือบราซิล คุณสามารถเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานการส่งข้อมูลที่ช่วยให้ Kaspersky ปรับปรุงคุณภาพ รูปลักษณ์และประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันได้ คุณสามารถทราบประเภทของข้อมูลที่ส่งไปยัง Kaspersky ได้โดยอ่านประกาศด้านการตลาด

ดูประกาศด้านการตลาด

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ KSN ในส่วน ประสบการณ์ที่พัฒนาขึ้น ให้คลิก แสดงประกาศด้านการตลาด

หน้าต่างที่มีประกาศด้านการตลาดจะเปิดขึ้น

เปิดใช้งานหรือปิดใช้งานการส่งข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ KSN ในส่วนประสบการณ์ที่พัฒนาขึ้นให้ทำหนึ่งในสิ่งต่อไปนี้:
    • หากคุณต้องการเปิดใช้งานการส่งข้อมูลให้เลือกช่องทำเครื่องหมาย ช่วย Kaspersky ยกระดับผลิตภัณฑ์โดยการส่งข้อมูลเกี่ยวกับแอปพลิเคชันและสภาพแวดล้อม และคลิก ยืนยัน ในกล่องโต้ตอบที่เปิดขึ้น
    • หากคุณต้องการปิดใช้งานการส่งข้อมูล ให้เว้นช่องทำเครื่องหมาย ช่วย Kaspersky ยกระดับผลิตภัณฑ์โดยการส่งข้อมูลเกี่ยวกับแอปพลิเคชันและสภาพแวดล้อม
ด้านบนของหน้า

[Topic 100327]

ดำเนินงานทั่วไป

ในส่วนนี้

ดูสถานะการป้องกันคอมพิวเตอร์

ปิดใช้งานและดำเนินการป้องกันคอมพิวเตอร์ต่อไป

ปกป้องอุปกรณ์ได้มากขึ้นด้วยการสมัครสมาชิก

ใช้สถานะการป้องกัน

ดำเนินการสแกน

แก้ไขรายการไฟล์ โฟลเดอร์ และเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้

ดูกิจกรรมของแอปพลิเคชันในไทม์ไลน์

กำหนดค่าการป้องกันลิงก์ที่เป็นอันตรายและฟิชชิ่ง

จะทำอย่างไรเมื่อการเข้าถึงไฟล์ถูกบล็อก

เปิดและปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection สำหรับเบราเซอร์ในเบราเซอร์ที่เลือก

อัปเดตฐานข้อมูลแอปพลิเคชัน

จะทำอย่างไรถ้ามีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับสุขภาพฮาร์ดดิสก์อยู่ในสภาพวิกฤติ

เพิ่มเว็บไซต์ของธนาคาร ระบบการชำระเงิน หรือร้านค้าออนไลน์ลงในระบบป้องกัน Safe Money

ดูและอัปเดตรายการอุปกรณ์เครือข่ายในบ้าน

ลบอุปกรณ์ออกจากรายการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านของคุณ

ต้องทำอย่างไรเมื่อเครือข่าย Wi-Fi ในบ้านเปลี่ยนแปลงไป

เปิดใช้งานการตรวจสอบบัญชีของคุณเพื่อหาการรั่วไหลของข้อมูลบนเว็บไซต์

ตรวจสอบว่าบัญชีของคุณถูกบุกรุกหรือไม่

ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์ของคุณตกอยู่ในอันตรายหรือไม่

ป้องกันไม่ให้แอปพลิเคชันใช้งานเว็บแคม

ป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ติดตามกิจกรรมการเรียกดูของคุณ

ป้องกันรหัสผ่านและข้อมูลละเอียดอ่อนของคุณ

วิธีส่งความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับแอปพลิเคชันไปยัง Kaspersky

ด้านบนของหน้า

[Topic 58282]

ดูสถานะการป้องกันคอมพิวเตอร์

สัญลักษณ์สถานะการป้องกัน ซึ่งมีรูปร่างเหมือนโล่และอยู่ใน หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก จะแจ้งให้คุณทราบเกี่ยวกับปัญหาการป้องกันคอมพิวเตอร์ สัญลักษณ์เปลี่ยนสีได้ ขึ้นอยู่กับสถานะการป้องกันคอมพิวเตอร์ หากแอปพลิเคชันตรวจพบภัยคุกคามความปลอดภัย ข้อความเกี่ยวกับภัยคุกคามจะปรากฏขึ้นในหน้าต่างแอปพลิเคชันหลักและสัญลักษณ์จะเปลี่ยนสี

สัญลักษณ์เปลี่ยนสีได้ตามเงื่อนไขดังนี้:

  • สีเขียว คอมพิวเตอร์ของคุณอยู่ภายใต้การป้องกันอย่างเหมาะสม

    สัญลักษณ์สีเขียวบ่งบอกว่าฐานข้อมูลต่อต้านไวรัสเป็นปัจจุบัน และส่วนประกอบแอปพลิเคชันทั้งหมดได้รับการกำหนดค่าตามที่ Kaspersky แนะนำ ไม่พบวัตถุอันตรายหรือได้กำจัดวัตถุอันตรายที่ตรวจพบเรียบร้อยแล้ว

  • สีเหลือง การป้องกันคอมพิวเตอร์ถูกลดระดับลง

    สัญลักษณ์สีเหลืองบ่งบอกว่าแอปพลิเคชัน Kaspersky รับรู้ถึงปัญหา ปัญหาดังกล่าวรวมถึงความคลาดเคลื่อนจากการตั้งค่าการป้องกันที่แนะนำเล็กน้อย หรือฐานข้อมูลแอปพลิเคชันที่ล้าสมัยลงเล็กน้อย

  • สีแดง คอมพิวเตอร์ของคุณเสี่ยงต่อการติดไวรัส

    สัญลักษณ์สีแดงบ่งบอกว่า มีปัญหาระดับอันตรายที่อาจทำให้เกิดการติดไวรัสในคอมพิวเตอร์ของคุณและการสูญเสียข้อมูล ตัวอย่างเช่น ฐานข้อมูลแอปพลิเคชันต้านไวรัสล้าสมัยมาก แอปพลิเคชันไม่ทำงาน หรือตรวจพบวัตถุอันตราย

    แนะนำให้แก้ไขปัญหาและจัดการกับภัยคุกคามความปลอดภัยให้เร็วที่สุด

ดูเพิ่ม

ขอบเขตการป้องกันคอมพิวเตอร์

ด้านบนของหน้า

[Topic 58285]

ปิดใช้งานและดำเนินการป้องกันคอมพิวเตอร์ต่อไป

ตามค่าเริ่มต้นแอปพลิเคชัน Kaspersky จะเริ่มต้นหลังจากที่ระบบปฏิบัติการเริ่มทำงานและปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณจนกว่าจะปิด ส่วนประกอบการป้องกันทั้งหมด (File Anti-Virus, การเรียกดูอย่างปลอดภัยการเรียกดูอย่างปลอดภัย, Safe Money และตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย) เปิดใช้งานและกำลังทำงานอยู่

คุณสามารถปิดการป้องกันได้อย่างสมบูรณ์ หรือปิดใช้งานส่วนประกอบการป้องกันเพียงบางส่วน

สำคัญ: Kaspersky ขอแนะนำอย่างยิ่งไม่ให้ปิดใช้งานการป้องกันหรือส่วนประกอบการป้องกัน เพราะการปิดใช้งานสิ่งเหล่านั้นอาจนำไปสู่การติดไวรัสในคอมพิวเตอร์ของคุณและการสูญเสียข้อมูล

เมื่อการป้องกันคอมพิวเตอร์ถูกปิดใช้งาน:

  • ไอคอนแอปพลิเคชัน ในแถบเมนูจะหยุดทำงาน
  • สัญลักษณ์สถานะการป้องกันในหน้าต่างแอปพลิเคชันหลักเปลี่ยนเป็นสีแดง

เมื่อส่วนประกอบการป้องกันหนึ่งส่วนหรือหลายส่วนถูกปิดใช้งาน สัญลักษณ์สถานะการป้องกันจะเป็นสีแดงหรือสีเหลือง

หมายเหตุ: การปิดใช้งานหรือหยุดการทำงานของส่วนประกอบการป้องกัน ไม่มีผลต่อ การสแกนไวรัส หรือ การอัปเดต

คุณสามารถปิด/กลับมาใช้การป้องกันคอมพิวเตอร์ได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้:

  • จากไอคอนแอปพลิเคชัน
  • จากหน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชัน

คุณยังสามารถกลับมาใช้การป้องกันคอมพิวเตอร์จากหน้าต่างแอปพลิเคชันหลักหรือบัญชี My Kaspersky ของคุณได้

ปิด/กลับมาใช้การป้องกันคอมพิวเตอร์ได้จากไอคอนแอปพลิเคชัน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชันแล้วเลือก ปิดการป้องกัน/เปิดการป้องกัน

    เมื่อคุณปิดการป้องกัน แจ้งเตือนสำหรับกรอกข้อมูลประจำตัวผู้ดูแลระบบจะปรากฏขึ้น

  2. ในแจ้งเตือนสำหรับกรอกข้อมูลประจำตัวผู้ดูแลระบบ ให้ป้อนชื่อผู้ดูแลระบบและรหัสผ่าน และยืนยันว่าคุณต้องการปิดการป้องกัน

    หมายเหตุ: คุณยังสามารถใช้ Touch ID ได้หากอุปกรณ์ของคุณสนับสนุน

ปิด/กลับมาใช้การป้องกันคอมพิวเตอร์ได้จากหน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชัน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ การป้องกัน ในส่วน ทั่วไป ให้เว้น/เลือกช่องทำเครื่องหมาย เปิดใช้งานการป้องกัน

ปิดใช้งานส่วนประกอบการป้องกัน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บการป้องกันในส่วน <component name> ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายเปิดใช้งาน <component name>

เปิดใช้งานส่วนประกอบการป้องกัน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บการป้องกันในส่วน <component name> ให้เลือกช่องทำเครื่องหมาย เปิดใช้งาน <component name>

สำคัญ: หากคุณปิดใช้งานการป้องกันคอมพิวเตอร์หรือส่วนประกอบการป้องกัน ระบบจะไม่เปิดใช้งานเองโดยอัตโนมัติเมื่อแอปพลิเคชันเริ่มทำงานอีกครั้ง คุณต้องเปิดใช้การป้องกันคอมพิวเตอร์หรือส่วนประกอบการป้องกันอีกครั้งด้วยตนเอง

คุณสามารถเปิดใช้งานการป้องกันคอมพิวเตอร์หรือส่วนประกอบการป้องกันได้ด้วยการใช้สถานะการป้องกัน การปิดใช้งานการป้องกันคอมพิวเตอร์หรือปิดใช้งานส่วนประกอบการป้องกัน จะทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณมีความเสี่ยงสูงที่จะติดไวรัส นี่คือสาเหตุที่สถานะการป้องกันจะแจ้งคุณเมื่อคุณปิดใช้งานการป้องกัน

ดูเพิ่ม

ขอบเขตการป้องกันคอมพิวเตอร์

ด้านบนของหน้า

[Topic 252326]

ปกป้องอุปกรณ์ได้มากขึ้นด้วยการสมัครสมาชิก

แอปพลิเคชัน Kaspersky ช่วยให้คุณตรวจสอบจำนวนอุปกรณ์ที่ได้รับการปกป้องจากการสมัครสมาชิกของคุณในตอนนี้ และจำนวนอุปกรณ์ที่ปกป้องได้อีก นอกจากนี้ คุณยังแชร์การป้องกันกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้บน Mac ของคุณโดยตรง

เมื่อแชร์การป้องกัน แอปพลิเคชันของคุณจะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ คุณไม่จำเป็นต้องจำรหัสเปิดใช้งานเนื่องจากการสมัครสมาชิกจะโอนผ่านบัญชีของคุณด้วย หากคุณไม่เคยลงชื่อเข้าใช้บัญชี My Kaspersky บนอุปกรณ์ เราจะขอให้ลงชื่อเข้าใช้เมื่อคุณแชร์การป้องกันกับอุปกรณ์

ตรวจสอบจำนวนอุปกรณ์ที่ได้รับการปกป้องโดยการสมัครสมาชิกของคุณ

  1. เปิด หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. คลิก <บัญชี My Kaspersky>

หน้าต่างโปรไฟล์จะเปิดขึ้น

หมายเหตุ: แผนการสมัครสมาชิกบางแผนอาจแสดงเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนอุปกรณ์ทั้งหมดที่ปกป้องได้จากการสมัครสมาชิกของคุณ

แชร์การป้องกันกับอุปกรณ์อื่นๆ ของคุณ

  1. เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลักและคลิก <บัญชีผู้ใช้ My Kaspersky>
  2. ในหน้าต่างโปรไฟล์ที่เปิดขึ้น ให้คลิกปกป้องอุปกรณ์

    หน้าต่างแชร์การสมัครสมาชิกจะเปิดขึ้น

  3. หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันและแชร์การป้องกันกับอุปกรณ์อื่นของคุณ ให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
    • หากต้องการป้องกันสมาร์ทโฟนของคุณ ให้คลิกโดยรหัส QR แล้วสแกนรหัส QR ด้วยสมาร์ทโฟนของคุณ
    • หากต้องการปกป้องอุปกรณ์ที่รองรับ ให้คลิกโดยอีเมล จากนั้นคลิกไปที่ My Kaspersky
  4. ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำบนหน้าจอ

หมายเหตุ: แผนการสมัครสมาชิกบางอย่างอาจกำหนดให้คุณไปที่ My Kaspersky เพื่อใช้การป้องกันร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ

ดูเพิ่ม

ดูข้อมูลการสมัครสมาชิก

ด้านบนของหน้า

[Topic 58281]

ใช้สถานะการป้องกัน

สถานะการป้องกันเป็นคุณสมบัติของแอปพลิเคชัน Kaspersky ที่ช่วยคุณวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาและภัยคุกคามด้านความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์

เปิดสถานะการป้องกัน

ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก สถานะการป้องกัน

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแนะนำการดำเนินการที่ทำได้เพื่อแก้ไขปัญหาหรือกำจัดภัยคุกคามแต่ละรายการในหน้าต่าง สถานะการป้องกัน ตัวอย่างเช่น หากแอปพลิเคชันตรวจพบไฟล์ที่ติดไวรัสในคอมพิวเตอร์ คุณสามารถคลิก การล้างการติดเชื้อทั้งหมด หากฐานข้อมูลต่อต้านไวรัสไม่ทันสมัย คุณสามารถคลิก อัปเดต คุณสามารถแก้ไขปัญหาหรือกำจัดภัยคุกคามได้ทันทีหรือในภายหลัง

แก้ไขปัญหาหรือกำจัดภัยคุกคามทันที

คลิกปุ่มที่มีชื่อของการดำเนินการที่แนะนำ เพื่อแก้ไขปัญหาหรือกำจัดภัยคุกคาม

แอปพลิเคชันดำเนินการตามที่เลือก

หากคุณปิดสถานะการป้องกันโดยไม่ทำการกำจัดภัยคุกคามอันตราย สัญลักษณ์สถานะการป้องกันในหน้าต่างแอปพลิเคชันหลักจะเป็นสีแดงเพื่อเตือนคุณให้ทราบถึงภัยคุกคามเหล่านี้

ด้านบนของหน้า

[Topic 58772]

ดำเนินการสแกน

ในแอปพลิเคชัน Kaspersky จะมีงานสแกนเต็มรูปแบบตามค่าเริ่มต้นมาให้ ขณะเรียกใช้งานนี้ แอปพลิเคชันจะสแกนหาไวรัสและมัลแวร์อื่น ๆ จากหน่วยความจำ อ็อบเจ็กต์เริ่มต้น และดิสก์ภายในทั้งหมดของคอมพิวเตอร์

ดำเนินการสแกนคอมพิวเตอร์แบบเต็ม

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก สแกน

    หน้าต่างสแกนจะเปิด

  2. คลิก  เริ่มการสแกนเต็มรูปแบบ

การสแกนคอมพิวเตอร์แบบเต็มจะเริ่มต้นขึ้น

ในแอปพลิเคชัน Kaspersky จะมีงานสแกนด่วนตามค่าเริ่มต้นมาให้ ขณะเรียกใช้งานนี้ แอปพลิเคชันจะสแกนหาไวรัสและมัลแวร์อื่น ๆ ในบริเวณที่สำคัญของคอมพิวเตอร์ (หน่วยความจำ อ็อบเจ็กต์เริ่มต้น และโฟลเดอร์ระบบ)

ดำเนินการสแกนคอมพิวเตอร์ด่วน

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก สแกน

    หน้าต่างสแกนจะเปิด

  2. คลิก  เริ่มต้นการสแกนอย่างรวดเร็ว

การสแกนคอมพิวเตอร์แบบด่วนจะเริ่มต้นขึ้น

คุณยังสามารถเรียกใช้การสแกนแบบเต็มหรือการสแกนด่วนบน My Kaspersky ได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการสแกนคอมพิวเตอร์บน My Kaspersky โปรดดูที่ความช่วยเหลือ My Kaspersky

คุณสามารถกำหนดเวลาให้งานสแกนแบบเต็มหรือสแกนด่วนได้

กำหนดเวลาให้งานสแกน

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก สแกน

    หน้าต่างสแกนจะเปิด

  2. คลิก กำหนดเวลาสแกน

    กล่องข้อความจะเปิดขึ้นมาให้คุณตั้งกำหนดเวลาได้

  3. เลือกช่องทำเครื่องหมายสแกนทั้งระบบหรือสแกนแบบเร็ว
  4. ระบุความถี่ของการสแกนและเวลาเริ่มต้นสแกน
  5. คลิก ตกลง

คุณสามารถสแกนหาไวรัสและมัลแวร์อื่น ๆ จากวัตถุเดี่ยว (เช่นดิสก์ภายใน โฟลเดอร์ ไฟล์ หรือดิสก์ภายนอก) ได้

สแกนรายการที่เลือก

ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อไปนี้:

  • คลิกขวาที่รายการที่เลือกแล้วเลือกสแกนด้วย Kaspersky
  • ลากรายการที่เลือกไปยังไอคอนแอปพลิเคชันใน Dock
  • ลากรายการที่เลือกเข้าไปในหน้าต่างสแกน

เมื่อเชื่อมต่อดิสก์ภายนอกเข้ากับคอมพิวเตอร์แอปพลิเคชัน Kaspersky สามารถเริ่มต้นสแกนดิสก์อัตโนมัติ แจ้งให้สแกน หรือไม่ดำเนินการใดๆ คุณสามารถเลือกตัวเลือกข้อใดข้อหนึ่งในการตั้งค่าของงานการสแกนดิสก์ภายนอก

เลือกการดำเนินการที่จะให้แอปพลิเคชันดำเนินการเมื่อมีการเชื่อมต่อดิสก์ภายนอกเข้ากับคอมพิวเตอร์

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บสแกน ในรายการทางด้านซ้าย ให้เลือกงานการสแกนดิสก์ภายนอก
  3. ในส่วนเมื่อเชื่อมต่อกับดิสก์ภายนอก ให้เลือกการดำเนินการที่จะให้แอปพลิเคชัน Kaspersky ดำเนินการเมื่อมีการเชื่อมต่อดิสก์ภายนอก

คุณสามารถดูผลลัพธ์ของการสแกนงานที่เสร็จสิ้นได้ในหน้าต่างรายงาน

ดูเพิ่ม

การสแกน

File Anti-Virus

ด้านบนของหน้า

[Topic 166599]

แก้ไขรายการไฟล์ โฟลเดอร์ และเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้

โซนที่เชื่อถือได้ คือรายการของออบเจ็กต์ที่แอปพลิเคชันไม่สแกนหรือตรวจสอบ คุณอาจต้องเพิ่มวัตถุไปยังโซนที่เชื่อถือได้ หากแอปพลิเคชัน Kaspersky บล็อกการเข้าถึงไฟล์ แอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ แม้คุณจะแน่ใจว่าออบเจ็กต์ แอปพลิเคชัน หรือที่อยู่เว็บนี้ไม่มีอันตรายใดๆ

เมื่อเพิ่มแอปพลิเคชันไปยังโซนที่เชื่อถือได้กิจกรรมเกี่ยวกับไฟล์และเครือข่าย (รวมถึงกิจกรรมที่น่าสงสัย) ของแอปพลิเคชันจะไม่ได้รับการตรวจสอบอีกต่อไป อย่างไรก็ตามแอปพลิเคชัน Kaspersky จะยังสแกนไฟล์ที่เรียกใช้งานได้และประมวลผลแอปพลิเคชันที่เชื่อถือได้ต่อไป

เพิ่ม/ลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ ไปยัง/ออกจากรายการไฟล์และโฟลเดอร์ที่เชื่อถือได้

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ ภัยคุกคาม ในส่วน การละเว้น ให้คลิก โซนที่เชื่อถือได้

    หน้าต่างการตั้งค่าโซนที่เชื่อถือได้จะเปิดขึ้น

  3. ในแท็บ ไฟล์และโฟลเดอร์ที่เชื่อถือได้ ให้แก้ไขรายการไฟล์และโฟลเดอร์ที่เชื่อถือได้:
    • หากต้องการเพิ่มไฟล์หรือโฟลเดอร์ไปยังรายการ:
      1. คลิก

        กล่องโต้ตอบที่คุณสามารถเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์จะเปิดขึ้น

      2. เลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่คุณต้องการเพิ่ม
      3. คลิก เปิด
    • หากต้องการลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ออกจากรายการ:
      1. เลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่คุณต้องการลบออกจากรายการไฟล์และโฟลเดอร์ที่เชื่อถือได้
      2. คลิก
  4. คลิก ตกลง

เพิ่ม/ลบเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ไปยัง/ออกจากรายการที่อยู่เว็บไซต์ที่เชื่อถือได้

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ ภัยคุกคาม ในส่วน การละเว้น ให้คลิก โซนที่เชื่อถือได้

    หน้าต่างการตั้งค่าโซนที่เชื่อถือได้จะเปิดขึ้น

  3. ในแท็บ ที่อยู่เว็บที่เชื่อถือได้ ให้แก้ไขรายการที่อยู่เว็บที่เชื่อถือได้:
    • หากต้องการเพิ่มที่อยู่เว็บไปยังรายการ:
      1. คลิก
      2. ป้อนที่อยู่เว็บที่คุณต้องการเพิ่มเข้าไปในรายการ
      3. คลิก ตกลง
    • หากต้องการลบที่อยู่เว็บออกจากรายการ:
      1. เลือกที่อยู่เว็บที่คุณต้องการลบออก
      2. คลิก
  4. คลิก ตกลง

ตามค่าเริ่มต้น รายการที่อยู่เว็บที่เชื่อถือได้จะว่างเปล่า

เปิดใช้งานการตรวจสอบที่อยู่เว็บที่เชื่อถือได้

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ ภัยคุกคาม ในส่วน การละเว้น ให้คลิก โซนที่เชื่อถือได้

    หน้าต่างการตั้งค่าโซนที่เชื่อถือได้จะเปิดขึ้น

  3. ในแท็บ ที่อยู่เว็บที่เชื่อถือได้ ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายถัดจากที่อยู่เว็บที่คุณต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจสอบ
  4. คลิก ตกลง

ดูเพิ่ม

ขอบเขตการป้องกันคอมพิวเตอร์

ด้านบนของหน้า

[Topic 252468]

ดูกิจกรรมของแอปพลิเคชันในไทม์ไลน์

เมื่อสิ่งที่สำคัญเกิดขึ้นขณะที่แอปพลิเคชันกำลังทำงาน สิ่งนั้นจะแสดงขึ้นในไทม์ไลน์ คุณสามารถดูภาพรวมของ 3 กิจกรรมล่าสุดได้ที่หน้าหลักของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก หรือเปิดหน้าต่างไทม์ไลน์เพื่อดูกิจกรรมสำคัญทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นว่าแอปพลิเคชัน Kaspersky กำลังทำอะไรเพื่อปกป้อง Mac ของคุณ

ไทม์ไลน์แสดงชื่อของแต่ละกิจกรรมและเวลาที่กิจกรรมนั้นเกิดขึ้น

ดูไทม์ไลน์ 7 วันที่ผ่านมา

  1. เปิดหน้า หน้าหลัก ของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. ถัดจากไทม์ไลน์ ให้คลิกแสดงเพิ่มเติม

    หน้าต่างไทม์ไลน์จะเปิดขึ้น

แอปพลิเคชันจะแสดงกิจกรรมในช่วง 7 วันที่ผ่านมา

ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรม

  1. เปิดหน้า หน้าหลัก ของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. ถัดจากไทม์ไลน์ ให้คลิกแสดงเพิ่มเติม

    หน้าต่างไทม์ไลน์จะเปิดขึ้น

  3. วางเมาส์เหนือกิจกรรมแล้วคลิกรายละเอียด

หน้าต่างรายงาน จะเปิดขึ้นโดยแสดงข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมที่เลือก

หมายเหตุ: คุณสามารถคลิกเปิดรายงาน ในหน้าต่างไทม์ไลน์เพื่อดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมทั้งหมด

ด้านบนของหน้า

[Topic 58623]

กำหนดค่าการป้องกันลิงก์ที่เป็นอันตรายและฟิชชิ่ง

ด้วยการใช้ข้อมูลจาก Kaspersky Security Network ส่วนขยายของเบราเซอร์ Kaspersky Protection สามารถตรวจสอบลิงก์ทั้งหมดในหน้าเว็บที่เปิดอยู่เพื่อพิจารณาว่าหน้าเหล่านั้นอยู่ในรายชื่อที่อยู่เว็บที่เป็นอันตรายหรือไม่ รวมถึงตรวจหาภัยคุกคามฟิชชิ่งจากลิงก์ ส่วนขยาย Kaspersky Protection ยังทำเครื่องหมายลิงก์ด้วยไอคอนสีแดง ซึ่งบ่งบอกถึงความอันตรายในระดับสูง

ปิด/เปิดการแสดงไอคอนสถานะสำหรับลิงก์ในหน้าเว็บ

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บเบราเซอร์ ในส่วน ตัวแนะนำ URL ให้ยกเลิกการเลือก/เลือกช่องทำเครื่องหมายแสดงไอคอนสถานะถัดจากลิงก์

ดูเพิ่ม

การเรียกดูอย่างปลอดภัย

ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย

ด้านบนของหน้า

[Topic 58779]

จะทำอย่างไรเมื่อการเข้าถึงไฟล์ถูกบล็อก

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะบล็อกการเข้าถึงไฟล์และแอปพลิเคชันที่ติดไวรัส หากไฟล์ติดไวรัสจะต้องได้รับการชำระล้างก่อนที่คุณจะสามารถเข้าถึงไฟล์ได้

ล้างการติดเชื้อวัตถุที่ตรวจพบ

  1. ในแถบเมนู ให้เลือกการป้องกัน > วัตถุที่ตรวจพบ

    หน้าต่างวัตถุที่ตรวจพบจะเปิดขึ้น

  2. ในส่วนวัตถุที่ตรวจพบ ให้คลิก ถัดจากไฟล์ที่ต้องการแล้วเลือกล้างการติดเชื้อ

    แอปพลิเคชันจะเริ่มการชำระล้างอ็อบเจ็กต์ที่เลือกไว้ ขณะอยู่ระหว่างการชำระล้าง แอปพลิเคชันจะแสดงกล่องข้อความที่คุณสามารถเลือกสิ่งที่จะดำเนินการกับอ็อบเจ็กต์นั้นได้

ล้างการติดเชื้อวัตถุที่ตรวจพบทั้งหมด

  1. ในแถบเมนู ให้เลือกการป้องกัน > วัตถุที่ตรวจพบ

    หน้าต่างวัตถุที่ตรวจพบจะเปิดขึ้น

  2. ในส่วนวัตถุที่ตรวจพบ ให้คลิกที่การล้างการติดเชื้อทั้งหมด

    แอปพลิเคชันจะเริ่มการชำระล้างวัตถุที่ตรวจพบ ขณะอยู่ระหว่างการกำจัดไวรัส แอปพลิเคชันจะแสดงหน้าต่างแจ้งเตือนที่คุณสามารถเลือกสิ่งที่จะดำเนินการกับอ็อบเจ็กต์นั้นได้ หากคุณเลือกช่องทำเครื่องหมายนำไปใช้กับทั้งหมดในหน้าต่างการแจ้งเตือนขณะเลือกการดำเนินการ แอปพลิเคชันจะนำการดำเนินการเดียวกันไปใช้กับไฟล์ประเภทนี้ทั้งหมด

หากคุณแน่ใจว่าไฟล์ที่กำลังถูก File Anti-Virus บล็อกนั้นปลอดภัย คุณสามารถใส่ไฟล์เหล่านั้นไว้ในโซนที่เชื่อถือได้

ด้านบนของหน้า

[Topic 143843]

เปิดและปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection สำหรับเบราเซอร์ในเบราเซอร์ที่เลือก

ส่วนขยาย Kaspersky Protection สำหรับเบราเซอร์จะเตือนคุณเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายและเสนอวิธีป้อนรหัสผ่านและข้อมูลละเอียดอ่อนแบบออนไลน์ที่ปลอดภัยขึ้น คุณยังสามารถใช้ส่วนขยายเพื่อเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานส่วนประกอบและคุณสมบัติบางอย่างของ Kaspersky ได้อีกด้วย ส่วนขยายนี้เข้ากันได้กับ Safari, Google Chrome และ Firefox

ตามค่าเริ่มต้น ส่วนขยาย Kaspersky Protection จะได้รับการติดตั้งใน Safari หากต้องการใช้ส่วนขยายในเบราว์เซอร์นี้ คุณจำเป็นต้องเปิดใช้งานส่วนขยาย

เปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection สำหรับ Safari

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บเบราเซอร์ คลิกที่เปิดใช้งานส่วนขยายและปฏิบัติตามคำแนะนำบนหน้าจอ
  3. คลิกที่เปิดใช้งานส่วนขยาย
  4. ในหน้าต่างที่เปิดขึ้น ให้เลือกช่องทำเครื่องหมาย Kaspersky Protection

ปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection สำหรับ Safari

  1. เปิด Safari
  2. ในแถบเมนู ให้เลือก Safari > การตั้งค่า
  3. ในแท็บ ส่วนขยาย ไปที่ส่วนขยาย Kaspersky Protection
  4. ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมาย Kaspersky Protection

หมายเหตุ: เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ประสบการณ์เบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นใน Safari บน macOS 14 หรือใหม่กว่า ให้อนุญาตส่วนขยาย Kaspersky Protection ในทุกเว็บไซต์และในโหมดการเรียกดูแบบส่วนตัว

อนุญาตส่วนขยาย Kaspersky Protection สำหรับ Safari ในทุกเว็บไซต์

  1. เปิด Safari
  2. ในแถบเมนู ให้เลือก Safari > การตั้งค่า
  3. ในแท็บ ส่วนขยาย ให้เลือกส่วนขยาย Kaspersky Protection
  4. คลิกอนุญาตในทุกเว็บไซต์เสมอ

อนุญาตส่วนขยาย Kaspersky Protection สำหรับ Safari ในโหมดการเรียกดูแบบส่วนตัว

  1. เปิด Safari
  2. ในแถบเมนู ให้เลือก Safari > การตั้งค่า
  3. ในแท็บ ส่วนขยาย ให้เลือกส่วนขยาย Kaspersky Protection
  4. เลือกช่องทำเครื่องหมายอนุญาตในการเรียกดูแบบส่วนตัว

หมายเหตุ: คุณสามารถถอนการติดตั้งส่วนขยาย Kaspersky Protection ออกจาก Safari ด้วยการถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันเท่านั้น

หากต้องการใช้ส่วนขยายของเบราเซอร์ Kaspersky Protection ใน Google Chrome และ Firefox คุณจำเป็นต้องติดตั้งและเปิดใช้งานส่วนขยายสำหรับเบราเซอร์เหล่านี้ก่อน

ติดตั้งและเปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection สำหรับ Google Chrome/Firefox

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บเบราเซอร์ ให้คลิกที่รับส่วนขยายและปฏิบัติตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อติดตั้งส่วนขยาย

หมายเหตุ: หากคุณยังคงติดตั้งส่วนขยาย Kaspersky Security ที่ล้าสมัยใน Google Chrome หรือ Firefox เราขอแนะนำให้คุณลบออกหลังจากที่คุณติดตั้งส่วนขยาย Kaspersky Protection แล้ว

ลบส่วนขยาย Kaspersky Security ที่ล้าสมัยออกจาก Google Chrome

  1. เปิด Google Chrome แล้วคลิกไอคอนส่วนขยาย
  2. เปิดเมนู 3 จุดถัดจาก Kaspersky Security
  3. คลิก ลบออกจาก Chrome

ลบส่วนขยาย Kaspersky Security ที่ล้าสมัยออกจาก Firefox

  1. เปิด Firefox แล้วคลิกไอคอนส่วนขยาย
  2. เปิดเมนูการตั้งค่าถัดจาก Kaspersky Security
  3. คลิก ลบส่วนขยาย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการส่วนขยายในเบราว์เซอร์ Google Chrome/Firefox โปรดดูเอกสารประกอบของเบราว์เซอร์

ด้านบนของหน้า

[Topic 58769]

อัปเดตฐานข้อมูลแอปพลิเคชัน

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะดาวน์โหลดอัปเดตจาก เซิร์ฟเวอร์การอัปเดตของ Kaspersky ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ HTTP ที่มีการเผยแพร่อัปเดตของแอปพลิเคชันเป็นประจำ

หมายเหตุ: ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลดอัปเดตจากเซิร์ฟเวอร์การอัปเดต

ตามค่าเริ่มต้นแอปพลิเคชัน Kaspersky จะตรวจหาการอัปเดตในเซิร์ฟเวอร์การอัปเดตของ Kaspersky เป็นระยะๆ หากมีอัปเดตใหม่พร้อมให้บริการในเซิร์ฟเวอร์แอปพลิเคชันจะดาวน์โหลดอัปเดตเหล่านั้นในเบื้องหลังแล้วติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์ของคุณ

เริ่มต้นการอัปเดตแอปพลิเคชัน

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การอัปเดตฐานข้อมูล

    หน้าต่าง การอัปเดตฐานข้อมูล จะเปิดขึ้นมา

  2. คลิก อัปเดต

แอปพลิเคชันจะตรวจหาการอัปเดต หากมีอัปเดตพร้อมให้บริการ แอปพลิเคชันจะดาวน์โหลดและติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์ของคุณ

คุณยังสามารถเริ่มต้นการอัปเดตได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้:

  • คลิกที่ไอคอนแอปพลิเคชันแล้วเลือกอัปเดตฐานข้อมูล
  • ในแถบเมนู ให้เลือกการป้องกัน > อัปเดตฐานข้อมูล

คุณสามารถเรียกใช้การอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่ My Kaspersky สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอัปเดตแอปพลิเคชันบน My Kaspersky โปรดดูที่ความช่วยเหลือ My Kaspersky

คุณสามารถเปลี่ยนวิธีที่แอปพลิเคชัน Kaspersky อัปเดตฐานข้อมูลแอปพลิเคชันได้ ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชันจะอัปเดตฐานข้อมูลโดยอัตโนมัติ

เปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการดาวน์โหลดการอัปเดตฐานข้อมูลของแอปพลิเคชันอัตโนมัติ

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บอัปเดต ในส่วนฐานข้อมูล ให้เลือก/ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายดาวน์โหลดอัปเดตอัตโนมัติ

คุณสามารถดูผลลัพธ์ของงานอัปเดตที่เสร็จสิ้นได้ในหน้าต่างรายงาน

ดูเพิ่ม

การอัปเดตฐานข้อมูล

ด้านบนของหน้า

[Topic 173605]

จะทำอย่างไรถ้ามีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับสุขภาพฮาร์ดดิสก์อยู่ในสภาพวิกฤติ

หากแอปพลิเคชัน Kaspersky แจ้งให้คุณทราบว่าฮาร์ดดิสก์ของคุณอยู่ในสภาพวิกฤติเนื่องจากการเสื่อมสภาพ คุณอาจต้องการสร้างสำเนาสำรองข้อมูลเพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียข้อมูลของคุณ

หมายเหตุ: ฟังก์ชันการทำงานนี้พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

เปิด Time Machine เพื่อสำรองข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การตรวจสอบสุขภาพ HD

    หน้าต่าง การตรวจสอบติดตามสุขภาพฮาร์ดดิสก์ จะเปิดขึ้น

  2. เลือกฮาร์ดดิสก์ที่อยู่ในสภาพวิกฤติ
  3. ในแผงทางขวา ให้คลิก ป้องกันการสูญเสียข้อมูล
  4. ในกล่องโต้ตอบที่เปิดขึ้น ให้คลิก เปิดการตั้งค่า Time Machine

ดูเพิ่ม

การตรวจสอบติดตามสุขภาพฮาร์ดดิสก์

ด้านบนของหน้า

[Topic 84767]

เพิ่มเว็บไซต์ของธนาคาร ระบบการชำระเงิน หรือร้านค้าออนไลน์ลงในระบบป้องกัน Safe Money

Safe Money ตรวจสอบความถูกต้องของระบบชำระเงินออนไลน์ที่รู้จักและเว็บไซต์ธนาคาร รายการระบบชำระเงินออนไลน์ที่รู้จักและเว็บไซต์ธนาคารที่ผ่านการอัปเดตเป็นส่วนหนึ่งของฐานข้อมูลแอปพลิเคชัน

เมื่อคุณเปิดเว็บไซต์ธนาคารซึ่งมีใบรับรองหรือที่อยู่เว็บที่ไม่น่าเชื่อถือแอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงข้อความในหน้าเบราว์เซอร์ของคุณว่าการเข้าสู่เว็บไซต์ดังกล่าวนั้นไม่ปลอดภัย เมื่อคุณติดตั้งส่วนขยายของ Kaspersky Protection แล้ว แอปพลิเคชันจะแสดงข้อความแจ้งเตือนว่าเว็บไซต์เชื่อถือได้หรือไม่

หากคุณเชื่อว่ามีบางเว็บไซต์ที่ไม่ได้รวมอยู่ในระบบป้องกัน Safe Money หรือต้องการระบบป้องกัน Safe Money บนเว็บไซต์ที่ไม่จัดอยู่ในหมวด "ระบบชำระเงินหรือเว็บไซต์ธนาคาร" คุณสามารถเพิ่มเว็บไซต์ดังกล่าวลงไปในระบบป้องกันได้ด้วยตนเอง

เพิ่มเว็บไซต์ของธนาคาร ระบบการชำระเงิน หรือร้านค้าออนไลน์ลงในระบบป้องกัน Safe Money

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ การป้องกัน ในส่วน Safe Money คลิก เว็บไซต์ของฉัน

    เมื่อเปิดแล้ว หน้าต่างจะแสดงรายการเว็บไซต์ที่คุณเพิ่มลงไปในระบบป้องกัน Safe Money ด้วยตนเอง

  3. ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อไปนี้:
    • เพิ่มเว็บไซต์ลงในระบบป้องกัน Safe Money ด้วยการ คลิก และป้อนที่อยู่เว็บไซต์

      หมายเหตุ: คุณสามารถเพิ่มเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อกับระบบ HTTPS ได้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส (HTTPS) ก็ต่อเมื่อได้ทำการเลือกช่องทำเครื่องหมายตรวจสอบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (HTTPS) สำหรับ <ชื่อส่วนประกอบ> ในส่วนทั่วไปบนแท็บการป้องกันเท่านั้น

    • ลบเว็บไซต์ออกจากระบบป้องกัน Safe Money ด้วยการเลือกที่อยู่เว็บไซต์ในรายการแล้วคลิก
  4. คลิก บันทึก

หากแอปพลิเคชัน Kaspersky ไม่สามารถตรวจสอบใบรับรองของเว็บไซต์ได้

หากคุณได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับปัญหาการตรวจสอบยืนยันใบรับรองบนเว็บไซต์ หมายความว่าเว็บไซต์ที่คุณต้องการเปิดไม่ผ่านการตรวจสอบ เราไม่แนะนำให้เข้าสู่เว็บไซต์ดังกล่าว สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับปัญหานี้และสาเหตุของปัญหาการตรวจสอบยืนยันใบรับรองที่อาจเป็นไปได้ โปรดดูที่ เว็บไซต์ฝ่ายบริการลูกค้า (ฐานความรู้)

ดูเพิ่ม

Safe Money

ด้านบนของหน้า

[Topic 143724]

ดูและอัปเดตรายการอุปกรณ์เครือข่ายในบ้าน

คุณสามารถอัปเดตรายการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านของคุณได้ด้วยตนเอง

หมายเหตุ: ฟังก์ชันการทำงานนี้พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

ดูและอัปเดตรายการอุปกรณ์เครือข่ายในบ้าน

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

    หน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม จะเปิดขึ้น

  2. ดูรายการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านของคุณ
  3. ในบานหน้าต่างด้านบน ให้คลิกที่

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะอัปเดตรายการอุปกรณ์

หมายเหตุ: คุณยังสามารถดูรายการอุปกรณ์ที่พบในเครือข่ายในบ้านของคุณได้ในหน้า หน้าหลัก ของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก

ดูเพิ่ม

ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

ด้านบนของหน้า

[Topic 143722]

ลบอุปกรณ์ออกจากรายการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านของคุณ

หากอุปกรณ์ไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายของคุณอีกต่อไปแล้ว (ตัวอย่างเช่นโทรศัพท์เครื่องเก่าเป็นต้น) คุณสามารถลบอุปกรณ์นี้ออกจากรายการเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านของคุณได้

หมายเหตุ: ฟังก์ชันการทำงานนี้พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

ลบอุปกรณ์ออกจากรายการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านของคุณ

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

    หน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม จะเปิดขึ้น

  2. ในบานหน้าต่างด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้คลิกอุปกรณ์ในรายการ

    ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์จะปรากฏในบานหน้าต่างด้านขวาของหน้าต่าง

  3. ที่มุมบนขวา ให้คลิก แล้วเลือก ลืมอุปกรณ์

อุปกรณ์ที่เลือกไว้จะหายไปจากรายการอุปกรณ์

ดูเพิ่ม

ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

ด้านบนของหน้า

[Topic 143723]

ต้องทำอย่างไรเมื่อเครือข่าย Wi-Fi ในบ้านเปลี่ยนแปลงไป

คุณสามารถทำให้แอปพลิเคชัน Kaspersky ลืมเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ได้เป็นเครือข่ายในบ้านของคุณอีกแล้วได้

หมายเหตุ: ฟังก์ชันการทำงานนี้พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

ลืมเครือข่ายในบ้านปัจจุบัน

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

    หน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม จะเปิดขึ้น

  2. ในบานหน้าต่างด้านบน ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เลือกเครือข่ายที่ต้องการแล้วคลิก
  3. ในกล่องข้อความที่เปิดขึ้น ให้คลิกที่ลืม

ดูเพิ่ม

ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

ด้านบนของหน้า

[Topic 173456]

เปิดใช้งานการตรวจสอบบัญชีของคุณเพื่อหาการรั่วไหลของข้อมูลบนเว็บไซต์

บางครั้งแม้แต่รหัสผ่านที่แข็งแกร่งที่ไม่ซ้ำกันรวมถึงแป้นพิมพ์เสมือนจริงก็ไม่เพียงพอที่จะป้องกันบัญชีเว็บไซต์ของคุณและข้อมูลละเอียดอ่อน แฮกเกอร์ค้นหาช่องโหว่ในเว็บไซต์ยอดนิยมอยู่เสมอเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้ หากเว็บไซต์ที่คุณมีบัญชีอยู่ถูกแฮก บัญชีของคุณจะถูกบุกรุก และข้อมูลของคุณมีความเสี่ยงที่จะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ

แอปพลิเคชัน Kaspersky สามารถตรวจสอบที่อยู่อีเมลของคุณกับฐานข้อมูลการรั่วไหลที่ Kaspersky รู้จักทุกครั้งที่คุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณบนเว็บไซต์ หากบัญชีของคุณตกอยู่ในอันตราย แอปพลิเคชันจะแจ้งให้คุณทราบ

หมายเหตุ: แอปพลิเคชัน Kaspersky สามารถตรวจสอบบัญชีที่ใช้ที่อยู่อีเมลเป็นชื่อผู้ใช้เท่านั้น การตรวจสอบบัญชีบนเว็บไซต์สามารถใช้งานเฉพาะใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

เปิด/ปิดใช้งานการตรวจสอบบัญชีของคุณเพื่อหาการรั่วไหลของข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ ความเป็นส่วนตัว ในส่วน ตรวจสอบบัญชี ให้เลือก/เว้นช่องทำเครื่องหมาย ตรวจสอบบัญชีเพื่อหาการรั่วไหลของข้อมูลที่อาจเกิดขึ้นเมื่อลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์

    หมายเหตุ: แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจสอบบัญชีในเบราเซอร์ที่ติดตั้งส่วนขยาย Kaspersky Protection เท่านั้น

ดูเพิ่ม

การป้องกันความเป็นส่วนตัว

ด้านบนของหน้า

[Topic 173490]

ตรวจสอบว่าบัญชีของคุณถูกบุกรุกหรือไม่

หากคุณไม่มั่นใจว่าบัญชีของคุณในบางเว็บไซต์ปลอดภัยหรือไม่ คุณสามารถตรวจสอบได้โดยใช้แอปพลิเคชัน Kaspersky แอปพลิเคชันสามารถตรวจสอบได้ว่าบัญชีของคุณถูกบุกรุกและข้อมูลของคุณอยู่ในอันตรายจากการเปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่

หมายเหตุ: แอปพลิเคชัน Kaspersky สามารถตรวจสอบบัญชีที่ใช้ที่อยู่อีเมลเป็นชื่อผู้ใช้เท่านั้น

ตรวจสอบว่าบัญชีของคุณถูกบุกรุกหรือไม่

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตรวจสอบบัญชี

    หน้าต่าง ตรวจสอบบัญชี จะเปิดขึ้น

  2. ป้อนที่อยู่อีเมลของคุณในช่อง ป้อนที่อยู่อีเมล
  3. คลิก ตรวจสอบ

ดูเพิ่ม

การป้องกันความเป็นส่วนตัว

ด้านบนของหน้า

[Topic 252167]

ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์ของคุณตกอยู่ในอันตรายหรือไม่

หมายเลขโทรศัพท์มักจะนำมาใช้ระบุตัวคุณเมื่อคุณสร้างบัญชีบนเว็บไซต์หรือในแอปพลิเคชัน หากไม่มั่นใจว่าบัญชีที่เชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์ของคุณนั้นปลอดภัยหรือไม่ คุณก็ตรวจสอบได้โดยใช้แอปพลิเคชัน Kaspersky แอปพลิเคชันจะใช้หมายเลขโทรศัพท์ของคุณเพื่อตรวจดูว่าบัญชีที่เชื่อมโยงตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ และข้อมูลของคุณเสี่ยงต่อการเปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่

ตรวจสอบว่าบัญชีที่เชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์ของคุณตกอยู่ในอันตรายหรือไม่

  1. บนแถบด้านข้างของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิกการขโมยตัวตน

    หน้าต่างการตรวจสอบการขโมยข้อมูลประจำตัวจะเปิดขึ้น

  2. ป้อนหมายเลขโทรศัพท์ของคุณในช่องป้อนหมายเลขโทรศัพท์
  3. คลิก ตรวจสอบ

ดูเพิ่ม

การตรวจสอบการขโมยข้อมูลประจำตัว

ด้านบนของหน้า

[Topic 112537]

ป้องกันไม่ให้แอปพลิเคชันใช้งานเว็บแคม

แอปพลิเคชันในคอมพิวเตอร์ของคุณสามารถเข้าถึงเว็บแคมของคุณและถ่ายภาพสแนปช็อตสิ่งที่อยู่รอบตัวคุณได้ คุณสามารถบล็อกการเข้าถึงเว็บแคมของคุณเพื่อไม่ให้แอปพลิเคชันใด ๆ นำไปใช้ได้

หมายเหตุ: การเข้าถึงสำหรับแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ติดตั้งในคอมพิวเตอร์ของคุณจะถูกบล็อก คุณไม่สามารถบล็อกการเข้าถึงเว็บแคมของคุณสำหรับแอปพลิเคชันที่เฉพาะเจาะจงได้

สำคัญ: หากแอปพลิเคชัน Kaspersky บล็อกเว็บแคมของคุณอยู่ คุณจะต้องปลดล็อกเว็บแคมก่อนใช้งาน

ป้องกันไม่ให้แอปพลิเคชันใช้งานเว็บแคม

  1. เปิดหน้า หน้าหลัก ของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. เปิดใช้งาน บล็อกเว็บแคม

แอปพลิเคชัน Kaspersky บล็อกเว็บแคมของคุณ

หมายเหตุ: คุณสามารถบล็อกเว็บแคมของคุณโดยการเปิดใช้งานระบบป้องกันเว็บแคมในหน้าต่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวเป็นส่วนตัวหรือเลือกบล็อกเว็บแคมในส่วนของเว็บแคมบนแท็บความเป็นส่วนตัวของหน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันได้เช่นกัน

ดูเพิ่ม

การป้องกันความเป็นส่วนตัว

ด้านบนของหน้า

[Topic 112534]

ป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ติดตามกิจกรรมการเรียกดูของคุณ

เว็บไซต์บางแห่งจะใช้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมการเรียกดูของคุณปรับแต่งสิ่งที่จะแสดงให้คุณเห็น คุณสามารถบล็อกเว็บไซต์ไม่ให้ติดตามคุณโดยใช้แอปพลิเคชัน Kaspersky

ป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ติดตามกิจกรรมการเรียกดูของคุณ

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การปกป้องความเป็นส่วนตัว

    หน้าต่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวจะเปิดขึ้น

  2. เปิดใช้งาน การเรียกดูส่วนตัว

แอปพลิเคชัน Kaspersky เริ่มบล็อกเว็บไซต์ไม่ให้ติดตามกิจกรรมการท่องเว็บของคุณ

หมายเหตุ: คุณสามารถบล็อกการติดตามของเว็บไซต์โดยเลือกช่องทำเครื่องหมายบล็อกการติดตามเว็บไซต์ในส่วนของการเรียกดูส่วนตัวบนแท็บความเป็นส่วนตัวของหน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันได้เช่นกัน

ดูเพิ่ม

การป้องกันความเป็นส่วนตัว

ด้านบนของหน้า

[Topic 59197]

ป้องกันรหัสผ่านและข้อมูลละเอียดอ่อนของคุณ

ส่วนขยายของเบราเซอร์ Kaspersky Protection จะช่วยให้คุณทำให้รหัสผ่านแข็งแกร่งขึ้น และป้องกันข้อมูลละเอียดอ่อนของคุณ ตามค่าเริ่มต้น ส่วนขยายจะตรวจหารหัสผ่านที่ซ้ำกัน ตรวจสอบความยากในการคาดเดารหัสผ่านของคุณ และความปลอดภัยของบัญชีเว็บไซต์ของคุณ และจะแสดงคีย์บอร์ดบนหน้าจอเพื่อปกป้องรหัสผ่านที่คุณป้อนในแบบฟอร์มลงชื่อเข้าใช้

หมายเหตุ: แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่ติดตามรหัสผ่านหรือแสดงการตั้งค่ารหัสผ่าน หากคุณได้ติดตั้ง Password Manager ไว้

ปิด/เปิดการตรวจจับรหัสผ่านซ้ำกัน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บความเป็นส่วนตัว ในส่วนรหัสผ่าน ให้ยกเลิกการเลือก/เลือกช่องทำเครื่องหมายตรวจจับรหัสผ่านซ้ำกัน

ปิด/เปิดการตรวจสอบความแข็งแกร่งของรหัสผ่าน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บความเป็นส่วนตัว ในส่วนรหัสผ่าน ให้ยกเลิกการเลือก/เลือกช่องทำเครื่องหมายตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่าน

ตามค่าเริ่มต้น คีย์บอร์ดบนหน้าจอจะปรากฏขึ้นในจออัตโนมัติเมื่อคุณเลือกช่องรหัสผ่านในหน้าต่างเบราเซอร์

ปิด/เปิดการแสดงคีย์บอร์ดบนหน้าจออัตโนมัติ

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บเบราเซอร์ ในส่วนคีย์บอร์ดบนหน้าจอ ให้ยกเลิกการเลือก/เลือกช่องทำเครื่องหมายแสดงคีย์บอร์ดบนหน้าจอเมื่อทำการป้อนรหัสผ่านเว็บไซต์

คุณสามารถเปิดคีย์บอร์ดบนหน้าจอด้วยตนเองในเบราเซอร์ของคุณได้

เปิดคีย์บอร์ดบนหน้าจอด้วยตนเอง

  1. คลิกที่ ในแถบเครื่องมือเบราเซอร์
  2. ในกล่องข้อความที่เปิดขึ้น ให้คลิก แสดงที่ใต้สวิตช์คีย์บอร์ดบนหน้าจอ

คุณสามารถใช้คีย์บอร์ดบนหน้าจอได้ดังต่อไปนี้:

  • คลิกที่คีย์ของคีย์บอร์ดบนหน้าจอด้วยตัวชี้เมาส์
  • คุณไม่สามารถคลิกคีย์หลายคีย์พร้อมกันในคีย์บอร์ดบนหน้าจอได้ ซึ่งแตกต่างจากคีย์บอร์ดจริง ๆ หากต้องการป้อนชุดของคีย์ผสมกัน (ตัวอย่างเช่น คีย์ Option และคีย์ SHIFT) ให้คลิกที่คีย์แรก (ตัวอย่างเช่น Option) แล้วจึงคลิกที่คีย์ที่สอง
  • หากต้องการเปลี่ยนภาษา ให้คลิกที่คีย์ในมุมด้านซ้ายล่าง

สำคัญ: คีย์บอร์ดบนหน้าจอไม่สามารถป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคุณได้หากเว็บไซต์ที่คุณกำลังส่งข้อมูลไปถูกแฮก

ดูเพิ่ม

การป้องกันรหัสผ่านและข้อมูลละเอียดอ่อนของคุณ

ด้านบนของหน้า

[Topic 183303]

วิธีส่งความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับแอปพลิเคชันไปยัง Kaspersky

หลังจากที่คุณใช้แอปพลิเคชัน Kaspersky ได้ระยะหนึ่ง แอปพลิเคชันอาจแจ้งให้คุณให้คะแนน คุณสามารถแบ่งปันความคิดเห็นเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน ด้วย Kaspersky และส่งคำแนะนำของคุณเกี่ยวกับแอปพลิเคชันให้เราได้ โดยไม่ต้องรอการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน

ส่งความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน

  1. ในแถบเมนู ให้เลือก Kaspersky > ให้คะแนนแอปพลิเคชัน

    หน้าต่างจะเปิดขึ้น คุณสามารถให้คะแนนแอปพลิเคชันได้โดยเลือกค่าจาก 0 ถึง 10

  2. เลือกค่าแล้วคลิก ให้คะแนน

    หน้าต่างจะเปิดขึ้นพร้อมกับช่องให้คุณแสดงความคิดเห็น หากคุณไม่อยากเขียนแสดงความคิดเห็น สามารถเว้นช่องนี้ไว้ได้

  3. คลิก ส่งความคิดเห็น เพื่อส่งความคิดเห็นของคุณไปยัง Kaspersky และปิดหน้าต่าง
ด้านบนของหน้า

[Topic 226944]

ความปลอดภัย

แฮกเกอร์ในปัจจุบันเริ่มฉลาดขึ้นในการหาเป้าหมายเพื่อเจาะอุปกรณ์ของคุณ แรนซัมแวร์ ฟิชชิง และมัลแวร์ประเภทใหม่ ๆ จะต้องใช้โซลูชั่นความปลอดภัยทางไซเบอร์ใหม่ ๆ เพื่อให้คุณก้าวนำหน้าภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น เราจึงได้สร้างแอปพลิเคชัน Kaspersky ใหม่เพื่อช่วยให้คุณปลอดภัยจากภัยคุกคามต่างๆ ในทุกวันนี้ได้ ค้นหาสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย

ในส่วนนี้

File Anti-Virus

การเรียกดูอย่างปลอดภัย

ขอบเขตการป้องกันคอมพิวเตอร์

การสแกน

ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย

ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

การกักกัน

การอัปเดตฐานข้อมูล

ด้านบนของหน้า

[Topic 96931]

File Anti-Virus

File Anti-Virus ป้องกันการติดไวรัสของระบบไฟล์ของคอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบจะเริ่มทำงานในระหว่างที่เริ่มต้นระบบปฏิบัติการ โดยจะยังคงอยู่ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ และสแกนหาไวรัสและมัลแวร์อื่น ๆ ในไฟล์ทั้งหมดที่เปิด บันทึก หรือเรียกใช้บนคอมพิวเตอร์ของคุณ รวมถึงในดิสก์ที่เชื่อมต่อทั้งหมด หากคุณปิดใช้งาน File Anti-Virus มันจะไม่เริ่มทำงานเมื่อระบบปฏิบัติการเริ่มต้น คุณจะต้องเปิดใช้งาน File Anti-Virus อีกครั้งด้วยตนเอง

เปิด/ปิดใช้งาน File Anti-Virus

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ การป้องกัน ในส่วน File Anti-Virus เลือก/เว้นช่องทำเครื่องหมาย เปิดใช้งาน File Anti-Virus

    คุณสามารถเปิดใช้งาน File Anti-Virus ได้ในสถานะการป้องกัน การปิดใช้งานการป้องกันคอมพิวเตอร์หรือปิดใช้งานส่วนประกอบการป้องกัน จะทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณมีความเสี่ยงสูงที่จะติดไวรัส นี่คือสาเหตุที่สถานะการป้องกันจะแจ้งคุณเมื่อคุณปิดใช้งานการป้องกัน

คุณสามารถสร้างขอบเขตการป้องกันของ File Anti-Virus ได้

เพิ่ม/ลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ไปที่/จากขอบเขตการป้องกัน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บการป้องกันในส่วนของ File Anti-Virus คลิกการตั้งค่า

    หน้าต่างที่มีรายการอ็อบเจ็กต์ที่ File Anti-Virus สแกนจะเปิดขึ้น ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะสแกนวัตถุทั้งหมดที่อยู่ในดิสก์ภายใน, ดิสก์ภายนอกและดิสก์เครือข่ายที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณ

    หมายเหตุ: คุณสามารถข้ามการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียวได้ เพื่อลดเวลาที่ใช้ในการสแกนได้อย่างมีนัยสำคัญ ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะไม่สแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว

  3. ในส่วนขอบเขตการป้องกัน ให้เพิ่ม/ลบอ็อบเจ็กต์ไปยัง/ออกจากขอบเขตการป้องกัน:
    • หากต้องการเพิ่มไฟล์หรือโฟลเดอร์เข้าไปในขอบเขตการป้องกัน:
      1. คลิก

        เมนูป๊อปอัปที่คุณสามารถเลือกวัตถุที่จะเพิ่มเข้าไปในขอบเขตการป้องกันจะเปิดขึ้น

      2. ในเมนูป๊อปอัปเลือกรายการ ไฟล์และโฟลเดอร์

        กล่องโต้ตอบที่คุณสามารถเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์จะเปิดขึ้น

      3. เลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่คุณต้องการเพิ่มเข้าไปในขอบเขตการป้องกัน
      4. คลิก เปิด
    • หากต้องการลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ออกจากขอบเขตการป้องกัน:
      1. เลือกวัตถุในรายการวัตถุในขอบเขตการป้องกัน
      2. ลากวัตถุที่เลือกจากหน้าต่างหรือคลิก
  4. หากคุณต้องการที่จะสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว ให้ไปที่ส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพ แล้วยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายข้ามการสแกนข้อมูลไดรฟ์ระบบสำหรับอ่านเท่านั้น

    สำคัญ: อาจไม่มีการเปิดใช้งานการเพิ่มประสิทธิภาพเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

  5. คลิก บันทึก

เพิ่ม/ลบวัตถุในรายการวัตถุเริ่มต้นไปยัง/ออกจากขอบเขตการป้องกัน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บการป้องกันในส่วนของ File Anti-Virus คลิกการตั้งค่า

    หน้าต่างที่มีรายการอ็อบเจ็กต์ที่ File Anti-Virus สแกนจะเปิดขึ้น ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะสแกนวัตถุทั้งหมดที่อยู่ในดิสก์ภายใน, ดิสก์ภายนอกและดิสก์เครือข่ายที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณ

    หมายเหตุ: คุณสามารถข้ามการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียวได้ เพื่อลดเวลาที่ใช้ในการสแกนได้อย่างมีนัยสำคัญ ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะไม่สแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว

  3. ในส่วนขอบเขตการป้องกัน ให้เพิ่ม/ลบอ็อบเจ็กต์ที่อยู่ในรายการอ็อบเจ็กต์เริ่มต้นไปยัง/ออกจากขอบเขตการป้องกัน:
    • หากต้องการเพิ่มวัตถุในรายการวัตถุเริ่มต้นไปยังขอบเขตการป้องกัน:
      1. คลิก

        เมนูป๊อปอัปที่คุณสามารถเลือกวัตถุที่จะเพิ่มเข้าไปในขอบเขตการป้องกันจะเปิดขึ้น

      2. ในเมนูป๊อปอัป เลือกวัตถุที่คุณต้องการเพิ่มลงในขอบเขตการป้องกัน (ตัวอย่างเช่น ดิสก์ภายในทั้งหมด)
    • หากต้องการลบวัตถุในรายการวัตถุเริ่มต้นออกจากขอบเขตการป้องกัน:
      1. เลือกวัตถุในรายการวัตถุในขอบเขตการป้องกัน
      2. ลากวัตถุที่เลือกจากหน้าต่างหรือคลิก
  4. หากคุณต้องการที่จะสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว ให้ไปที่ส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพ แล้วยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายข้ามการสแกนข้อมูลไดรฟ์ระบบสำหรับอ่านเท่านั้น

    สำคัญ: อาจไม่มีการเปิดใช้งานการเพิ่มประสิทธิภาพเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

  5. คลิก บันทึก

ปิดการป้องกันวัตถุในขอบเขตการป้องกัน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บการป้องกันในส่วนของ File Anti-Virus คลิกการตั้งค่า

    หน้าต่างที่มีรายการอ็อบเจ็กต์ที่ File Anti-Virus สแกนจะเปิดขึ้น ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะสแกนวัตถุทั้งหมดที่อยู่ในดิสก์ภายใน, ดิสก์ภายนอกและดิสก์เครือข่ายที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณ

    หมายเหตุ: คุณสามารถข้ามการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียวได้ เพื่อลดเวลาที่ใช้ในการสแกนได้อย่างมีนัยสำคัญ ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะไม่สแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว

  3. เว้นช่องทำเครื่องหมายถัดจากวัตถุในรายการวัตถุในขอบเขตการป้องกัน
  4. คลิก บันทึก

เปิดใช้งานการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บการป้องกันในส่วนของ File Anti-Virus คลิกการตั้งค่า

    หน้าต่างที่มีรายการอ็อบเจ็กต์ที่ File Anti-Virus สแกนจะเปิดขึ้น ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะสแกนวัตถุทั้งหมดที่อยู่ในดิสก์ภายใน, ดิสก์ภายนอกและดิสก์เครือข่ายที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณ

    หมายเหตุ: คุณสามารถข้ามการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียวได้ เพื่อลดเวลาที่ใช้ในการสแกนได้อย่างมีนัยสำคัญ ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะไม่สแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว

  3. ในส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพ ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายข้ามการสแกนข้อมูลไดรฟ์ระบบสำหรับอ่านเท่านั้น

    สำคัญ: อาจไม่มีการเปิดใช้งานการเพิ่มประสิทธิภาพเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

  4. คลิก บันทึก

เมื่อคุณหรือแอปพลิเคชันพยายามเข้าถึงไฟล์ที่อยู่ในขอบเขตการป้องกัน File Anti-Virus จะตรวจสอบฐานข้อมูล iSwift สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์ และใช้ข้อมูลนี้เพื่อตัดสินใจว่าจะสแกนไฟล์หรือไม่

การจำแนกวัตถุที่เป็นอันตรายนั้นเป็นไปได้ด้วย การวิเคราะห์ลายเซ็น ซึ่งเป็นวิธีการค้นหาภัยคุกคามตามคำอธิบายภัยคุกคามซึ่งอยู่ในฐานข้อมูลป้องกันไวรัส นอกจากการวิเคราะห์ลายเซ็นแล้ว File Anti-Virus ยังใช้การการวิเคราะห์เรียนรู้และเทคโนโลยีการสแกนอื่นๆ ด้วย

หลังจากตรวจจับวัตถุ แอปพลิเคชันจะแสดงการแจ้งเตือนเกี่ยวกับวัตถุนั้นและดำเนินการกับวัตถุตามการตั้งค่า File Anti-Virus ของคุณ

เลือกการดำเนินการของ File Anti-Virus หลังจากตรวจพบไฟล์ที่ติดไวรัส

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ การป้องกัน ในส่วน File Anti-Virus เลือกการดำเนินการของ File Anti-Virus หลังจากตรวจพบไฟล์ที่ติดไวรัส

ก่อนที่จะพยายามล้างการติดเชื้อหรือลบไฟล์ที่ติดไวรัสแอปพลิเคชัน Kaspersky จะบันทึกสำเนาสำรองข้อมูลสำหรับการกู้คืนหรือการกำจัดไวรัสในภายหลัง ไฟล์สำเนาจะปรากฎใน การกักกัน คุณสามารถลองล้างการติดเชื้อในไฟล์นี้ได้ภายหลังโดยใช้ฐานข้อมูลป้องกันไวรัสที่อัปเดตแล้ว

ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการของ File Anti-Virus และวัตถุที่ตรวจพบทั้งหมดจะบันทึกไว้ในรายงาน

หมายเหตุ: หาก File Anti-Virus หยุดทำงานจากข้อผิดพลาด คุณสามารถดูรายงานและลองเริ่มส่วนประกอบอีกครั้ง หากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข คุณสามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky

แสดงรายงาน File Anti-Virus

  1. ในแถบเมนูเลือก การป้องกัน > รายงาน

    หน้าต่าง รายงาน จะปิดขึ้น

  2. เปิดแท็บ File Anti-Virus
ด้านบนของหน้า

[Topic 58556]

การเรียกดูอย่างปลอดภัย

เมื่อคุณใช้งานอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ของคุณมีความเสี่ยงที่จะติดไวรัส และมีความเสี่ยงต่อภัยคุกคามอื่นๆ ด้านความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ ภัยคุกคามด้านความปลอดภัยคอมพิวเตอร์อาจเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของคุณเมื่อคุณดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีหรือเข้าเว็บไซต์ที่ถูกแฮกเกอร์โจมตี ยิ่งกว่านั้น เวิร์มเครือข่ายอาจโจมตีคอมพิวเตอร์ของคุณทันทีที่คอมพิวเตอร์ของคุณสร้างการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ก่อนที่คุณจะเปิดที่อยู่เว็บหรือดาวน์โหลดไฟล์เสียอีก

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะป้องกันข้อมูลที่คอมพิวเตอร์ของคุณรับส่งผ่านทางโปรโตคอล HTTP และ HTTPS ใน Safari, Chrome หรือ Firefox

หมายเหตุ: แอปพลิเคชัน Kaspersky จะตรวจสอบปริมาณการใช้ข้อมูลเว็บในพอร์ตที่ใช้ในการรับส่งข้อมูลผ่านทาง HTTP และ HTTPS บ่อยที่สุด แอปพลิเคชันจะสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส (HTTPS) ก็ต่อเมื่อได้ทำการเลือกช่องทำเครื่องหมายตรวจสอบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (HTTPS) สำหรับ <ชื่อส่วนประกอบ> ในส่วนทั่วไปบนแท็บการป้องกันเท่านั้น

เปิด/ปิดใช้งานการเรียกดูอย่างปลอดภัย

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บการป้องกัน ในส่วน การเรียกดูอย่างปลอดภัย ให้เลือก/ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายเปิดใช้งานการเรียกดูอย่างปลอดภัย

คุณยังสามารถเปิดใช้งานการเรียกดูอย่างปลอดภัยผ่าน สถานะการป้องกัน การปิดใช้งานการป้องกันคอมพิวเตอร์หรือปิดใช้งานส่วนประกอบการป้องกัน จะทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณมีความเสี่ยงสูงที่จะติดไวรัส นี่คือสาเหตุที่สถานะการป้องกันจะแจ้งคุณเมื่อคุณปิดใช้งานการป้องกัน

สำคัญ:หากคุณปิดใช้งานการเรียกดูอย่างปลอดภัยแล้ว ระบบจะไม่เปิดใช้งานเองโดยอัตโนมัติเมื่อแอปพลิเคชันเริ่มทำงานอีกครั้งหรือเมื่อระบบปฏิบัติการรีสตาร์ท คุณต้องเปิดใช้การเรียกดูอย่างปลอดภัยอีกครั้งด้วยตนเอง

การเรียกดูอย่างปลอดภัยจะสแกนปริมาณการใช้ข้อมูลเว็บตามการตั้งค่าที่ Kaspersky แนะนำ ระบบจะจำแนกวัตถุที่เป็นอันตรายจากการวิเคราะห์ลายเซ็น การวิเคราะห์เรียนรู้ และข้อมูลจาก Kaspersky Security Network

การตรวจหาภัยคุกคามฟิชชิ่งและที่อยู่เว็บที่เป็นอันตรายจากลิงก์ในเว็บไซต์จะทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีฟิชชิ่งได้ การโจมตีด้วยฟิชชิ่งมักอยู่ในรูปข้อความอีเมลจากมิจฉาชีพซึ่งสวมรอยเป็นสถาบันทางการเงิน (เช่นธนาคารต่าง ๆ) และส่งลิงก์ไปยังเว็บไซต์หลอกลวง ในอีเมลเหล่านี้ มิจฉาชีพจะพยายามหลอกให้ผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ฟิชชิ่งและป้อนข้อมูลที่เป็นความลับ (เช่น หมายเลขบัตรธนาคารของคุณ หรือชื่อและรหัสผ่านเข้าบัญชีธนาคารออนไลน์ของคุณ เป็นต้น) การโจมตีด้วยฟิชชิ่งอาจถูกอำพราง เช่น อำพรางเป็นข้อความจากธนาคารของคุณโดยมีลิงก์ไปยังเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของธนาคาร แต่ที่จริงแล้วลิงก์นั้นจะนำคุณไปยังสำเนาที่เหมือนเป๊ะของเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของธนาคารที่พวกสวมรอยสร้างขึ้น

การเรียกดูอย่างปลอดภัยจะติดตามปริมาณการใช้ข้อมูลเว็บของคุณเพื่อหาความพยายามเข้าเว็บไซต์ฟิชชิ่ง และจะบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ดังกล่าว เพื่อตรวจหาภัยคุกคามฟิชชิงและที่อยู่เว็บที่เป็นอันตรายจากลิงก์ในเว็บไซต์แอปพลิเคชัน Kaspersky จะใช้ฐานข้อมูลแอปพลิเคชัน การวิเคราะห์แบบศึกษาสำนึก และข้อมูลจาก Kaspersky Security Network

อัลกอริทึมสแกนปริมาณการใช้ข้อมูลเว็บ

เว็บไซต์หรือไฟล์แต่ละรายการที่คุณหรือแอปพลิเคชันเข้าถึงผ่านโปรโตคอล HTTP และ HTTPS จะถูกดักสแกนหารหัสที่เป็นอันตรายโดยการเรียกดูอย่างปลอดภัย:

  • หากเว็บไซต์หรือไฟล์มีรหัสที่เป็นอันตราย แอปพลิเคชันจะสามารถบล็อกเว็บไซต์หรือไฟล์นั้น แล้วแสดงข้อความแจ้งเตือนว่าไฟล์หรือเว็บไซต์ที่ร้องขอนั้นติดไวรัส
  • หากไฟล์หรือเว็บไซต์นั้นไม่มีรหัสที่เป็นอันตราย คุณก็จะสามารถเข้าถึงได้ทันที

ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของการเรียกดูอย่างปลอดภัยและอ็อบเจ็กต์ปริมาณการใช้ข้อมูลเว็บที่เป็นอันตรายทั้งหมดที่ตรวจพบจะถูกบันทึกในรายงาน

หมายเหตุ: หากการเรียกดูอย่างปลอดภัยหยุดการทำงานโดยมีข้อผิพลาด คุณสามารถดูรายงานการเรียกดูอย่างปลอดภัยและพยายามรีสตาร์ทส่วนประกอบนี้ได้ หากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข คุณสามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky

ดูรายงานการเรียกดูอย่างปลอดภัย

  1. ในแถบเมนูเลือก การป้องกัน > รายงาน

    หน้าต่าง รายงาน จะปิดขึ้น

  2. เปิดแท็บ การเรียกดูอย่างปลอดภัย
ด้านบนของหน้า

[Topic 96925]

ขอบเขตการป้องกันคอมพิวเตอร์

ออบเจ็กต์ที่ตรวจพบโดยแอปพลิเคชัน Kaspersky แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ตามคุณลักษณะต่างๆ แอปพลิเคชันจะทำการค้นหาไวรัส เวิร์ม โทรจัน และเครื่องมือที่เป็นอันตรายอยู่เสมอ โปรแกรมเหล่านี้อาจทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณเสียหายร้ายแรงได้ เพื่อให้การป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณวางใจได้มากขึ้น คุณสามารถเพิ่มรายการของวัตถุที่ตรวจจับได้ โดยเปิดใช้งานให้แอปพลิเคชันตรวจหา Stalkerware และซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายอื่น ๆ ที่ผู้บุกรุกสามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์ของคุณหรือข้อมูลส่วนตัว

แอปพลิเคชัน Kaspersky ป้องกันคุณจากออบเจ็กต์ซึ่งจัดกลุ่มไว้ดังต่อไปนี้:

  • ไวรัส เวิร์ม โทรจัน เครื่องมือที่เป็นอันตราย แอดแวร์ และการต่อคู่สายอัตโนมัติ

    หมวดหมู่นี้รวมถึง:

    1. มัลแวร์ทุกประเภท
    2. ซอฟต์แวร์ที่ก่อความรำคาญด้วยการแสดงโฆษณา (เช่น แบนเนอร์) บนคอมพิวเตอร์ของคุณหรือแทนที่ผลการค้นหาในเบราเซอร์ของคุณด้วยเว็บไซต์โฆษณา
    3. แอปพลิเคชันที่เปิดการเชื่อมต่อโทรศัพท์ลับผ่านทางโมเด็ม

    การป้องกันจากมัลแวร์ทุกประเภทช่วยรับประกันระดับความปลอดภัยขั้นต่ำที่จำเป็น ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญของ Kaspersky แอปพลิเคชันจะตรวจสอบออบเจ็กต์ประเภทนี้เสมอ

  • Stalkerware และซอฟต์แวร์ที่ผู้บุกรุกสามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลส่วนตัวของคุณ หมวดหมู่นี้รวมถึง Stalkerware และซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายอื่น ๆ ที่ผู้บุกรุกใช้เพื่อสร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลส่วนตัวของคุณ เช่น แอปพลิเคชันการดูแลระบบระยะไกล

เลือกหมวดหมู่ของวัตถุที่จะตรวจจับ

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ ภัยคุกคาม ในส่วน หมวดหมู่วัตถุที่ตรวจจับ ให้เลือกช่องทำเครื่องหมายถัดจากหมวดหมู่ของวัตถุที่จะตรวจจับ

    หมายเหตุ: แอปพลิเคชัน Kaspersky จะป้องกันคุณจากไวรัส เวิร์ม โทรจัน เครื่องมือที่เป็นอันตราย แอดแวร์และตัวต่อสายอัตโนมัติเสมอ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายสำหรับหมวดหมู่นี้

แอปพลิเคชัน Kaspersky ใช้ฐานข้อมูลป้องกันไวรัสบางส่วนหรือทั้งหมดเมื่อใช้งาน File Anti-Virus, การเรียกดูอย่างปลอดภัย และ งานสแกนไวรัส ขึ้นอยู่กับหมวดหมู่ออบเจ็กต์ที่เลือกในการตรวจจับ

หมายเหตุ: หากแอปพลิเคชัน Kaspersky ระบุว่าแอปพลิเคชันเป็นมัลแวร์ แต่คุณเชื่อว่าแอปดังกล่าวปลอดภัย คุณสามารถเพิ่มแอปพลิเคชันนี้ไปยังโซนที่เชื่อถือได้

โซนที่เชื่อถือได้ คือรายการของออบเจ็กต์ที่แอปพลิเคชันไม่สแกนหรือตรวจสอบ คุณอาจต้องเพิ่มวัตถุไปยังโซนที่เชื่อถือได้ หากแอปพลิเคชัน Kaspersky บล็อกการเข้าถึงไฟล์ แอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ แม้คุณจะแน่ใจว่าออบเจ็กต์ แอปพลิเคชัน หรือที่อยู่เว็บนี้ไม่มีอันตรายใดๆ

เมื่อเพิ่มแอปพลิเคชันไปยังโซนที่เชื่อถือได้กิจกรรมเกี่ยวกับไฟล์และเครือข่าย (รวมถึงกิจกรรมที่น่าสงสัย) ของแอปพลิเคชันจะไม่ได้รับการตรวจสอบอีกต่อไป อย่างไรก็ตามแอปพลิเคชัน Kaspersky จะยังสแกนไฟล์ที่เรียกใช้งานได้และประมวลผลแอปพลิเคชันที่เชื่อถือได้ต่อไป

เพิ่ม/ลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ ไปยัง/ออกจากรายการไฟล์และโฟลเดอร์ที่เชื่อถือได้

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ ภัยคุกคาม ในส่วน การละเว้น ให้คลิก โซนที่เชื่อถือได้

    หน้าต่างการตั้งค่าโซนที่เชื่อถือได้จะเปิดขึ้น

  3. ในแท็บ ไฟล์และโฟลเดอร์ที่เชื่อถือได้ ให้แก้ไขรายการไฟล์และโฟลเดอร์ที่เชื่อถือได้:
    • หากต้องการเพิ่มไฟล์หรือโฟลเดอร์ไปยังรายการ:
      1. คลิก

        กล่องโต้ตอบที่คุณสามารถเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์จะเปิดขึ้น

      2. เลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่คุณต้องการเพิ่ม
      3. คลิก เปิด
    • หากต้องการลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ออกจากรายการ:
      1. เลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่คุณต้องการลบออกจากรายการไฟล์และโฟลเดอร์ที่เชื่อถือได้
      2. คลิก
  4. คลิก ตกลง

เพิ่ม/ลบที่อยู่เว็บที่เชื่อถือได้ ไปยัง/ออกจากรายการที่อยู่เว็บที่เชื่อถือได้

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ ภัยคุกคาม ในส่วน การละเว้น ให้คลิก โซนที่เชื่อถือได้

    หน้าต่างการตั้งค่าโซนที่เชื่อถือได้จะเปิดขึ้น

  3. ในแท็บ ที่อยู่เว็บที่เชื่อถือได้ ให้แก้ไขรายการที่อยู่เว็บที่เชื่อถือได้:
    • หากต้องการเพิ่มที่อยู่เว็บไปยังรายการ:
      1. คลิก
      2. ป้อนที่อยู่เว็บที่คุณต้องการเพิ่มเข้าไปในรายการ
      3. คลิก ตกลง
    • หากต้องการลบที่อยู่เว็บออกจากรายการ:
      1. เลือกที่อยู่เว็บที่คุณต้องการลบออก
      2. คลิก
  4. คลิก ตกลง

ตามค่าเริ่มต้น รายการที่อยู่เว็บที่เชื่อถือได้จะว่างเปล่า

เปิดใช้งานการตรวจสอบที่อยู่เว็บที่เชื่อถือได้

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ ภัยคุกคาม ในส่วน การละเว้น ให้คลิก โซนที่เชื่อถือได้

    หน้าต่างการตั้งค่าโซนที่เชื่อถือได้จะเปิดขึ้น

  3. ในแท็บ ที่อยู่เว็บที่เชื่อถือได้ ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายถัดจากที่อยู่เว็บที่คุณต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจสอบ
  4. คลิก ตกลง
ด้านบนของหน้า

[Topic 58390]

การสแกน

File Anti-Virus และการเรียกดูอย่างปลอดภัย ให้การป้องกันคอมพิวเตอร์ตามเวลาจริง แต่เราขอแนะนำให้คุณสแกนคอมพิวเตอร์เป็นประจำเพื่อค้นหาไวรัสและภัยคุกคามความปลอดภัยแบบอื่น ๆ ในคอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องสแกนคอมพิวเตอร์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของมัลแวร์ที่อยู่นอกเหนือการค้นหาของส่วนประกอบการป้องกัน

แอปพลิเคชัน Kaspersky มีการสแกนที่มาพร้อมกับแอปต่อไปนี้:

  • สแกนทั้งระบบ

    การสแกนไวรัสจากหน่วยความจำ อ็อบเจ็กต์เริ่มต้น และดิสก์ภายในทั้งหมดของคอมพิวเตอร์

  • สแกนแบบเร็ว

    การสแกนไวรัสจากเฉพาะบริเวณที่สำคัญของคอมพิวเตอร์: หน่วยความจำ อ็อบเจ็กต์เริ่มต้น และโฟลเดอร์ระบบ

  • การสแกนแบบปรับแต่งเอง

    การสแกนไวรัสจากออบเจ็กต์ที่ระบุ (ไฟล์ โฟลเดอร์ ดิสก์ภายใน หรือดิสก์แบบถอดได้)

  • การสแกนดิสก์ภายนอก

    การสแกนไวรัสจากดิสก์ภายนอกที่ดำเนินการเมื่อมีการเชื่อมต่อดิสก์ภายนอกเข้ากับคอมพิวเตอร์

เมื่อแอปพลิเคชันทำการสแกน แอปจะจำแนกออบเจ็กต์ที่เป็นอันตรายได้ด้วยการวิเคราะห์ลายเซ็น นอกจากการวิเคราะห์ลายเซ็นแล้ว แอปพลิเคชัน Kaspersky ยังใช้การการวิเคราะห์เรียนรู้และเทคโนโลยีการสแกนอื่นๆ อีกด้วย

เริ่มการสแกนแบบเต็มและการสแกนด่วน

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก สแกน

    หน้าต่างสแกนจะเปิด

  2. ในหน้าต่าง สแกน คลิก เริ่มการสแกนเต็มรูปแบบ หรือ เริ่มต้นการสแกนอย่างรวดเร็ว

เริ่มทำการสแกนแล้ว

คุณยังสามารถเรียกใช้การสแกนแบบเต็มหรือการสแกนด่วนบน My Kaspersky ได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการสแกนคอมพิวเตอร์บน My Kaspersky โปรดดูที่ความช่วยเหลือ My Kaspersky

เริ่มการสแกนที่กำหนดเอง

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก สแกน

    หน้าต่างสแกนจะเปิด

  2. หากต้องการเริ่ม การสแกนแบบปรับแต่งเอง ให้ลากไฟล์หรือโฟลเดอร์ไปยังเลือกไฟล์และโฟลเดอร์เพื่อสแกน หรือลากลงมาที่หน้าต่างนี้หรือคลิกที่เลือกแล้วเปิดไฟล์หรือโฟลเดอร์

เริ่มทำการสแกนแล้ว

หยุดการสแกน

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก สแกน

    หน้าต่างสแกนจะเปิด

  2. ในหน้าต่าง สแกน คลิก หยุด ด้านข้างการสแกนที่คุณต้องการหยุด

    กล่องโต้ตอบยืนยันจะเปิดขึ้น

  3. ในกล่องยืนยันการดำเนินการ คลิก หยุด

หยุดทำการสแกนแล้ว

คุณสามารถกำหนดเวลาให้งานสแกนแบบเต็มหรือสแกนด่วนได้

กำหนดเวลาให้งานสแกนจากหน้าต่างสแกน

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก สแกน

    หน้าต่างสแกนจะเปิด

  2. คลิก กำหนดเวลาสแกน

    กล่องข้อความจะเปิดขึ้นมาให้คุณตั้งกำหนดเวลาได้

  3. เลือกช่องทำเครื่องหมายสแกนทั้งระบบหรือสแกนแบบเร็ว
  4. ระบุความถี่ของการสแกนและเวลาเริ่มต้นสแกน
  5. คลิก ตกลง

กำหนดเวลาให้งานสแกนจากหน้าต่างการตั้งค่า

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บสแกน ให้คลิกที่กำหนดเวลา
  3. ในหน้าต่างที่เปิดขึ้น เลือกช่องทำเครื่องหมายถัดจากชื่อของการสแกนที่คุณต้องการเริ่มในกำหนดเวลา
  4. กำหนดค่าความถี่และเวลาในการสแกน
  5. คลิกตกลงเพื่อบันทึกความเปลี่ยนแปลงที่ดำเนินการไปยังกำหนดการการสแกน

เมื่อเชื่อมต่อดิสก์ภายนอกเข้ากับคอมพิวเตอร์แอปพลิเคชัน Kaspersky สามารถเริ่มต้นสแกนดิสก์อัตโนมัติ แจ้งให้สแกน หรือไม่ดำเนินการใดๆ คุณสามารถเลือกตัวเลือกข้อใดข้อหนึ่งในการตั้งค่าของงานการสแกนดิสก์ภายนอก

เลือกการดำเนินการที่จะให้แอปพลิเคชัน Kaspersky ดำเนินการเมื่อมีการเชื่อมต่อดิสก์ภายนอกเข้ากับคอมพิวเตอร์

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บสแกน ในรายการทางด้านซ้าย ให้เลือกงานการสแกนดิสก์ภายนอก
  3. ในส่วนเมื่อเชื่อมต่อกับดิสก์ภายนอก ให้เลือกการดำเนินการที่จะให้แอปพลิเคชัน Kaspersky ดำเนินการเมื่อมีการเชื่อมต่อดิสก์ภายนอก

การสแกนแบบเต็มและสแกนด่วนมีการกำหนดขอบเขตการสแกนไว้อยู่แล้ว ขณะที่ทำการสแกนแบบเต็ม แอปพลิเคชัน Kaspersky จะสแกนหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ ออบเจ็กต์ที่เริ่มต้นเมื่อเปิดระบบและดิสก์ภายในทั้งหมด ขณะที่ทำการสแกนด่วน แอปพลิเคชันจะสแกนหน่วยความจำคอมพิวเตอร์ ออบเจ็กต์ที่เริ่มต้นเมื่อเปิดระบบและโฟลเดอร์ระบบ คุณสามารถปรับเปลี่ยนขอบเขตการสแกนของการสแกนด่วนได้

หมายเหตุ: คุณสามารถข้ามการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียวได้ เพื่อลดเวลาที่ใช้ในการสแกนได้อย่างมีนัยสำคัญ ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชันจะไม่สแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียวขณะที่ดำเนินงานสแกนด่วน แต่จะสแกนไดรฟ์ข้อมูลดังกล่าวขณะที่ดำเนินงานสแกนแบบเต็ม

เปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านเท่านั้น

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บสแกนในรายการทางด้านซ้าย ให้เลือกสแกนทั้งระบบหรือสแกนแบบเร็ว
  3. ในส่วน การเพิ่มประสิทธิภาพ ให้เว้น/เลือกช่องทำเครื่องหมาย ข้ามการสแกนข้อมูลไดรฟ์ระบบสำหรับอ่านเท่านั้น

    สำคัญ: อาจไม่มีการเปิดใช้งานการเพิ่มประสิทธิภาพเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

เพิ่ม/ลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ไปที่/จากขอบเขตการสแกนของการสแกนด่วน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บ สแกน ในรายการทางด้านซ้าย ให้เลือกงาน สแกนแบบเร็ว
  3. ในส่วน ขอบเขตการสแกน คลิก แก้ไข

    หน้าต่างที่มีรายการวัตถุในขอบเขตการสแกนของการสแกนด่วนจะเปิดขึ้นมา

  4. แก้ไขรายการวัตถุในขอบเขตการสแกน:
    • เพิ่มไฟล์หรือโฟลเดอร์ไปที่ขอบเขตการสแกนของการสแกนด่วน:
      1. คลิก

        เมนูป๊อปอัปที่คุณสามารถเลือกวัตถุที่จะเพิ่มเข้าไปในขอบเขตการสแกนจะปรากฏขึ้น

      2. เลือก ไฟล์และโฟลเดอร์

        กล่องโต้ตอบที่คุณสามารถเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์จะเปิดขึ้น

      3. เลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่คุณต้องการเพิ่มเข้าไปในขอบเขตการสแกนของการสแกนด่วน
      4. คลิก เปิด
    • ลบไฟล์หรือโฟลเดอร์จากขอบเขตการสแกนของการสแกนด่วน
      1. เลือกวัตถุที่คุณต้องการลบออก
      2. ลากวัตถุที่เลือกจากหน้าต่างหรือคลิก
  5. คลิก บันทึก

เพิ่มวัตถุบนรายการเริ่มต้นของการสแกนด่วนเข้าไปในขอบเขตการสแกนของการสแกนด่วน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บ สแกน ในรายการทางด้านซ้าย ให้เลือก สแกนแบบเร็ว
  3. ในส่วน ขอบเขตการสแกน คลิก แก้ไข

    หน้าต่างที่มีรายการวัตถุในขอบเขตการสแกนของการสแกนด่วนจะเปิดขึ้นมา

  4. คลิก

    เมนูป๊อปอัปที่คุณสามารถเลือกวัตถุที่จะเพิ่มเข้าไปในขอบเขตการสแกนจะปรากฏขึ้น

  5. เลือกวัตถุที่คุณต้องการเพิ่มเข้าไปในขอบเขตการสแกน (เช่น หน่วยความจำ)
  6. คลิก บันทึก

ปิดใช้งานการป้องกันของวัตถุในขอบเขตการสแกนของการสแกนด่วน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บ สแกน ในรายการทางด้านซ้าย ให้เลือก สแกนแบบเร็ว
  3. ในส่วน ขอบเขตการสแกน คลิก แก้ไข

    หน้าต่างรายการวัตถุในขอบเขตการสแกนจะปรากฏขึ้น

  4. ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายถัดจากอ็อบเจ็กต์ที่คุณไม่ต้องการสแกนเมื่อดำเนินการสแกนด่วน
  5. คลิก บันทึก

หากมีการค้นพบภัยคุกคามในไฟล์ แอปพลิเคชันจะแสดงการแจ้งเตือนและดำเนินการตามที่ระบุไว้กับวัตถุดังกล่าว คุณสามารถปรับแต่งการดำเนินการเมื่อตรวจเจอวัตถุนั้นได้

เลือกการดำเนินการของแอปพลิเคชัน Kaspersky หลังจากตรวจพบไฟล์ที่ติดไวรัส

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บ สแกน เลือกการสแกนการจากรายการ
  3. ในส่วน การดำเนินการ เลือกการดำเนินการของแอปพลิเคชันหลังจากตรวจพบไฟล์ที่ติดไวรัส

ก่อนที่จะพยายามล้างการติดเชื้อหรือลบไฟล์ที่ติดไวรัสแอปพลิเคชัน Kaspersky จะบันทึกสำเนาสำรองข้อมูลสำหรับการกู้คืนหรือการกำจัดไวรัสในภายหลัง ไฟล์สำเนาจะปรากฎใน การกักกัน คุณสามารถลองล้างการติดเชื้อในไฟล์นี้ได้ภายหลังโดยใช้ฐานข้อมูลป้องกันไวรัสที่อัปเดตแล้ว

ข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการสแกนและวัตถุที่ตรวจพบทั้งหมดจะบันทึกไว้ในรายงาน

หมายเหตุ: หากเกิดข้อผิดพลาดระหว่างดำเนินการสแกนไวรัส ให้เริ่มขั้นตอนใหม่อีกครั้ง หากทำการสแกนครั้งใหม่แล้วยังเกิดข้อผิดพลาด ให้ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky

อ่านรายงานการสแกน

  1. ในแถบเมนูเลือก การป้องกัน > รายงาน

    หน้าต่าง รายงาน จะปิดขึ้น

  2. เปิดแท็บ สแกน

ข้อมูลบอกความคืบหน้าของแต่ละการสแกน (เปอร์เซ็นต์ส่วนที่เสร็จแล้วและเวลาที่เหลือ) จะแสดงอยู่ในหน้าต่าง สแกน

ด้านบนของหน้า

[Topic 88075]

ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย

แอปพลิเคชัน Kaspersky ป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณจากการโจมตีเครือข่าย

การโจมตีเครือข่าย คือการพยายามบุกรุกเข้ามาในระบบปฏิบัติการจากคอมพิวเตอร์อีกเครื่องในระยะไกล อาชญากรพยายามโจมตีเครือข่ายเพื่อควบคุมระบบปฏิบัติการ ทำให้ระบบปฏิบัติการใช้งานไม่ได้ หรือเพื่อเข้าถึงข้อมูลละเอียดอ่อน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้ อาชญากรจะทำการโจมตีโดยตรง เช่น การสแกนพอร์ตและการโจมตีระบบโดยตรง หรือใช้มัลแวร์ที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ที่ถูกโจมตี

การโจมตีเครือข่ายแบ่งได้ตามประเภทต่อไปนี้:

  • การสแกนพอร์ต การโจมตีเครือข่ายประเภทนี้มักจะดำเนินการเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีเครือข่ายที่อันตรายกว่า ผู้บุกรุกสแกนพอร์ต UDP / TCP ที่ใช้บริการเครือข่ายในคอมพิวเตอร์เป้าหมาย และระบุช่องโหว่ของคอมพิวเตอร์เป้าหมายเพื่อการโจมตีเครือข่ายประเภทอื่นที่อันตรายยิ่งกว่า การสแกนพอร์ตยังช่วยให้ผู้บุกรุกระบุระบบปฏิบัติการในคอมพิวเตอร์เป้าหมาย และเลือกการโจมตีเครือข่ายที่เหมาะสมสำหรับระบบปฏิบัติการนั้น
  • การโจมตี DoS หรือการโจมตีเครือข่ายเพื่อให้ระบบใช้บริการไม่ได้ การโจมตีเครือข่ายดังกล่าวทำให้ระบบปฏิบัติการเป้าหมายไม่เสถียรหรือไม่สามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์

    มีการโจมตี DoS ประเภทหลัก ๆ ดังต่อไปนี้:

    • การส่งแพคเก็ตเครือข่ายที่ออกแบบมาเป็นพิเศษซึ่งคอมพิวเตอร์เป้าหมายไม่ได้คาดการณ์ไว้ และทำให้ระบบปฏิบัติการเป้าหมายทำงานผิดปกติหรือล้มเหลว
    • การส่งแพคเกจเครือข่ายจำนวนมากไปยังคอมพิวเตอร์ระยะไกลในช่วงเวลาสั้นๆ ทรัพยากรทั้งหมดของคอมพิวเตอร์เป้าหมายจะถูกใช้ในการประมวลผลแพคเก็ตเครือข่ายที่ส่งโดยผู้บุกรุก จึงทำให้คอมพิวเตอร์หยุดทำงานตามหน้าที่
  • การโจมตีบุกรุกเครือข่าย การโจมตีเครือข่ายดังกล่าวออกแบบมาเพื่อ "ปล้น" ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์เป้าหมาย การโจมตีนี้ถือเป็นประเภทการโจมตีเครือข่ายที่อันตรายที่สุด เพราะหากการโจมตีสำเร็จผู้บุกรุกจะสามารถควบคุมระบบปฏิบัติการทั้งหมดได้

    การโจมตีเครือข่ายประเภทนี้ใช้เมื่อผู้บุกรุกต้องการได้ข้อมูลที่เป็นความลับจากคอมพิวเตอร์ระยะไกล (เช่น หมายเลขบัตรธนาคารหรือรหัสผ่าน) หรือลักลอบใช้คอมพิวเตอร์ระยะไกลเพื่อวัตถุประสงค์ของตน (เช่น การโจมตีคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นจากคอมพิวเตอร์เครื่องนี้)

เปิด/ปิดใช้งานตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ การป้องกัน ในส่วน ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย เลือก/เว้นช่องทำเครื่องหมาย เปิดใช้งานตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย

คุณสามารถเปิดใช้งานตัวบล็อกการโจมตีเครือข่ายได้ในสถานะการป้องกัน การปิดใช้งานการป้องกันคอมพิวเตอร์หรือปิดใช้งานส่วนประกอบการป้องกัน จะทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณมีความเสี่ยงสูงที่จะติดไวรัส นี่คือสาเหตุที่สถานะการป้องกันจะแจ้งคุณเมื่อคุณปิดใช้งานการป้องกัน

สำคัญ: หากคุณปิดใช้งานตัวบล็อกการโจมตีเครือข่ายระบบจะไม่เปิดใช้งานเองโดยอัตโนมัติเมื่อ Kaspersky เริ่มทำงานอีกครั้งหรือหลังจากที่ระบบปฏิบัติการรีสตาร์ท คุณจะต้องเปิดใช้งานตัวบล็อกการโจมตีเครือข่ายอีกครั้งด้วยตนเอง

เมื่อแอปพลิเคชันตรวจพบกิจกรรมเครือข่ายที่เป็นอันตราย แอปพลิเคชัน Kaspersky จะเพิ่มที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์ที่โจมตีไปยังรายการคอมพิวเตอร์ที่บล็อกโดยอัตโนมัติ เว้นแต่คอมพิวเตอร์ที่โจมตีอยู่ในรายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้

แก้ไขรายการคอมพิวเตอร์ที่บล็อก

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ การป้องกัน ในส่วน ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย เลือกช่องทำเครื่องหมาย เปิดใช้งานตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย
  3. คลิก การตั้งค่า

    หน้าต่างที่มีรายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้และรายการคอมพิวเตอร์ที่บล็อกจะเปิดขึ้น

  4. เปิดแท็บ คอมพิวเตอร์ที่ถูกบล็อก
  5. หากคุณแน่ใจว่าคอมพิวเตอร์ที่ถูกบล็อกไม่ใช่ภัยคุกคามให้เลือกที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์ในรายการและคลิก ยกเลิกการบล็อก

    กล่องโต้ตอบยืนยันจะเปิดขึ้น

  6. ในกล่องโต้ตอบยืนยันให้เลือกหนึ่งในรายการต่อไปนี้:
    • หากคุณต้องการปลดบล็อกคอมพิวเตอร์นี้ ให้คลิก ยกเลิกการบล็อก

      แอปพลิเคชัน Kaspersky จะปลดบล็อกที่อยู่ IP นี้้

    • หากคุณไม่ต้องการให้แอปพลิเคชันบล็อกที่อยู่ IP ที่เลือกไว้อีก ให้คลิก ปลดบล็อกและละเว้น

      แอปพลิเคชัน Kaspersky จะปลดบล็อกที่อยู่ IP และเพิ่มเข้าไปในรายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้

  7. คลิก บันทึก

คุณสามารถสร้างและแก้ไขรายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่บล็อกที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์เหล่านี้โดยอัตโนมัติ แม้ว่าจะตรวจพบกิจกรรมเครือข่ายอันตรายจากคอมพิวเตอร์เหล่านี้

แก้ไขรายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ การป้องกัน ในส่วน ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย เลือกช่องทำเครื่องหมาย เปิดใช้งานตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย
  3. คลิก การตั้งค่า

    หน้าต่างที่มีรายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้และรายการคอมพิวเตอร์ที่บล็อกจะเปิดขึ้น

  4. เปิดแท็บ คอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือ
  5. แก้ไขรายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้:
    • เพิ่มที่อยู่ IP ลงในรายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้:
      1. คลิก
      2. ในช่องที่ปรากฏขึ้นให้ป้อนที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์ที่คุณเชื่อถือว่าปลอดภัย
    • หากต้องการลบที่อยู่ IP ออกจากรายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้:
      1. ให้เลือกที่อยู่ IP ในรายการ
      2. คลิก
    • หากต้องการแก้ไขที่อยู่ IP ในรายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้:
      1. ให้เลือกที่อยู่ IP ในรายการ
      2. คลิก แก้ไข
      3. เปลี่ยนที่อยู่ IP
  6. คลิก บันทึก

เมื่อตรวจพบการโจมตีเครือข่าย แอปพลิเคชัน Kaspersky จะบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการโจมตีในรายงาน

หมายเหตุ: หากส่วนประกอบตัวบล็อกการโจมตีเครือข่ายหยุดทำงานจากข้อผิดพลาด คุณสามารถดูรายงานและลองรีสตาร์ทส่วนประกอบ หากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข คุณสามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky

ดูรายงานตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย

  1. ในแถบเมนูเลือก การป้องกัน > รายงาน

    หน้าต่าง รายงาน จะปิดขึ้น

  2. เปิดแท็บ ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย
ด้านบนของหน้า

[Topic 143634]

ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

คุณสามารถตั้งเครือข่าย Wi-Fi ส่นตัวเป็นเครือข่ายในบ้านของคุณได้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ในหน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

หมายเหตุ: ฟังก์ชันการทำงานนี้พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

เปิดหน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

ในหน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม แอปพลิเคชันจะถามว่าคุณต้องการตั้งเครือข่าย Wi-Fi เป็นเครือข่ายในบ้านหรือไม่เมื่อคุณเข้าร่วมเครือข่าย Wi-Fi ส่วนตัว หากคุณไม่ได้ตั้งเครือข่ายในบ้านใดๆ ไว้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงการแจ้งเตือนด้วย

ตั้งเครือข่าย Wi-Fi เป็นเครือข่ายในบ้านในหน้าต่างตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

    หน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม จะเปิดขึ้น

  2. คลิกที่ใช่ นี่คือเครือข่ายในบ้านของฉัน

เครือข่ายที่เลือกจะกลายเป็นเครือข่ายในบ้านของคุณ

คุณสามารถทำให้แอปพลิเคชัน Kaspersky ลืมเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ได้เป็นเครือข่ายในบ้านของคุณอีกแล้วได้

หมายเหตุ: ฟังก์ชันการทำงานนี้พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

ลืมเครือข่ายในบ้านปัจจุบัน

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

    หน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม จะเปิดขึ้น

  2. ในบานหน้าต่างด้านบน ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เลือกเครือข่ายที่ต้องการแล้วคลิก
  3. ในกล่องข้อความที่เปิดขึ้น ให้คลิกที่ลืม

คุณสามารถอัปเดตรายการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านของคุณได้ด้วยตนเอง

ดูและอัปเดตรายการอุปกรณ์เครือข่ายในบ้าน

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

    หน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม จะเปิดขึ้น

  2. ดูรายการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านของคุณ
  3. ในบานหน้าต่างด้านบน ให้คลิกที่

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะอัปเดตรายการอุปกรณ์

หมายเหตุ: คุณยังสามารถดูรายการอุปกรณ์ที่พบในเครือข่ายในบ้านของคุณได้ในหน้า หน้าหลัก ของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก

หากอุปกรณ์ไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายของคุณอีกต่อไปแล้ว (ตัวอย่างเช่นโทรศัพท์เครื่องเก่าเป็นต้น) คุณสามารถลบอุปกรณ์นี้ออกจากรายการเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านของคุณได้

เปลี่ยนภาพอุปกรณ์

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

    หน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม จะเปิดขึ้น

  2. ในบานหน้าต่างด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้คลิกอุปกรณ์ในรายการ

    ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์จะปรากฏในบานหน้าต่างด้านขวาของหน้าต่าง

  3. ที่มุมบนขวา ให้คลิก แล้วเลือก เปลี่ยนรูปภาพ
  4. ในหน้าต่างที่เปิดขึ้น ให้เลือกรูปภาพสำหรับประเภทอุปกรณ์หรือหมวดหมู่ที่เลือก แล้วคลิก ตกลง

หมายเหตุ: คุณสามารถรีสโตร์ภาพเริ่มต้นได้โดยการคลิก รีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้น

เปลี่ยนชื่ออุปกรณ์

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

    หน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม จะเปิดขึ้น

  2. ในบานหน้าต่างด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้คลิกอุปกรณ์ในรายการ

    ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์จะปรากฏในบานหน้าต่างด้านขวาของหน้าต่าง

  3. ที่มุมบนขวา ให้คลิก แล้วเลือก เปลี่ยนชื่อ
  4. ป้อนชื่ออุปกรณ์ใหม่ในช่องชื่ออุปกรณ์

ลบอุปกรณ์ออกจากรายการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านของคุณ

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

    หน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม จะเปิดขึ้น

  2. ในบานหน้าต่างด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้คลิกอุปกรณ์ในรายการ

    ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์จะปรากฏในบานหน้าต่างด้านขวาของหน้าต่าง

  3. ที่มุมบนขวา ให้คลิก แล้วเลือก ลืมอุปกรณ์

อุปกรณ์ที่เลือกไว้จะหายไปจากรายการอุปกรณ์

หากคุณพบอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักในรายการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านของคุณ คุณสามารถบล็อกการเข้าถึงสำหรับอุปกรณ์ดังกล่าวได้

บล็อกการเข้าถึงเครือข่ายในบ้านของคุณจากอุปกรณ์ที่ไม่รู้จัก

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

    หน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม จะเปิดขึ้น

  2. คลิกที่อุปกรณ์ที่ไม่รู้จักในรายการ
  3. คัดลอกที่อยู่ MAC ของอุปกรณ์นี้
  4. เลือกเราเตอร์ของคุณในรายการ
  5. คลิกไปที่การตั้งค่าเราเตอร์

    หน้าต่างการตั้งค่าเราเตอร์จะเปิดขึ้น

  6. บล็อกอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักในการตั้งค่าเราเตอร์ของคุณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คู่มือของเราเตอร์

ปกป้องเครือข่าย Wi-Fi ของคุณ

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

    หน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม จะเปิดขึ้น

  2. เลือกเราเตอร์ของคุณในรายการ
  3. คลิกไปที่การตั้งค่าเราเตอร์

    หน้าต่างการตั้งค่าเราเตอร์จะเปิดขึ้น

  4. ตั้งรหัสผ่านที่รัดกุมเพื่อใช้งานเราเตอร์

    คุณสามารถเปลี่ยนรหัสผ่านให้รัดกุมกว่าเดิมได้

  5. ตั้งชื่อที่ไม่ซ้ำกัน (SSID) สำหรับเครือข่าย Wi-Fi ของคุณ

    การเลือกชื่อที่ไม่ซ้ำกันจะช่วยให้แยกแยะเครือข่ายของคุณได้

  6. ตั้งรหัสผ่านที่รัดกุมสำหรับเครือข่าย Wi-Fi ของคุณ

    หากไม่มีรหัสผ่าน ทุกคนจะสามารถเข้าถึงเครือข่าย Wi-Fi ที่บ้านคุณได้ รหัสผ่านที่รัดกุมจะปกป้องเครือข่าย Wi-Fi ของคุณจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากบุคลภายนอก

  7. ซ่อนเครือข่าย Wi-Fi ของคุณ

    ในส่วนการตั้งค่าเราเตอร์ คุณสามารถซ่อนชื่อเครือข่าย Wi-Fi ของคุณ เพื่อไม่ให้ถูกตรวจพบโดยปราศจากซอฟต์แวร์ที่ระบุ

  8. เปิดใช้งานการเข้ารหัส

    เราแนะนำให้คุณใช้การเข้ารหัสเครือข่าย Wi-Fi แบบ WPA2 (AES/CCMP)

  9. ปิดใช้งาน Wi-Fi Protected Setup (WPS).

    การปิดใช้งาน WPS จะช่วยปกป้องเครือข่าย Wi-Fi ของคุณจากการแฮก

  10. เปิดใช้งานการกรองที่อยู่ของ MAC

    คุณสามารถสร้างรายการที่อยู่ MAC ของอุปกรณ์ที่คุณเชื่อถือ และอนุญาตให้เชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi หรือบล็อกการเข้าถึงอุปกรณ์ที่ระบุตามที่อยู่ MAC

  11. ลดช่วงระยะของสัญญาณ

    ในส่วนการตั้งค่าเราเตอร์ คุณสามารถเปลี่ยนช่วงระยะของสัญญาณเครือข่าย Wi-Fi ของคุณ หากคุณใช้ Wi-Fi ในอพาร์ตเมนต์หรือออฟฟิศ เราแนะนำให้คุณลดช่วงระยะของสัญญาณ เพื่อให้มีการเข้าใช้เครือข่าย Wi-Fi ได้ภายในอพาร์ตเมนต์/สำนักงานเท่านั้น

  12. อัปเดตเฟิร์มแวร์ของเราเตอร์เพื่อเสริมความปลอดภัยของเครือข่าย Wi-Fi ของคุณ
ด้านบนของหน้า

[Topic 59231]

การกักกัน

บางครั้งก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บรักษาความสมบูรณ์ของไฟล์ไว้ในกระบวนการชำระล้าง หากไฟล์ที่ชำระล้างมีข้อมูลสำคัญซึ่งไม่สามารถเข้าถึงได้บางส่วนหรือทั้งหมดหลังจากชำระล้าง คุณสามารถพยายามจะรีสโตร์ไฟล์ดั้งเดิมได้จากสำเนาสำรองข้อมูลของไฟล์

สำเนาสำรองข้อมูลเป็นสำเนาของอ็อบเจ็กต์ที่เป็นอันตรายซึ่งสร้างขึ้นในพื้นที่กักกันเมื่อแอปพลิเคชัน Kaspersky ลบไวรัสออกจากออบเจ็กต์หรือลบออบเจ็กต์

การกักกันเป็นบริเวณจัดเก็บพิเศษที่มีสำเนาสำรองข้อมูลของไฟล์ที่ถูกลบหรือแก้ไขระหว่างการชำระล้าง หน้าที่หลักของพื้นที่กักกันคือเพื่อให้ผู้ใช้สามารถรีสโตร์ไฟล์ต้นฉบับได้ทุกเมื่อ ไฟล์ในพื้นที่กักกันจะถูกจัดเก็บในรูปแบบพิเศษ และไม่เป็นอันตรายสำหรับคอมพิวเตอร์

ดูอ็อบเจ็กต์ที่ถูกกักกัน

  1. ในแถบเมนู ให้เลือกการป้องกัน > วัตถุที่ตรวจพบ

    หน้าต่างวัตถุที่ตรวจพบจะเปิดขึ้น

  2. ในส่วนการกักกัน ดูรายการของอ็อบเจ็กต์ที่กักกันไว้

คุณสามารถรีสโตร์หรือลบสำเนาสำรองข้อมูลของไฟล์จากพื้นที่กักกันได้

รีสโตร์/ลบสำเนาสำรองข้อมูลของไฟล์

  1. ในแถบเมนู ให้เลือกการป้องกัน > วัตถุที่ตรวจพบ

    หน้าต่างวัตถุที่ตรวจพบจะเปิดขึ้น

  2. ในส่วนการกักกัน ให้คลิก ซึ่งอยู่ถัดจากสำเนาข้อมูลสำรองของไฟล์ที่คุณต้องการรีสโตร์หรือลบทิ้ง

    เมนูป็อปอัปจะปรากฏขึ้น

  3. เลือกหนึ่งในรายการต่อไปนี้:
    • หากต้องการรีสโตร์ไฟล์จากสำเนาสำรองข้อมูล ให้เลือกกู้คืนไฟล์
    • หากต้องการลบสำเนาสำรองข้อมูลของไฟล์ ให้เลือกลบสำเนาที่ถูกกักเก็บไว้

สำคัญ: เราแนะนำไม่ให้คุณรีสโตร์สำเนาสำรองข้อมูลของไฟล์ เว้นแต่การกู้ไฟล์เหล่านั้นคืนจะจำเป็นอย่างที่สุด เนื่องจากการทำเช่นนั้นอาจนำไปสู่การติดไวรัสคอมพิวเตอร์ได้

ลบสำเนาสำรองข้อมูลของไฟล์ทั้งหมด

  1. ในแถบเมนู ให้เลือกการป้องกัน > วัตถุที่ตรวจพบ

    หน้าต่างวัตถุที่ตรวจพบจะเปิดขึ้น

  2. ในส่วนการกักกัน ให้คลิกที่ลบทั้งหมด

ตามค่าเริ่มต้น ไฟล์จะถูกจัดเก็บในการกักกันเป็นเวลา 30 วัน หลังจาก 30 วันแล้ว ไฟล์จะถูกลบ คุณสามารถเปลี่ยนระยะเวลาสูงสุดสำหรับการจัดเก็บไฟล์ในการกักกัน หรือปลดขีดจำกัดไปเลยก็ได้

กำหนดค่าระยะเวลาจัดเก็บไฟล์ในการกักกัน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บภัยคุกคาม ในส่วนการกักกัน ให้ทำหนึ่งในสิ่งต่อไปนี้:
    • หากต้องการปลดขีดจำกัดระยะเวลาจัดเก็บ ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายลบอ็อบเจ็กต์ที่กักกันหลังจาก <number> วัน
    • หากต้องการเปลี่ยนระยะเวลาจัดเก็บไฟล์ไว้ในการกักกันสูงสุด ให้ป้อนจำนวนวันลงในช่องจำนวนของช่องทำเครื่องหมายลบอ็อบเจ็กต์ที่กักกันหลังจาก <number> วัน
ด้านบนของหน้า

[Topic 58397]

การอัปเดตฐานข้อมูล

อัปเดตฐานข้อมูลแอปพลิเคชันให้ตรงเวลา ช่วยรับประกันได้ว่าคอมพิวเตอร์ของคุณได้รับการป้องกันอยู่เสมอ File Anti-Virus, การเรียกดูอย่างปลอดภัย และงานสแกนไวรัส ใช้ฐานข้อมูลแอปพลิเคชันในการตรวจค้นและกำจัดไวรัสและมัลแวร์อื่น ๆ ในคอมพิวเตอร์ของคุณ ปกติแล้วฐานข้อมูลแอปพลิเคชันจะมีการอัปเดตภัยคุกคามชนิดใหม่และวิธีการกำจัดภัยคุกคามเหล่านั้น การอัปเดตฐานข้อมูลของคุณเป็นประจำจึงสำคัญมาก

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะดาวน์โหลดฐานข้อมูลแอปพลิเคชัน โมดูลของแอปพลิเคชัน และแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่จากเซิร์ฟเวอร์อัปเดตของ Kaspersky และติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์ของคุณ

หมายเหตุ: จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เพื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์อัปเดตและดาวน์โหลดอัปเดต

ดาวน์โหลดอัปเดตฐานข้อมูลแอปพลิเคชันได้ด้วยวิธีการดังนี้:

  • แบบอัตโนมัติ แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์อัปเดตของ Kaspersky เป็นประจำ หากมีอัปเดตใหม่ในเซิร์ฟเวอร์อัปเดต แอปพลิเคชันจะดาวน์โหลดอัปเดตนี้ในเบื้องหลังแล้วติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์ของคุณ ตัวเลือกนี้เปิดใช้งานตามค่าเริ่มต้น
  • ด้วยตนเอง คุณสามารถตรวจสอบอัปเดตของแอปพลิเคชัน Kaspersky ด้วยตนเองได้ทุกเวลา

เปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการดาวน์โหลดการอัปเดตฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน Kaspersky อัตโนมัติ

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บอัปเดต ในส่วนฐานข้อมูล ให้เลือก/ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายดาวน์โหลดอัปเดตอัตโนมัติ

ตรวจสอบอัปเดตฐานข้อมูลแอปพลิเคชัน Kaspersky

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การอัปเดตฐานข้อมูล

    หน้าต่าง การอัปเดตฐานข้อมูล จะเปิดขึ้นมา

  2. คลิก อัปเดต

แอปพลิเคชันกำลังเริ่มต้นอัปเดตฐานข้อมูล

คุณยังสามารถเริ่มต้นการอัปเดตได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้:

  • คลิกที่ไอคอนแอปพลิเคชันแล้วเลือกอัปเดตฐานข้อมูล
  • ในแถบเมนู ให้เลือกการป้องกัน > อัปเดตฐานข้อมูล

คุณสามารถเรียกใช้การอัปเดตแอปพลิเคชันได้ที่ My Kaspersky สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอัปเดตแอปพลิเคชันบน My Kaspersky โปรดดูที่ความช่วยเหลือ My Kaspersky

คุณสามารถเลือกติดตั้งแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่ได้โดยอัตโนมัติ รับการแจ้งเตือนเมื่อมีเวอร์ชันใหม่หรือยกเลิกการติดตั้งเวอร์ชันใหม่

เลือกการดำเนินการเมื่อแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่พร้อมใช้งาน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บ อัปเดต ในส่วน เวอร์ชันใหม่ เลือกการดำเนินการของแอปพลิเคชัน Kaspersky เมื่อมีแอปพลิเคชันเวอร์ชันที่ใหม่กว่าพร้อมใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์อัปเดตของ Kaspersky

ตรวจค้นหาแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่ได้ด้วยตนเอง

  1. ในแถบเมนู ให้เลือก Kaspersky> ตรวจสอบเวอร์ชันใหม่

    สถานะการป้องกันเปิดขึ้น ถ้าแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่สามารถเข้าถึงได้แล้วบนเซิร์ฟเวอร์อัปเดตของ Kaspersky จะมีปุ่ม ดาวน์โหลด ปรากฏขึ้น

  2. คลิก ดาวน์โหลด

    เมื่อแอปพลิเคชันดาวน์โหลดเวอร์ชันล่าสุดแล้ว ปุ่ม ดาวน์โหลด จะกลายเป็น ติดตั้ง

  3. คลิก ติดตั้ง

ตัวช่วยติดตั้งจะเปิดขึ้นมา ทำตามขั้นตอนของตัวช่วยติดตั้งเพื่อติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky เวอร์ชันใหม่

นอกจากนี้ คุณยังสามารถตรวจหาแอปพลิเคชัน Kaspersky เวอร์ชันใหม่ได้โดยการคลิกที่ตรวจสอบเวอร์ชันใหม่บนแท็บอัปเดตของหน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชัน

ระหว่างการอัปเดต เวอร์ชันและฐานข้อมูลแอปพลิเคชันจะถูกเปรียบเทียบกับรุ่นที่ปัจจุบันสามารถเข้าถึงได้บนเซิร์ฟเวอร์อัปเดต หากฐานข้อมูลเวอร์ชันล่าสุดติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว หน้าต่าง อัปเดต จะแสดงข้อความบอกว่าทำการอัปเดตฐานข้อมูลแอปพลิเคชันให้แล้วเรียบร้อย หากฐานข้อมูลแอปพลิเคชันแตกต่างจากรุ่นที่ปัจจุบันสามารถเข้าถึงได้บนเซิร์ฟเวอร์อัปเดต จะทำการดาวน์โหลดและติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของคุณเฉพาะส่วนประกอบการอัปเดตที่ขาดไปเท่านั้น อัปเดตส่วนที่เพิ่มขึ้นของฐานข้อมูลแอปพลิเคชันจะใช้เวลาและการเข้าชมเว็บน้อยลง

แอปพลิเคชัน Kaspersky จัดทำรายงานโดยละเอียดเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการอัปเดตในหน้าต่าง รายงาน

อ่านรายงานการอัปเดต

  1. ในแถบเมนูเลือก การป้องกัน > รายงาน
  2. หน้าต่าง รายงาน จะปิดขึ้น
  3. เปิดแท็บการอัปเดตฐานข้อมูล
ด้านบนของหน้า

[Topic 203269]

ประสิทธิภาพ

หากอุปกรณ์ของคุณทำงานช้าลงหรือค้าง คุณมีเพื่อนแล้ว บางครั้งแอปจะไม่เปิดขึ้นหรือเบราว์เซอร์จะไม่ตอบสนองในเวลาที่สำคัญ สิ่งนี้อาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ รับประกันการทำงานที่เสถียรของอุปกรณ์ของคุณเป็นเวลาหลายปี

ในส่วนนี้

การตรวจสอบติดตามสุขภาพฮาร์ดดิสก์

ด้านบนของหน้า

[Topic 166183]

การตรวจสอบติดตามสุขภาพฮาร์ดดิสก์

ฮาร์ดดิสก์ของเครื่อง Mac ของคุณจะจัดเก็บไฟล์ระบบปฏิบัติการและไฟล์ของคุณ ยิ่งคุณใช้เครื่อง Mac ของคุณนาน ฮาร์ดดิสก์ของเครื่องก็จะยิ่งเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่การทำให้คอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพที่ลดลง ระบบล่ม และข้อมูลสูญหายได้

หมายเหตุ: ฟังก์ชันการทำงานนี้พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

แอปพลิเคชัน Kaspersky ใช้เทคโนโลยี S.M.A.R.T. เพื่อตรวจจับและรายงานการล้มเหลวของดิสก์ที่จะอาจจะเกิดขึ้น ทำให้คุณดำเนินการเพื่อป้องกันข้อมูลไม่ให้สูญหายและรักษาความสมบูรณ์ของข้อมูลเอาไว้ได้

สำคัญ: ใน macOS 11.0 หรือใหม่กว่า แอปพลิเคชัน Kaspersky ไม่สามารถตรวจสอบสภาพดิสก์ภายนอกของคุณได้

เปิดหน้าต่างการตรวจสอบติดตามสุขภาพฮาร์ดดิสก์

ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การตรวจสอบสุขภาพ HD

คุณสามารถปิดการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ใน Mac ของคุณอัตโนมัติได้ ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชัน Kaspersky จะตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ Mac ของคุณสัปดาห์ละครั้ง

ปิดการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์อัตโนมัติ

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บสุขภาพ HD ในส่วนสุขภาพ HD ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายตรวจสุขภาพ HD เป็นระยะ

บานหน้าต่างด้านซ้ายของหน้าต่างการตรวจสอบติดตามสุขภาพฮาร์ดดิสก์จะแสดงรายการฮาร์ดดิสก์ของเครื่อง Mac ของคุณ บานหน้าต่างด้านขวาของหน้าต่างจะแสดงพารามิเตอร์พื้นฐานของฮาร์ดดิสก์ที่เลือกไว้ซึ่งสนับสนุนเทคโนโลยี S.M.A.R.T. คุณสามารถดูรายงานโดยละเอียดเกี่ยวกับพารามิเตอร์ทั้งหมดที่มีได้

เปิดรายงานโดยละเอียดสำหรับฮาร์ดดิสก์ที่เลือก

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การตรวจสอบสุขภาพ HD

    หน้าต่าง การตรวจสอบติดตามสุขภาพฮาร์ดดิสก์ จะเปิดขึ้น

  2. เลือกฮาร์ดดิสก์ที่สนับสนุนเทคโนโลยี S.M.A.R.T.
  3. ในบานหน้าต่างด้านขวา ให้คลิกที่รายละเอียด

รายงานโดยละเอียดจะเปิดขึ้น

สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับพารามิเตอร์ S.M.A.R.T. ที่ใช้ในการวิเคราะห์ฮาร์ดดิสก์ Mac ของคุณ โปรดดูที่เว็บไซต์ของฝ่ายบริการลูกค้า (ฐานความรู้)

แอปพลิเคชัน Kaspersky ไม่สามารถใช้เทคโนโลยี S.M.A.R.T. เพื่อตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ Mac ของคุณได้เนื่องด้วยเหตุผลดังกรณีต่อไปนี้:

  • ฮาร์ดดิสก์ของคุณไม่รองรับเทคโนโลยี S.M.A.R.T.
  • ฮาร์ดดิสก์ของคุณไม่ได้เปิดใช้งานคุณลักษณะ S.M.A.R.T.
  • แอปพลิเคชันไม่รองรับตัวควบคุมดิสก์ USB ประเภทนี้
  • แอปพลิเคชันไม่รองรับประเภทของดิสก์ที่เชื่อมต่อ
  • ฮาร์ดดิสก์ถูกยกเลิกการเชื่อมต่อ

หากแอปพลิเคชัน Kaspersky แจ้งให้คุณทราบว่าฮาร์ดดิสก์ของคุณอยู่ในสภาพวิกฤติเนื่องจากการเสื่อมสภาพ คุณอาจต้องการสร้างสำเนาสำรองข้อมูลเพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียข้อมูลของคุณ

เปิด Time Machine เพื่อสำรองข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การตรวจสอบสุขภาพ HD

    หน้าต่าง การตรวจสอบติดตามสุขภาพฮาร์ดดิสก์ จะเปิดขึ้น

  2. เลือกฮาร์ดดิสก์ที่อยู่ในสภาพวิกฤติ
  3. ในแผงทางขวา ให้คลิก ป้องกันการสูญเสียข้อมูล
  4. ในกล่องโต้ตอบที่เปิดขึ้น ให้คลิก เปิดการตั้งค่า Time Machine

เปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ Mac ของคุณโดยไม่ทำให้ข้อมูลของคุณสูญหาย

  1. สร้างสำเนาสำรองของไฟล์คุณ และบันทึกไว้ที่ฮาร์ดดิสก์ภายนอกโดยใช้ Time Machine
  2. แทนที่ดิสก์ที่เสียหายด้วยดิสก์ใหม่
  3. ย้ายไฟล์จากที่สำรองข้อมูลไปยังดิสก์ใหม่โดยใช้ผู้ช่วยการโยกย้าย สำหรับข้อมูลโดยละเอียด โปรดดูที่ เว็บไซต์บริการช่วยเหลือของ Apple

ไฟล์ต่าง ๆ จะพร้อมใช้งานในฮาร์ดดิสก์ใหม่

ด้านบนของหน้า

[Topic 226949]

ความเป็นส่วนตัว

ทุกวันนี้มีการละเมิดข้อมูลจำนวนมหาศาล นักการตลาดติดตามทุกย่างก้าวของคุณทางออนไลน์ — สิ่งกวนใจทางดิจิทัลนั้นมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณกลายเป็นสิ่งสำคัญ เรียนรู้วิธีที่แอปพลิเคชัน Kaspersky ปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณทางออนไลน์ เพื่อให้คุณสามารถจัดการและควบคุมร่องรอยดิจิทัลของคุณได้

ในส่วนนี้

Safe Money

การป้องกันความเป็นส่วนตัว

การตรวจจับ Stalkerware

ตรวจสอบบัญชี

ตัวควบคุมเว็บ

การเชื่อมต่อที่ปลอดภัยกับเครือข่าย Wi-Fi

การป้องกันรหัสผ่านและข้อมูลละเอียดอ่อนของคุณ

ด้านบนของหน้า

[Topic 85291]

Safe Money

Safe Money ตรวจสอบความถูกต้องของระบบชำระเงินออนไลน์ที่รู้จักและเว็บไซต์ธนาคาร รายการระบบชำระเงินออนไลน์ที่รู้จักและเว็บไซต์ธนาคารที่ผ่านการอัปเดตเป็นส่วนหนึ่งของฐานข้อมูลแอปพลิเคชัน

เมื่อคุณเปิดเว็บไซต์ธนาคารซึ่งมีใบรับรองหรือที่อยู่เว็บที่ไม่น่าไว้ใจ Kaspersky จะแสดงข้อความในหน้าเบราเซอร์ของคุณว่าการเข้าสู่เว็บไซต์นั้นไม่ปลอดภัย เมื่อคุณติดตั้งส่วนขยายของ Kaspersky Security แล้ว แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงข้อความแจ้งเตือนว่าเว็บไซต์เชื่อถือได้หรือไม่

เปิด/ปิดใช้งาน Safe Money

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บการป้องกันในส่วน Safe Money เลือก/ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายเปิดใช้งาน Safe Money

หากคุณเชื่อว่ามีบางเว็บไซต์ที่ไม่ได้รวมอยู่ในระบบป้องกัน Safe Money หรือต้องการระบบป้องกัน Safe Money บนเว็บไซต์ที่ไม่รวมอยู่ในกลุ่ม "ระบบชำระเงินและเว็บไซต์ธนาคาร" คุณสามารถเพิ่มลงไปในระบบป้องกันได้ด้วยตนเอง

เพิ่ม/ลบเว็บไซต์ของธนาคาร ระบบการชำระเงิน หรือร้านค้าออนไลน์ในระบบป้องกัน Safe Money ด้วยตนเอง

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ การป้องกัน ในส่วน Safe Money คลิก เว็บไซต์ของฉัน

    เมื่อเปิดแล้ว หน้าต่างจะแสดงรายการเว็บไซต์ที่คุณเพิ่มลงไปในระบบป้องกัน Safe Money ด้วยตนเอง

  3. ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อไปนี้:
    • เพิ่มเว็บไซต์ลงในระบบป้องกัน Safe Money ด้วยการ คลิก และป้อนที่อยู่เว็บไซต์

      หมายเหตุ: คุณสามารถเพิ่มเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อกับระบบ HTTPS ได้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส (HTTPS) ก็ต่อเมื่อได้ทำการเลือกช่องทำเครื่องหมายตรวจสอบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (HTTPS) สำหรับ <ชื่อส่วนประกอบ> ในส่วนทั่วไปบนแท็บการป้องกันเท่านั้น

    • ลบเว็บไซต์ออกจากระบบป้องกัน Safe Money ด้วยการเลือกที่อยู่เว็บไซต์ในรายการแล้วคลิก
  4. คลิก บันทึก

สำคัญ: ข้อความแจ้งเตือนของ Safe Money จะแสดงผลในเบราเซอร์ที่ติดตั้งส่วนขยายของ Kaspersky Protection แล้วเท่านั้น

หากแอปพลิเคชัน Kaspersky ไม่สามารถตรวจสอบใบรับรองของเว็บไซต์ได้

หากคุณได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับปัญหาการตรวจสอบยืนยันใบรับรองบนเว็บไซต์ หมายความว่าเว็บไซต์ที่คุณต้องการเปิดไม่ผ่านการตรวจสอบ เราไม่แนะนำให้เข้าสู่เว็บไซต์ดังกล่าว สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับปัญหานี้และสาเหตุของปัญหาการตรวจสอบยืนยันใบรับรองที่อาจเป็นไปได้ โปรดดูที่ เว็บไซต์ฝ่ายบริการลูกค้า (ฐานความรู้)

ด้านบนของหน้า

[Topic 112161]

การป้องกันความเป็นส่วนตัว

เปิดหน้าต่างการป้องกันความเป็นส่วนตัว

ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การปกป้องความเป็นส่วนตัว

ตรวจสอบบัญชี

หากคุณไม่มั่นใจว่าบัญชีของคุณในบางเว็บไซต์ปลอดภัยหรือไม่ คุณสามารถตรวจสอบได้โดยใช้แอปพลิเคชัน Kaspersky แอปพลิเคชันสามารถตรวจสอบได้ว่าบัญชีของคุณถูกบุกรุกและข้อมูลของคุณอยู่ในอันตรายจากการเปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่

ตรวจสอบว่าบัญชีของคุณถูกบุกรุกหรือไม่

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตรวจสอบบัญชี

    หน้าต่าง ตรวจสอบบัญชี จะเปิดขึ้น

  2. ป้อนที่อยู่อีเมลของคุณในช่อง ป้อนที่อยู่อีเมล
  3. คลิก ตรวจสอบ

ะบบป้องกันเว็บแคม

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณขณะที่เครื่อง Mac ของคุณกำลังทำงานอยู่ คุณสามารถบล็อกเว็บแคมของคุณเพื่อป้องกันไม่ให้แอปพลิเคชันใช้งานได้ เมื่อคุณเปิดใช้งานคุณสมบัตินี้ แอปพลิเคชันจะบล็อกการเข้าถึงไลบรารีของระบบที่เว็บแคมใช้ คุณสามารถดูตัวอย่างของแอปพลิเคชันที่ไม่สามารถเข้าถึงเว็บแคมของคุณเมื่อถูกแอปพลิเคชัน Kaspersky บล็อก รวมถึงรายการของเว็บแคมที่รองรับได้ในเว็บไซต์ของฝ่ายบริการลูกค้า (ฐานความรู้)

หมายเหตุ: การเข้าถึงสำหรับแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ติดตั้งในคอมพิวเตอร์ของคุณจะถูกบล็อก คุณไม่สามารถบล็อกการเข้าถึงเว็บแคมของคุณสำหรับแอปพลิเคชันที่เฉพาะเจาะจงได้

บล็อกเว็บแคม

  1. เปิดหน้า หน้าหลัก ของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. เปิดใช้งาน บล็อกเว็บแคม

แอปพลิเคชัน Kaspersky บล็อกเว็บแคมของคุณ

หมายเหตุ: คุณสามารถบล็อกเว็บแคมของคุณโดยการเปิดใช้งานระบบป้องกันเว็บแคมในหน้าต่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวเป็นส่วนตัวหรือเลือกบล็อกเว็บแคมในส่วนของเว็บแคมบนแท็บความเป็นส่วนตัวของหน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันได้เช่นกัน

หยุดการบล็อกเว็บแคม

  1. เปิดหน้า หน้าหลัก ของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. ปิดการใช้งาน บล็อกเว็บแคม

แอปพลิเคชัน Kaspersky หยุดบล็อกเว็บแคมของคุณ

หมายเหตุ: คุณสามารถปลดบล็อกเว็บแคมของคุณโดยการปิดใช้งานระบบป้องกันเว็บแคมในหน้าต่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวหรือเลือกอนุญาตเว็บแคมในส่วนของเว็บแคมบนแท็บความเป็นส่วนตัวของหน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันได้เช่นกัน

หมายเหตุ: หากแอปพลิเคชันที่คุณต้องการบล็อกกำลังทำงานอยู่ขณะที่คุณบล็อกเว็บแคม คุณจะต้องรีสตาร์ทแอปพลิเคชันนี้

การเรียกดูส่วนตัว

เพื่อเสริมการป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณ แอปพลิเคชัน Kaspersky มีคุณสมบัติการเรียกดูส่วนตัวซึ่งจะบล็อกไม่ให้เว็บไซต์ติดตามคุณ คุณยังสามารถเลือกหมวดหมู่ของเว็บไซต์ที่คุณต้องการบล็อกการติดตามได้อีกด้วย

หมายเหตุ: แอปพลิเคชันจะสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส (HTTPS) ก็ต่อเมื่อได้ทำการเลือกช่องทำเครื่องหมายตรวจสอบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (HTTPS) สำหรับ <ชื่อส่วนประกอบ> ในส่วนทั่วไปบนแท็บการป้องกันเท่านั้น

บล็อกการติดตามเว็บไซต์

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การปกป้องความเป็นส่วนตัว

    หน้าต่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวจะเปิดขึ้น

  2. เปิดใช้งาน การเรียกดูส่วนตัว

แอปพลิเคชัน Kaspersky เริ่มบล็อกเว็บไซต์ไม่ให้ติดตามกิจกรรมการท่องเว็บของคุณ

หมายเหตุ: คุณสามารถบล็อกการติดตามของเว็บไซต์โดยเลือกช่องทำเครื่องหมายบล็อกการติดตามเว็บไซต์ในส่วนของการเรียกดูส่วนตัวบนแท็บความเป็นส่วนตัวของหน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันได้เช่นกัน

หยุดการบล็อกกการติดตามเว็บไซต์

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การปกป้องความเป็นส่วนตัว

    หน้าต่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวจะเปิดขึ้น

  2. ปิดใช้งาน การเรียกดูส่วนตัว

แอปพลิเคชัน Kaspersky หยุดบล็อกเว็บไซต์ไม่ให้ติดตามกิจกรรมการเรียกดูของคุณ

เลือกหมวดหมู่ของเว็บไซต์ที่คุณต้องการบล็อกการติดตาม

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บความเป็นส่วนตัว บริเวณส่วนของการเรียกดูส่วนตัว ในรายการด้านล่างช่องทำเครื่องหมายบล็อกการติดตามเว็บไซต์ ให้เลือกช่องทำเครื่องหมายถัดจากหมวดหมู่ของเว็บไซต์ที่คุณต้องการบล็อกการติดตามกิจกรรม

เมื่อการติดตามเว็บไซต์ถูกบล็อก แอปพลิเคชัน Kaspersky จะบล็อกการติดตามกิจกรรมในเว็บไซต์ที่อยู่ในหมวดหมู่ที่เลือกไว้ และสังเกตการณ์การติดตามกิจกรรมในเว็บไซต์ที่อยู่ในหมวดหมู่ที่ไม่ได้เลือกไว้ เมื่ออนุญาตการติดตามเว็บไซต์ แอปพลิเคชันจะสังเกตการณ์เว็บไซต์ที่อยู่ในหมวดหมู่ที่เลือกไว้และที่ไม่ได้เลือกไว้เท่านั้น

คุณสามารถเพิ่มเว็บไซต์เข้ารายการข้อยกเว้นได้ เมื่อการติดตามเว็บไซต์ถูกบล็อก แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่บล็อกการติดตามกิจกรรมในเว็บไซต์ที่อยู่ในรายการข้อยกเว้น

เพิ่ม/ลบเว็บไซต์เข้า/ออกจากรายการข้อยกเว้น

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บความเป็นส่วนตัว ในส่วนการเรียกดูส่วนตัว ให้คลิกการยกเว้น

    หน้าต่างที่มีรายการข้อยกเว้นจะเปิดขึ้น

  3. แก้ไขรายการข้อยกเว้น:
    • หากต้องการเพิ่มเว็บไซต์เข้ารายการข้อยกเว้น:
      1. คลิก
      2. ป้อนที่อยู่เว็บของเว็บไซต์ที่คุณต้องการเพิ่มเข้าไปในรายการข้อยกเว้น
    • หากต้องการลบเว็บไซต์ออกจากรายการข้อยกเว้น:
      1. เลือกที่อยู่เว็บที่คุณต้องการลบออก
      2. คลิก
  4. คลิก บันทึก

ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่บล็อกการติดตามกิจกรรมในเว็บไซต์ของ Kaspersky และคู่ค้า คุณสามารถเปิดใช้งานการบล็อกการติดตามกิจกรรมในเว็บไซต์ของ Kaspersky และคู่ค้าด้วยตนเองได้

เปิดใช้งานการบล็อกเว็บไซต์ของ Kaspersky และคู่ค้า

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บความเป็นส่วนตัว ในส่วนการเรียกดูส่วนตัว ให้คลิกอื่นๆ

    หน้าต่างที่มีรายการเว็บไซต์ของ Kaspersky และคู่ค้าจะเปิดขึ้น

  3. ที่ด้านบนของหน้าต่าง ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายอย่าบล็อกการติดตามบนเว็บไซต์ของ Kaspersky และคู่ค้า

บางเว็บไซต์ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าไม่สามารถใช้งานร่วมกับคุณลักษณะของการเรียกดูส่วนตัวได้ ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่บล็อกการติดตามกิจกรรมในเว็บไซต์เหล่านั้น คุณสามารถเปิดใช้งานการบล็อกการติดตามกิจกรรมในเว็บไซต์ที่เป็นที่ทราบกันดีว่าไม่สามารถใช้งานร่วมกับคุณลักษณะของการเรียกดูส่วนตัวได้ด้วยตนเอง

เปิดใช้งานการบล็อกการติดตามในเว็บไซต์ที่เป็นที่ทราบดีว่าไม่สามารถใช้งานร่วมกับการเรียกดูส่วนตัวได้

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บความเป็นส่วนตัว ในส่วนการเรียกดูส่วนตัว ให้คลิกอื่นๆ

    หน้าต่างที่มีรายการเว็บไซต์ที่เป็นที่ทราบดีว่าไม่สามารถใช้งานร่วมกับคุณลักษณะของการเรียกดูส่วนตัวได้จะเปิดขึ้น

  3. ที่บริเวณตรงกลางของหน้าต่าง ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายอย่าบล็อกการติดตามบนเว็บไซต์ที่เป็นที่ทราบว่าไม่สามารถเข้ากันได้กับคุณสมบัตินี้

การตรวจจับ Stalkerware

เพื่อให้การป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณวางใจได้มากขึ้น คุณสามารถเพิ่มรายการของวัตถุที่ตรวจจับได้ โดยเปิดใช้งานให้แอปพลิเคชันตรวจหา Stalkerware และซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายอื่น ๆ ที่ผู้บุกรุกสามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์ของคุณหรือข้อมูลส่วนตัว หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stalkerware ประเภทต่าง ๆ โปรดดูที่ การตรวจจับ Stalkerware

เลือกหมวดหมู่ของวัตถุที่จะตรวจจับ

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ ภัยคุกคาม ในส่วน หมวดหมู่วัตถุที่ตรวจจับ ให้เลือกช่องทำเครื่องหมายถัดจากหมวดหมู่ของวัตถุที่จะตรวจจับ

    หมายเหตุ: แอปพลิเคชัน Kaspersky จะป้องกันคุณจากไวรัส เวิร์ม โทรจัน เครื่องมือที่เป็นอันตราย แอดแวร์และตัวต่อสายอัตโนมัติเสมอ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายสำหรับหมวดหมู่นี้

ด้านบนของหน้า

[Topic 240276]

การตรวจจับ Stalkerware

อาชญากรสามารถใช้แอปพลิเคชันถูกกฎหมายบางตัวเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณและสอดแนมคุณ แอปพลิเคชันเหล่านี้ส่วนใหญ่มักมีประโยชน์ และหลายคนได้รับประโยชน์จากการใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้ แอปพลิเคชันเหล่านี้ได้แก่ไคลเอนต์ IRC, โปรแกรมโทรออกอัตโนมัติ, โปรแกรมดาวน์โหลดไฟล์, โปรแกรมติดตามกิจกรรมของระบบ, ยูทิลิตี้การจัดการรหัสผ่าน, เซิร์ฟเวอร์ FTP, HTTP หรือ Telnet

อย่างไรก็ตาม หากอาชญากรเข้าถึงแอปเหล่านี้ในคอมพิวเตอร์ของคุณหรือจัดการเพื่อแอบนำไปใช้ พวกเขาจะสามารถใช้ฟังก์ชันบางอย่างเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณหรือกระทำการที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ ได้

คุณสามารถอ่านเกี่ยวกับ Stalkerware ประเภทต่าง ๆ ด้านล่าง

ประเภทของ Stalkerware

ประเภท

ชื่อ

คำอธิบาย

ไคลเอนต์ IRC

ไคลเอนต์ IRC

คนจำนวนมากติดตั้งแอปเหล่านี้เพื่อสื่อสารกันใน Internet Relay Chats (IRC) อาชญากรสามารถใช้แอปเหล่านี้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ได้

โปรแกรมโทรออก

โปรแกรมโทรออกอัตโนมัติ

สามารถแอบสร้างการเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านโมเด็ม

โปรแกรมดาวน์โหลด

โปรแกรมดาวน์โหลด

สามารถแอบดาวน์โหลดไฟล์จากหน้าเว็บ

โปรแกรมติดตาม

แอปติดตาม

อนุญาตให้ติดตามกิจกรรมบนคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง (ติดตามว่าแอปพลิเคชันใดกำลังทำงานอยู่และวิธีที่แอปพลิเคชันเหล่านั้นแลกเปลี่ยนข้อมูลกับแอปพลิเคชันบนคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น)

PSWTool

เครื่องมือกู้คืนรหัสผ่าน

ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูและกู้คืนรหัสผ่านที่ลืมได้ อาชญากรแอบใช้แอปเหล่านี้ในคอมพิวเตอร์ของคนจำนวนมากเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน

RemoteAdmin

เครื่องมือดูแลระบบระยะไกล

ใช้กันอย่างแพร่หลายโดยผู้ดูแลระบบเพื่อเข้าถึงอินเทอร์เฟซของคอมพิวเตอร์ระยะไกลเพื่อตรวจสอบและควบคุม อาชญากรแอบใช้แอปเหล่านี้ในคอมพิวเตอร์ของคนจำนวนมากเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน เพื่อสอดแนมคอมพิวเตอร์ระยะไกลและเข้าควบคุม

เครื่องมือดูแลระบบระยะไกลที่ถูกกฎหมายนั้นแตกต่างจากแบคดอร์ (โทรจันควบคุมระยะไกล) แบคดอร์สามารถแทรกซึมเข้าไปในระบบและติดตั้งตัวเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ ในขณะที่แอปที่ถูกกฎหมายไม่มีฟังก์ชันนี้

เซิร์ฟเวอร์ FTP

เซิร์ฟเวอร์ FTP

ทำงานเป็นเซิร์ฟเวอร์ FTP อาชญากรสามารถใช้งานบนคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อเปิดการเข้าถึงจากระยะไกลโดยใช้โปรโตคอล FTP

พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์

พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์

ทำงานเป็นพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ อาชญากรนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการส่งสแปม

เซิร์ฟเวอร์ Telnet

เซิร์ฟเวอร์ Telnet

ทำงานเป็นเซิร์ฟเวอร์ Telnet อาชญากรใช้ในคอมพิวเตอร์เพื่อเปิดการเข้าถึงจากระยะไกลโดยใช้โปรโตคอล Telnet

เว็บเซิร์ฟเวอร์

เว็บเซิร์ฟเวอร์

ทำงานเป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์ อาชญากรสามารถใช้งานบนคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อเปิดการเข้าถึงจากระยะไกลโดยใช้โปรโตคอล HTTP

RiskTool

เครื่องมือในเครื่อง

ให้ความสามารถเพิ่มเติมแก่ผู้ใช้ในการจัดการคอมพิวเตอร์ (ทำให้สามารถซ่อนไฟล์หรือหน้าต่างแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่ หรือเพื่อปิดกระบวนการที่ใช้งานอยู่)

NetTool

เครื่องมือเครือข่าย

ให้ความสามารถเพิ่มเติมกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ได้ทำการติดตั้งในการโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นบนเครือข่าย (รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ระยะไกล ค้นหาพอร์ตที่เปิด เปิดแอปพลิเคชันที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์เหล่านั้น)

ไคลเอนต์ P2P

ไคลเอนต์เครือข่าย P2P

ทำให้สามารถใช้เครือข่าย P2P (Peer-to-Peer) อาชญากรสามารถใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์

ไคลเอนต์ SMTP

ไคลเอนต์ SMTP

สามารถแอบส่งอีเมล อาชญากรนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการส่งสแปม

WebToolbar

แถบเครื่องมือเว็บ

เพิ่มแถบเครื่องมือเครื่องมือค้นหาในอินเทอร์เฟซของแอปอื่น ๆ

FraudTool

Fraudware

เลียนแบบแอปพลิเคชันอื่น ตัวอย่างเช่น มีโปรแกรมป้องกันไวรัส Fraudware ซึ่งแสดงการแจ้งเตือนเมื่อพบมัลแวร์ในคอมพิวเตอร์ ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ได้พบหรือทำความสะอาดหรือแก้ไขใด ๆ เลย

หากเปิดใช้งานการป้องกัน Stalkerware เราจะเตือนคุณถึงว่ามีความพยายามเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง ข้อความของคุณ หรือข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ

คุณสามารถเปิดใช้งานการป้องกัน Stalkerware ในแท็บ ภัยคุกคาม ของหน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันโดยเลือกช่องทำเครื่องหมาย Stalkerware และซอฟต์แวร์ที่ผู้บุกรุกสามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลส่วนตัวของคุณ ในส่วน หมวดหมู่วัตถุที่ตรวจจับ

ด้านบนของหน้า

[Topic 241861]

ตรวจสอบบัญชี

หากคุณไม่มั่นใจว่าบัญชีของคุณในบางเว็บไซต์ปลอดภัยหรือไม่ คุณสามารถตรวจสอบได้โดยใช้แอปพลิเคชัน Kaspersky แอปพลิเคชันสามารถตรวจสอบได้ว่าบัญชีของคุณถูกบุกรุกและข้อมูลของคุณอยู่ในอันตรายจากการเปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่

หมายเหตุ: แอปพลิเคชัน Kaspersky สามารถตรวจสอบบัญชีที่ใช้ที่อยู่อีเมลเป็นชื่อผู้ใช้เท่านั้น เมื่อใช้งานการตรวจสอบบัญชี Kaspersky จะไม่ได้รับข้อมูลในรูปแบบที่สามารถเข้าถึงได้อย่างเปิดเผย และจะไม่เก็บข้อมูลดังกล่าวไว้ ข้อมูลจะถูกใช้เพื่อการสแกนเท่านั้น ในการตรวจหาการรั่วไหล แอปพลิเคชันไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ แต่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหมวดหมู่ของข้อมูลที่อาจเข้าถึงได้แบบสาธารณะเท่านั้น

ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชัน Kaspersky จะพยายามตรวจสอบบัญชีผู้ใช้ของคุณเมื่อคุณได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง

หากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลของคุณอาจเข้าถึงได้โดยสาธารณะ แอปพลิเคชันจะแจ้งเตือนคุณแล้วแสดงข้อมูลดังต่อไปนี้:

  • รายการของเว็บไซต์ที่อาจเกิดการรั่วไหลของข้อมูล
  • วันที่เกิดการรั่วไหล
  • หมวดหมู่ของข้อมูลที่อาจเข้าถึงได้แบบสาธารณะ

คุณสามารถเรียนรู้วิธีลดผลกระทบของการรั่วไหลของข้อมูลนี้ที่อาจเกิดขึ้นได้โดยการคลิกที่หมวดหมู่ของข้อมูลที่ตรงกัน

ตรวจสอบว่าบัญชีของคุณถูกบุกรุกหรือไม่

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตรวจสอบบัญชี

    หน้าต่าง ตรวจสอบบัญชี จะเปิดขึ้น

  2. ป้อนที่อยู่อีเมลของคุณในช่อง ป้อนที่อยู่อีเมล
  3. คลิก ตรวจสอบ

ใน Kaspersky Plus และ Premium แอปพลิเคชันสามารถ ตรวจสอบที่อยู่อีเมลของคุณในแต่ละครั้งที่คุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณบนเว็บไซต์

ด้านบนของหน้า

[Topic 182825]

ตัวควบคุมเว็บ

ตัวควบคุมเว็บช่วยให้คุณตรวจสอบและจัดการการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ผู้ใช้ต่างๆ เยี่ยมชม คุณสามารถตั้งค่าตัวควบคุมเว็บสำหรับบัญชีผู้ใช้ทั้งหมดในคอมพิวเตอร์

สำคัญ: ตัวควบคุมเว็บใช้ได้เฉพาะเมื่อคุณเปิดใช้งานแอปพลิเคชันด้วยรหัสเปิดใช้งาน Kaspersky Small Office Security หากคุณเปลี่ยนรหัสเปิดใช้งาน ตัวควบคุมเว็บจะถูกแทนที่ด้วย Parental Control (จีน) Parental Control มีฟังก์ชันการทำงานแบบเดียวกับตัวควบคุมเว็บ

คุณสามารถบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ระบุหรือหมวดหมู่ของเว็บไซต์ที่เลือกได้

หมายเหตุ: แอปพลิเคชัน Kaspersky สามารถบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อกับระบบ HTTPS เท่านั้น แอปพลิเคชันจะสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส (HTTPS) ก็ต่อเมื่อได้ทำการเลือกช่องทำเครื่องหมายตรวจสอบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (HTTPS) สำหรับ <ชื่อส่วนประกอบ> ในส่วนทั่วไปบนแท็บการป้องกันเท่านั้น

บล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ระบุ

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวควบคุมเว็บ

    หน้าต่าง ตัวควบคุมเว็บ จะเปิดขึ้น

  2. ในแผงด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้เลือกบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการกำหนดค่าการเข้าถึงเว็บไซต์
  3. ในมุมขวาบนของหน้าต่าง ให้เปิดตัวควบคุมเว็บ
  4. คลิก การยกเว้น

    หน้าต่าง ข้อยกเว้น จะเปิดขึ้น

  5. เลือกช่องทำเครื่องหมาย บล็อกเว็บไซต์เหล่านี้เสมอ
    • เพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการนี้ด้วยการคลิก และป้อนที่อยู่เว็บไซต์
    • หากต้องการลบเว็บไซต์ออกจากรายการนี้ ให้เลือกที่อยู่เว็บไซต์แล้วคลิก
    • หากต้องการแก้ไขที่อยู่เว็บไซต์ที่เพิ่มไว้ในรายการนี้ ให้คลิกสองครั้งที่อยู่เว็บไซต์นั้น
  6. คลิก ปิด เพื่อปิดหน้าต่าง ข้อยกเว้น การเปลี่ยนแปลงของคุณจะถูกบันทึกโดยอัตโนมัติ

บล็อกการเข้าถึงหมวดหมู่เว็บไซต์ที่เลือก

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวควบคุมเว็บ

    หน้าต่าง ตัวควบคุมเว็บ จะเปิดขึ้น

  2. ในแผงด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้เลือกบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการกำหนดค่าการเข้าถึงเว็บไซต์
  3. ในมุมขวาบนของหน้าต่าง ให้เปิดตัวควบคุมเว็บ
  4. เลือกช่องทำเครื่องหมายถัดจากชื่อหมวดหมู่เว็บไซต์ที่คุณต้องการบล็อกการเข้าถึง

สำคัญ: หากคุณติดตั้งแอปพลิเคชันเวอร์ชันสำหรับใช้ในสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร หรือบราซิล คุณจะต้องยอมรับประกาศเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลสำหรับการควบคุมเว็บก่อนที่คุณจะสามารถเปิดใช้งานตัวควบคุมเว็บได้ แถลงการณ์จะปรากฎขึ้นเมื่อคุณพยายามเปิดใช้งานตัวควบคุมเว็บด้วยบัญชีผู้ใช้แรกใน Mac ของคุณ

หากจำเป็นคุณสามารถเพิ่มเว็บไซต์ในรายการยกเว้นได้ ตัวควบคุมเว็บไม่ได้บล็อกเว็บไซต์ที่เพิ่มลงในรายการยกเว้นแม้ว่าจะอยู่ในหมวดหมู่ที่ถูกจำกัด

แก้ไขรายการยกเว้น

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวควบคุมเว็บ

    หน้าต่าง ตัวควบคุมเว็บ จะเปิดขึ้น

  2. ในแผงด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้เลือกบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการกำหนดค่าการเข้าถึงเว็บไซต์
  3. ในมุมขวาบนของหน้าต่าง ให้เปิดตัวควบคุมเว็บ
  4. คลิก การยกเว้น

    หน้าต่าง ข้อยกเว้น จะเปิดขึ้น

  5. เลือกช่องทำเครื่องหมาย ไม่บล็อกเว็บไซต์เหล่านี้
    • เพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการนี้ด้วยการคลิก และป้อนที่อยู่เว็บไซต์
    • หากต้องการลบเว็บไซต์ออกจากรายการนี้ ให้เลือกที่อยู่เว็บไซต์แล้วคลิก
    • หากต้องการแก้ไขที่อยู่เว็บไซต์ที่เพิ่มไว้ในรายการนี้ ให้คลิกสองครั้งที่อยู่เว็บไซต์นั้น
  6. คลิก ปิด เพื่อปิดหน้าต่าง ข้อยกเว้น การเปลี่ยนแปลงของคุณจะถูกบันทึกโดยอัตโนมัติ

คุณสามารถคัดลอกการตั้งค่าตัวควบคุมเว็บของบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์และวางลงในบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้

คัดลอกและวางการตั้งค่าตัวควบคุมเว็บ

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวควบคุมเว็บ

    หน้าต่าง ตัวควบคุมเว็บ จะเปิดขึ้น

  2. ในแผงด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้เลือกบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการคัดลอกการตั้งค่า
  3. ในมุมซ้ายล่างของหน้าต่าง ให้คลิกที่
  4. ในเมนูป๊อปอัป ให้เลือก คัดลอกการตั้งค่า
  5. ในแผงด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้เลือกบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการวางการตั้งค่า
  6. ในมุมซ้ายล่างของหน้าต่าง ให้คลิกที่
  7. ในเมนูป๊อปอัป ให้เลือก วางการตั้งค่า
ด้านบนของหน้า

[Topic 120261]

การเชื่อมต่อที่ปลอดภัยกับเครือข่าย Wi-Fi

เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะอาจได้รับการป้องกันไม่เพียงพอ ตัวอย่างเช่น หากเครือข่าย Wi-Fi ใช้โปรโตคอลการเข้ารหัสลับที่มีช่องโหว่ เมื่อคุณเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi แล้ว แอปพลิเคชัน Kaspersky จะตรวจสอบเครือข่าย หากเครือข่าย Wi-Fi นั้นไม่ปลอดภัย แอปพลิเคชันจะแจ้งให้คุณติดตั้งหรือเรียกใช้ Kaspersky VPN Secure Connection

หมายเหตุ: Kaspersky VPN Secure Connection พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

Kaspersky VPN Secure Connection มีประโยชน์ดังต่อไปนี้:

  • การใช้งานระบบชำระเงินและเว็บไซต์จองที่ปลอดภัย ผู้บุกรุกจะไม่สามารถดักหมายเลขบัตรธนาคารของคุณได้เมื่อคุณชำระเงินออนไลน์ จองห้องโรงแรม หรือเช่ารถยนต์
  • การป้องกันข้อมูลลับของคุณ จะไม่มีใครสามารถพิจารณาที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์ของคุณหรือตำแหน่งที่ตั้งของคุณได้
  • การป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณ จะไม่มีใครสามารถดักอ่านการโต้ตอบส่วนบุคคลของคุณในเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ได้

สำคัญ: การใช้งาน Kaspersky VPN Secure Connection อาจถูกกำกับดูแลโดยกฎหมายท้องถิ่น คุณสามารถใช้งาน Kaspersky VPN Secure Connection ได้ตามวัตถุประสงค์ของแอปพลิเคชันนี้และโดยไม่ละเมิดกฎหมายท้องถิ่นเท่านั้น

เปิด/ปิดการแจ้งเตือนเกี่ยวกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บความเป็นส่วนตัว ในส่วนWi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย ให้เลือก/ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายแจ้งเตือนเกี่ยวกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย

ติดตั้ง Kaspersky VPN Secure Connection

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การปกป้องความเป็นส่วนตัว

    หน้าต่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวจะเปิดขึ้น

  2. ในส่วน Kaspersky VPN Secure Connection ให้คลิก ติดตั้ง

    App Store จะเปิดขึ้น

  3. คลิกรับ และจากนั้นจึงติดตั้งแอป
  4. ลงชื่อเข้าใช้ App Store เพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
  5. เมื่อการดาวน์โหลดเสร็จสิ้นแล้ว ให้คลิกเปิด
  6. ปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อเริ่มต้นใช้งาน Kaspersky VPN Secure Connection เป็นครั้งแรก สำหรับข้อมูลโดยละเอียด โปรดดู ความช่วยเหลือ Kaspersky VPN Secure Connection

หากต้องการรับรองความเป็นส่วนตัวของเครือข่าย Wi-Fi ในบ้านและอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อทั้งหมด คุณสามารถตั้งค่าการเชื่อมต่อ VPN ที่ปลอดภัยบนเราเตอร์ของคุณได้

ตั้งค่าการเชื่อมต่อ VPN ที่ปลอดภัยบนเราเตอร์ของคุณ

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

    หน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม จะเปิดขึ้น

  2. เลือกเราเตอร์ของคุณในรายการ
  3. ในส่วนด้านขวาของหน้าต่าง ให้คลิกตั้งค่า

    My Kaspersky จะเปิดขึ้น

  4. คลิกตั้งค่าผ่าน OpenVPN และทำตามคำแนะนำ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดูที่ ความช่วยเหลือ My Kaspersky
  5. ดูคำแนะนำในการกำหนดค่าการเชื่อมต่อ VPN ที่ปลอดภัยในการตั้งค่าเราเตอร์ได้โดยดูคู่มือเราเตอร์

หากแอปพลิเคชัน Kaspersky แจ้งเตือนคุณว่าการเชื่อมต่อ Wi-Fi ของคุณไม่ปลอดภัย

นั่นหมายความว่าคุณได้เชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ได้รับการป้องกัน และการเข้าสู่ระบบ รหัสผ่าน ข้อความ ตลอดจนข้อมูลละเอียดอ่อนอื่น ๆ ของคุณอาจถูกดักได้ เราไม่ขอแนะนำให้คุณใช้เครือข่ายนี้

ด้านบนของหน้า

[Topic 173530]

การป้องกันรหัสผ่านและข้อมูลละเอียดอ่อนของคุณ

Kaspersky Password Manager จะปกป้องรหัสผ่านและข้อมูลละเอียดอ่อนอื่นๆ ของคุณทั้งหมด (ตัวอย่างเช่น รายละเอียดหนังสือเดินทาง และข้อมูลทางการเงินหรือเวชระเบียน) ด้วยรหัสผ่านหลักรหัสเดียว คุณสามารถติดตั้ง Kaspersky Password Manager ในคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป แล็ปท็อป และอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ใช้ Microsoft Windows, macOS, Android หรือ iOS เพื่อเก็บข้อมูลทั้งหมดของคุณให้ปลอดภัยและซิงค์ตรงกันได้

หมายเหตุ: Kaspersky Password Manager พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

Kaspersky Password Manager:

  • เก็บรักษารหัสผ่านและข้อมูลสำคัญอื่นๆ ของคุณได้ด้วยปลายนิ้ว
  • กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มออนไลน์โดยอัตโนมัติ
  • ป้องกันข้อมูลละเอียดอ่อนของคุณ
  • นำเข้ารหัสผ่านจากตัวจัดการรหัสผ่านของผู้พัฒนาภายนอก
  • ตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่าน
  • สร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง
  • ซิงค์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์หลายเครื่อง

คุณสามารถจัดการข้อมูลของคุณได้ทั้งจากอินเทอร์เฟซของแอปพลิเคชันหรือใน My Kaspersky

ติดตั้ง Kaspersky Password Manager

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การปกป้องความเป็นส่วนตัว

    หน้าต่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวจะเปิดขึ้น

  2. ในส่วนKaspersky Password Manager ให้คลิกที่ติดตั้ง

    App Store จะเปิดขึ้น

  3. คลิกรับ และจากนั้นจึงติดตั้งแอป
  4. ลงชื่อเข้าใช้ App Store เพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
  5. เมื่อการดาวน์โหลดเสร็จสิ้นแล้ว ให้คลิกเปิด
  6. ปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อเริ่มต้นใช้งาน Kaspersky Password Manager ครั้งแรก สำหรับข้อมูลโดยละเอียด โปรดดูที่ความช่วยเหลือ Kaspersky Password Manager
ด้านบนของหน้า

[Topic 232992]

ตัวตน

Kaspersky Premium มีเครื่องมือในการปกป้องตัวตนดิจิทัลของคุณและช่องทางติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าโดยเฉพาะ

ในส่วนนี้

บริการการสนับสนุนระดับพรีเมียม

การตรวจสอบการขโมยข้อมูลประจำตัว

กระเป๋าป้องกันข้อมูลระบุตัวตน

ด้านบนของหน้า

[Topic 223581]

บริการการสนับสนุนระดับพรีเมียม

ในบางภูมิภาค ไม่มีบริการการสนับสนุนระดับพรีเมียมทางโทรศัพท์ของ Kaspersky คุณจะสามารถใช้บริการสนับสนุนระดับพรีเมียมได้ภายใต้การบอกรับเป็นสมาชิกแบบชำระเงินเท่านั้น

ด้วยการสนับสนุนระดับพรีเมียม คุณจะได้รับการป้องกันและความสะดวกเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงสิทธิ์การเข้าถึงพิเศษ บริการติดตั้งจากผู้เชี่ยวชาญ การตรวจสอบและลบไวรัส รวมถึงการตรวจสอบสุขภาพพีซี

บริการติดตั้งจากผู้เชี่ยวชาญ

เมื่อใดก็ตามที่คุณมีปัญหาการติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณสามารถโทรหาเราและผู้เชี่ยวชาญ Kaspersky จะดำเนินการจากระยะไกล ดังนี้

  • เรียกใช้การติดตั้งผ่านการเชื่อมต่อจากระยะไกล
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าความคืบหน้าในการติดตั้งไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ
  • ให้ข้อมูลภาพรวมการตั้งค่าและคุณสมบัติของแอปพลิเคชัน
  • ตอบทุกคำถามของคุณเกี่ยวกับแอปพลิเคชันและขั้นตอนการติดตั้ง
  • ปรับการตั้งค่าแอปพลิเคชันโดยอิงจากความต้องการของคุณ
  • ยืนยันว่าแอปพลิเคชันได้รับการติดตั้ง ตั้งค่าอย่างถูกต้องและทำงานอย่างเหมาะสม

ช่องทางการสนับสนุนพิเศษ

สิทธิพิเศษในการเข้าถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนระดับพรีเมียมผ่านทางโทรศัพท์หรือแชต สายของลูกค้าจะได้รับความสำคัญสูงสุด (ข้ามสาย) โปรแกรมแชทที่ให้มานั้นมีความสามารถในการช่วยเหลือระยะไกล

บริการไอทีระยะไกล

เข้าถึงการแชตกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนระดับพรีเมียมด้วยคลิกเดียว พร้อมความช่วยเหลือจากระยะไกลแบบไม่จำกัด นั่งพักให้สบายแล้วปล่อยให้เราจัดการ!

ตรวจสอบและกำจัดไวรัสโดยผู้เชี่ยวชาญ

การลบไวรัสและสปายแวร์ระดับมืออาชีพบนอุปกรณ์ Windows ทั้งหมดด้วยการติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky

บริการตรวจสอบสุขภาพพีซี

ระหว่างการตรวจสอบสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญของเราจะทำการตรวจสอบแบบหลายจุดเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการป้องกันและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ระดับสูงสุด

หากต้องการใช้บริการการสนับสนุนระดับพรีเมียม Kaspersky โปรดโทรไปที่เบอร์โทรศัพท์ที่กำหนดไว้สำหรับประเทศที่คุณซื้อการสมัครใช้บริการของ Kaspersky Premium

ด้านบนของหน้า

[Topic 252149]

การตรวจสอบการขโมยข้อมูลประจำตัว

หมายเลขโทรศัพท์มักจะนำมาใช้ระบุตัวคุณเมื่อคุณสร้างบัญชีบนเว็บไซต์หรือในแอปพลิเคชัน หากไม่มั่นใจว่าบัญชีที่เชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์ของคุณนั้นปลอดภัยหรือไม่ คุณก็ตรวจสอบได้โดยใช้แอปพลิเคชัน Kaspersky แอปพลิเคชันจะใช้หมายเลขโทรศัพท์ของคุณเพื่อตรวจดูว่าบัญชีที่เชื่อมโยงตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ และข้อมูลของคุณเสี่ยงต่อการเปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่

หมายเหตุ: เมื่อใช้งานการตรวจสอบการขโมยข้อมูลประจำตัว Kaspersky จะไม่ได้รับข้อมูลในรูปแบบที่สามารถเข้าถึงได้อย่างเปิดเผย และจะไม่เก็บข้อมูลดังกล่าวไว้ ข้อมูลจะถูกใช้เพื่อการสแกนเท่านั้น ในการตรวจหาการรั่วไหล แอปพลิเคชันไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ แต่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหมวดหมู่ของข้อมูลที่อาจเข้าถึงได้แบบสาธารณะเท่านั้น

หากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลของคุณอาจเข้าถึงได้โดยสาธารณะ แอปพลิเคชันจะแสดงข้อมูลดังต่อไปนี้:

  • รายการของเว็บไซต์ที่อาจเกิดการรั่วไหลของข้อมูล
  • วันที่เกิดการรั่วไหล
  • หมวดหมู่ของข้อมูลที่อาจเข้าถึงได้แบบสาธารณะ

คุณสามารถเรียนรู้วิธีลดผลกระทบของการรั่วไหลของข้อมูลนี้ที่อาจเกิดขึ้นได้โดยการคลิกที่หมวดหมู่ของข้อมูลที่ตรงกัน

ตรวจสอบว่าบัญชีที่เชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์ของคุณตกอยู่ในอันตรายหรือไม่

  1. บนแถบด้านข้างของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิกการขโมยตัวตน

    หน้าต่างการตรวจสอบการขโมยข้อมูลประจำตัวจะเปิดขึ้น

  2. ป้อนหมายเลขโทรศัพท์ของคุณในช่องป้อนหมายเลขโทรศัพท์
  3. คลิก ตรวจสอบ
ด้านบนของหน้า

[Topic 236641]

กระเป๋าป้องกันข้อมูลระบุตัวตน

หากคุณเก็บเอกสารสำคัญไว้บนคอมพิวเตอร์ของคุณ ตัวอย่างเช่น การสแกนของบัตรประชาชน เอกสารราชการ รายชื่อติดต่อ และอื่นๆ เราขอแนะนำให้คุณเพิ่มเอกสารดังกล่าวไปยังกระเป๋าที่ปลอดภัย กระเป๋าป้องกันข้อมูลระบุตัวตนเป็นไฟล์ที่เข้ารหัสซึ่งจำเป็นต้องใช้รหัสผ่านหลักเพื่อเข้าถึง ซึ่งเป็นการรับประกันความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวของคุณโดยการป้องกันการเข้าถึงเอกสารจากบุคคลภายนอก

หมายเหตุ: แอปพลิเคชัน Kaspersky Password Manager มีคุณสมบัติกระเป๋าป้องกันข้อมูลระบุตัวตน คุณสามารถติดตั้ง Kaspersky Password Manager และใช้การสมัครใช้บริการ Kaspersky Premium เพื่อเปิดใช้งาน

เกี่ยวกับรหัสผ่านหลัก

รหัสผ่านหลักคือรหัสผ่านเดียวที่แอปพลิเคชัน Kaspersky Password Manager ใช้เพื่อเข้ารหัสข้อมูลในกระเป๋า เราแนะนำให้ใช้รหัสผ่านหลักที่มีอักขระแปดตัวขึ้นไปและมีตัวอักษรพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่เช่นเดียวกับตัวเลขและอักขระพิเศษ

สำคัญ: เพื่อเหตุผลทางด้านความปลอดภัย แอปพลิเคชัน Kaspersky Password Manager จะไม่เก็บรหัสผ่านหลักบนอุปกรณ์ของคุณและจะไม่ส่งไปยังพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ เราขอแนะนำให้คุณจำรหัสผ่านหลักหรือเขียนและเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย เนื่องจากไม่มีวิธีในการกู้คืนรหัสผ่านที่ถูกลืม

เกี่ยวกับการเข้ารหัส

แอปพลิเคชัน Kaspersky Password Manager เข้ารหัสข้อมูลโดยใช้อัลกอริทึมการเข้ารหัสแบบสมมาตรตามมาตรฐาน Advanced Encryption Standard (AES) คีย์จะถูกคำนวณจากรหัสผ่านตาม Password-Based Key Derivation Function 2 (PBKDF2) อัลกอริทึม AES ถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกสำหรับการป้องกันข้อมูลที่เป็นความลับ อัลกอริทึมนี้มีความต้องการ RAM ที่น้อย จึงทำให้ข้อมูลของคุณสามารถเข้ารหัสและถอดรหัสได้ภายในไม่กี่วินาที

วิธีเพิ่มเอกสารไปยังกระเป๋า

  1. เปิด Kaspersky Password Manager
  2. เปิดส่วน เอกสาร ของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  3. คลิก > เรียกดูสำหรับไฟล์ เพื่อเพิ่มเอกสารใหม่

    หน้าต่างเลือกเอกสารจะเปิดใน Finder ตามค่าเริ่มต้น Kaspersky Password Manager จะเปิดโฟลเดอร์เอกสาร

  4. เลือกเอกสารที่คุณต้องการจัดเก็บใน Kaspersky Password Manager และคลิก เปิด

    หน้าต่างเพิ่มเอกสารจะเปิดขึ้นมา

  5. ในเมนูป็อปอัป หมวดหมู่เอกสาร เลือกหมวดหมู่เอกสาร

    หมายเหตุ: Kaspersky Password Manager จะกำหนดหมวดหมู่เอกสารโดยอัตโนมัติ แต่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ คุณสามารถเลือกหนึ่งในหมวดหมู่เอกสารต่อไปนี้ได้: บัตรธนาคาร, สัญญา, ใบอนุญาตขับขี่, ประกันภัย, หนังสือเดินทาง/บัตรประจำตัว และ อื่นๆ

  6. หากคุณไม่ต้องการให้ Kaspersky Password Manager ลบไฟล์เอกสารต้นฉบับจากคอมพิวเตอร์ของคุณ (ซึ่งค่าเริ่มต้นจะลบด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย) เพื่อเก็บสำเนาไว้ในคลังเท่านั้น ให้เลิกทำเครื่องหมายในกล่องเลือก ลบไฟล์ต้นฉบับ ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น
  7. คลิก เพิ่ม

    หมายเหตุ: Kaspersky Password Manager ไม่สามารถเพิ่มไฟล์ PDF ที่ป้องกันด้วยรหัสผ่าน ไฟล์ขนาดใหญ่กว่า 20 MB หรือภาพขนาดใหญ่กว่า 100 MB ที่มีความละเอียดน้อยกว่า 256x256 px หรือสูงกว่า 40 MP

  8. เมื่อคุณเพิ่มภาพ PNG, ภาพ BMP หรือภาพ JPEG ขนาดใหญ่ Kaspersky Password Manager จะแจ้งเตือนให้คุณอนุญาตให้ปรับภาพให้เหมาะสมกับการจัดเก็บ หากคุณไม่อนุญาตให้ปรับขนาดภาพให้เหมาะสม ภาพจะไม่เพิ่มลงในคลัง

    ภาพ PNG และ BMP จะถูกบีบอัดและแปลงเป็น JPEG และภาพ JPEG ขนาดใหญ่จะถูกบีบอัดเพียงอย่างเดียว ขนาดภาพขั้นสุดท้ายในคลังจะไม่เกิน 6 MB

รายการเอกสารปรากฏขึ้นในบานหน้าต่างด้านขวาของหน้าต่าง

วิธีดึงเอกสารจากกระเป๋า

  1. เปิด Kaspersky Password Manager
  2. เปิดส่วน เอกสาร หรือส่วน รายการทั้งหมด ของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  3. เลือกเอกสารที่คุณต้องการดาวน์โหลด
  4. คลิก > บันทึกเป็น
  5. ในหน้าต่างที่เปิดขึ้น ระบุโฟลเดอร์ที่คุณต้องการบันทึกเอกสาร
  6. หากจำเป็น ให้เปลี่ยนชื่อเอกสาร
  7. คลิก บันทึก

เอกสารจะบันทึกลงในคอมพิวเตอร์ของคุณ

ด้านบนของหน้า

[Topic 96669]

การแจ้งเตือน

แอปพลิเคชัน Kaspersky แสดง การแจ้งเตือน เพื่อแจ้งให้คุณทราบถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ (ตัวอย่างเช่น ตรวจวัตถุอันตราย ฐานข้อมูลแอปพลิเคชันได้รับการอัปเดต หรือปิดตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย) การแจ้งเตือนจะปรากฏขึ้นที่มุมขวาบนของหน้าจอและในศูนย์การแจ้งเตือน รูปแบบการแจ้งเตือนขึ้นอยู่กับตัวเลือกที่กำหนดในการตั้งค่าการแจ้งเตือนของระบบ

หมายเหตุ: การแจ้งเตือนบางอย่างอาจไม่ปรากฏในชั่วโมงแรกหลังจากการติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky

ไม่ว่าจะเปิดหรือปิดใช้งานการแจ้งเตือน ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่แอปพลิเคชันทำงานจะปรากฏใน รายงานแอปพลิเคชัน

ปิดการแจ้งเตือนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของคุณ

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ ข้อมูล ในส่วน การแจ้งเตือน ให้เว้นช่องทำเครื่องหมาย แจ้งเตือนเหตุการณ์ที่สามารถส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของคุณ

ปิดเสียงแจ้งเตือน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ ข้อมูล ในส่วน การแจ้งเตือน ให้เว้นช่องทำเครื่องหมาย เปิดการส่งเสียงเตือนเมื่อตรวจพบมัลแวร์

ปิดการแจ้งเตือนเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษและโปรโมชัน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บข้อมูลในส่วนการแจ้งเตือน ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายแจ้งเตือนเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษและโปรโมชั่น
ด้านบนของหน้า

[Topic 59232]

รายงาน

คุณสามารถดูรายงาน Kaspersky ที่แสดงรายการของวัตถุที่ตรวจพบทั้งหมดได้ นอกจากนี้ยังมีการสร้างรายงานโดยละเอียดแยกกันสำหรับส่วนประกอบแอปพลิเคชันแต่ละอย่างต่อไปนี้: File Anti-Virus, การเรียกดูอย่างปลอดภัย, ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย, การเรียกดูส่วนตัว และงานสแกนไวรัสและการอัปเดต

เปิดหน้าต่างรายงาน

ในแถบเมนูเลือก การป้องกัน > รายงาน

แอปพลิเคชัน Kaspersky สามารถบันทึกรายงานในรูปแบบข้อความได้ ฟังก์ชันการทำงานนี้อาจมีประโยชน์หากส่วนประกอบแอปพลิเคชันหรืองานส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาดที่คุณไม่สามารถแก้ไขได้เอง และต้องการความช่วยหลายจากฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky ในกรณีนี้ โปรดส่งรายงานข้อความไปยังฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญของเราสามารถศึกษาปัญหาและแก้ไขได้โดยเร็วสุดความสามารถ

ส่งออกรายงานเกี่ยวกับส่วนประกอบหรืองานของ Kaspersky ไปยังไฟล์ข้อความ

  1. ในแถบเมนูเลือก การป้องกัน > รายงาน

    หน้าต่าง รายงาน จะปิดขึ้น

  2. ในบานหน้าต่างซ้าย ให้เลือกแท็บที่มีรายงานที่ต้องการ
  3. ในมุมขวาบน ให้คลิกที่
  4. ในหน้าต่างที่เปิดขึ้นมา ให้ระบุชื่อไฟล์ แท็ก และโฟลเดอร์ปลายทางให้กับรายงาน
  5. คลิก บันทึก

ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่บันทึกเหตุการณ์ด้านข้อมูลลงในรายงาน คุณสามารถอนุญาตการบันทึกเหตุกาณณ์ด้านข้อมูลได้

หมายเหตุ: การตั้งค่านี้จะถูกนำไปใช้กับ File Anti-Virus เท่านั้น การบันทึกเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญจะไปเพิ่มขนาดทั้งหมดของไฟล์รายงานเป็นอย่างมาก

อนุญาตการบันทึกเหตุการณ์ด้านข้อมูลในรายงาน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บข้อมูล ในส่วนรายงาน ให้เลือกช่องทำเครื่องหมายบันทึกกิจกรรมที่ไม่สำคัญ

ไฟล์รายงานอาจมีข้อมูลส่วนตัวที่ได้รับมาในการทำงานของส่วนประกอบด้านการป้องกัน เช่น File Anti-Virus, การเรียกดูอย่างปลอดภัย, การเรียกดูส่วนตัว ดังต่อไปนี้:

  • ประวัติการเรียกดูออนไลน์
  • ลิงก์ที่บล็อก
  • เวอร์ชันของเบราเซอร์และระบบปฏิบัติการ
  • ชื่อของไฟล์และเส้นทางเข้าสู่ไฟล์

ไฟล์รายงานจะถูกจัดเก็บภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ไฟล์รายงานจะถูกลบ 30 วันหลังจากได้รับการบันทึก ขนาดไฟล์ของรายงานไม่สามารถใหญ่กว่า 1 GB ได้ เส้นทางเข้าสู่ไฟล์รายงานคือ ~/Library/Application Support/Kaspersky Lab/KAV/Data/Report

ด้านบนของหน้า

[Topic 183266]

รายงานความปลอดภัย

แอปพลิเคชัน Kaspersky สามารถสร้างรายงานความปลอดภัยด้วยสรุปของสถิติการสแกนและปัญหาด้านความปลอดภัยที่ตรวจพบโดยแอปพลิเคชัน หากเปิดการสร้างรายงานความปลอดภัย แอปพลิเคชันจะแจ้งเตือนคุณว่ามีอีกรายงานความปลอดภัยที่พร้อมให้คุณดูแล้ว หากคุณเลือกที่จะดูรายงานความปลอดภัย แอปพลิเคชันจะเปิดหน้าต่างใหม่ซึ่งคุณสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานะความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ของคุณ

เปิดรายงานความปลอดภัย

คุณสามารถเปิดรายงานความปลอดภัยด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้:

  • คลิก แสดง ในการแจ้งเตือนเกี่ยวกับรายงานความปลอดภัย
  • ในหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก แสดงรายงาน ใต้ข้อความเกี่ยวกับรายงานความปลอดภัย
  • ในสถานะการป้องกัน บริเวณแท็บข่าวสาร ให้คลิกที่แสดงรายงานถัดจากข้อความที่แสดงว่ารายงานความปลอดภัยนั้นพร้อมใช้งาน

หมายเหตุ: รายงานความปลอดภัยจะพร้อมใช้งานในไม่ช้าหลังจากที่ได้ทำการติดตั้งและใช้งาน Kaspersky

ในรายงานความปลอดภัยคุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการดูข้อมูลในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาหรือตลอดระยะเวลานับตั้งแต่ติดตั้งแอปพลิเคชัน

เปลี่ยนช่วงเวลารายงาน

ในเมนูป๊อปอัปในส่วนด้านบนของหน้าต่าง ให้เลือกช่วงเวลาที่คุณต้องการดูรายงาน

หากคุณไม่ต้องการดูรายงานความปลอดภัย คุณสามารถปิดการแจ้งเตือนได้

ปิด/เปิด การแจ้งเตือนเกี่ยวกับรายงานความปลอดภัย

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บข้อมูล ในส่วนการแจ้งเตือน ให้ยกเลิกการเลือก/เลือกช่องทำเครื่องหมายแจ้งเตือนเมื่อรายงานความปลอดภัยพร้อมใช้งานแล้ว

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะหยุด/กลับมาแสดงการแจ้งเตือนเกี่ยวกับรายงานความปลอดภัย

ด้านบนของหน้า

[Topic 183196]

จัดการแอปพลิเคชันจากบรรทัดคำสั่ง

คุณสามารถจัดการแอปพลิเคชัน Kaspersky ได้จากบรรทัดคำสั่ง

หมายเหตุ: หลังจากติดตั้งการอัปเดตโมดูล Kaspersky แล้ว เวอร์ชันของแอปพลิเคชันไคลเอ็นต์ในบรรทัดคำสั่งอาจแตกต่างจากแอปพลิเคชันเวอร์ชันที่ติดตั้ง

ซินเท็กบรรทัดคำสั่ง:

kav <command> <parameters>

ใช้คำสั่งต่อไปนี้เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับซินเท็กบรรทัดคำสั่งของแอปพลิเคชัน:

kav -? | help

แต่ละคำสั่งมีช่วงของพารามิเตอร์ที่รองรับของตัวเอง ใช้หนึ่งในคำสั่งต่อไปนี้เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับซินเท็กของคำสั่งเฉพาะ:

kav <command> -?

kav help <command>

ด้านบนของหน้า

[Topic 98011]

วิธีการรับบริการลูกค้า

หากคุณไม่พบวิธีการแก้ปัญหาในเอกสารประกอบ หรือแหล่งข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับแอปพลิเคชัน เราแนะนำให้คุณติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า ไปที่เว็บไซต์ฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อติดต่อผู้เชี่ยวชาญที่สามารถตอบคำถามของคุณเรื่องการติดตั้งแอปพลิเคชันได้ครบถ้วน

หมายเหตุ: ก่อนติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า โปรดอ่านกฎในการให้บริการสนับสนุน

ด้านบนของหน้า

[Topic 228800]

วิธีเพิ่มความปลอดภัย Mac ของคุณด้วยแอปพลิเคชัน Kaspersky

วิธีการเปิดใช้งานการปกป้องบูรณภาพของระบบ

การปกป้องบูรณภาพของระบบคุณสมบัติที่ปกป้องบูรณภาพของระบบปฏิบัติการของ Mac ของคุณ ซึ่งจะป้องกันไม่ให้มัลแวร์แก้ไขไฟล์และการตั้งค่าของระบบ

เปิดใช้งานการปกป้องบูรณภาพของระบบ

  1. รีสตาร์ท macOS ในโหมดการกู้คืน หากต้องการดำเนินการดังกล่าว ให้กดปุ่ม Command+R บนแป้นพิมพ์ค้างไว้ระหว่างที่ระบบกำลังเริ่มต้น
  2. ที่มุมด้านซ้ายบนของหน้าจอ ให้คลิกที่ยูทิลิตี้ > เทอร์มินัล
  3. ป้อนคำสั่งต่อไปนี้:

    csrutil enable

  4. กดปุ่ม Enter บนแป้นพิมพ์
  5. รีสตาร์ท Mac ของคุณ

วิธีการปิดใช้งานโหมดการพัฒนาส่วนขยายเคอร์เนล

โหมดการพัฒนาส่วนขยายเคอร์เนลจะปิดใช้งานการตรวจสอบยืนยันลายเซ็นดิจิทัลสำหรับไดรเวอร์ ซึ่งสามารถนำไปสู่ปัญหาด้านการทำงานของ Mac ของคุณ, การสูญเสียข้อมูล, การโจรกรรมข้อมูลประจำตัว และปัญหาอื่น ๆ ได้

ปิดใช้งานโหมดการพัฒนาส่วนขยายเคอร์เนล

  1. ในแถบเมนู ให้เลือกไป > ยูทิลิตี้
  2. เรียกใช้เทอร์มินัล
  3. ขอพารามิเตอร์บูตระบบโดยการป้อนคำสั่งต่อไปนี้:

    $ nvram -p | grep boot-args

  4. กดปุ่ม Enter บนแป้นพิมพ์

    บรรทัดต่อไปนี้จะปรากฏขึ้น:

    boot-args debug=0x14e kdp_match_name=en3 kext-dev-mode=1

  5. ปิดใช้งานการโหลด kext หากต้องการดำเนินการดังกล่าว ให้ลบพารามิเตอร์ kext-dev-mode=1 แล้วป้อนคำสั่งต่อไปนี้:

    $ sudo nvram boot-args="debug=0x14e kdp_match_name=en3"

  6. กดปุ่ม Enter บนแป้นพิมพ์
  7. รีสตาร์ท Mac ของคุณ

ด้านบนของหน้า

[Topic 228774]

รับรายงานระบบ

  1. ในเมนูของ Apple ให้เลือกเกี่ยวกับ Mac เครื่องนี้
  2. ในหน้าต่างที่เปิดขึ้นมา คลิกรายงานระบบ
  3. กดปุ่ม Command+S
  4. ป้อนชื่อรายงาน จากนั้นเลือกโฟลเดอร์ที่คุณต้องการบันทึกรายงานและคลิกบันทึก
ด้านบนของหน้า

[Topic 228775]

บันทึกไฟล์ system.log

  1. เปิด Finder
  2. เลือกแอปพลิเคชัน > ยูทิลิตี้ > คอนโซล
  3. ในหน้าต่างจอคอนโซล ให้คลิกรายการ system.log ด้านซ้ายและลากรายการดังกล่าวมายังเดสก์ท็อปหรือโฟลเดอร์ใด ๆ ที่คุณต้องการ
ด้านบนของหน้า

[Topic 59664]

สร้างไฟล์ติดตาม

หลักจากที่คุณรายงานปัญหาไปยังผู้เชี่ยวชาญจากฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky แล้ว ผู้เชี่ยวชาญอาจขอให้คุณสร้างรายงานที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการของแอปพลิเคชัน Kaspersky แล้วส่งไปที่ฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายบริการลูกค้าอาจของ Kaspersky ขอให้คุณสร้างไฟล์ติดตามด้วย ไฟล์ติดตามช่วยให้สามารถดำเนินการตรวจสอบการทำงานของคำสั่งของแอปพลิเคชัน และพิจารณาเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน

การติดตามเป็นวิธีการบันทึกข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมของแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพ ผู้เชี่ยวชาญจากฝ่ายบริการลูกค้าจะใช้ไฟล์ติดตามเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ

สร้างไฟล์ติดตาม

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บข้อมูล ในส่วนการติดตาม ให้เลือกช่องทำเครื่องหมายเปิดใช้งานการติดตาม

สำคัญ: เราขอแนะนำให้คุณเปิดใช้งานการติดตามก็ต่อเมื่อผู้เชี่ยวชาญจากฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky ขอให้ทำเช่นนั้นเท่านั้น

ไฟล์ติดตามอาจต้องการพื้นที่ในดิสก์มาก เมื่อคุณไม่ต้องการไฟล์ติดตามแล้ว ให้ปิดใช้งานการติดตาม

ปิดใช้งานการติดตาม

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บข้อมูล ในส่วนการติดตาม ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายเปิดใช้งานการติดตาม

ไฟล์การติดตามจะถูกจัดเก็บภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณในโฟลเดอร์ต่อไปนี้:~/Library/Logs/Kaspersky Lab/ and /Library/Logs/Kaspersky Lab/

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะบันทึกข้อมูลต่อไปนี้ลงในไฟล์ติดตาม:

  • ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการ (ID ของอุปกรณ์ที่ไม่ซ้ำกัน ประเภทของอุปกรณ์ ที่อยู่ MAC ของอุปกรณ์เครือข่าย ประเภทของระบบปฏิบัติการณ์ เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ)
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของแอปพลิเคชัน และโมดูลของแอปพลิเคชัน
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครใช้บริการ (ประเภทการสมัครใช้บริการ ภูมิภาค)
  • ข้อมูลเกี่ยวกับระบบภาษา ID ของแอปพลิเคชัน การปรับแต่งแอปพลิเคชัน เวอร์ชันของแอปพลิเคชัน ID ของการติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่ซ้ำกัน ID ของคอมพิวเตอร์ที่ไม่ซ้ำกัน
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการป้องกันมัลแวร์ของคอมพิวเตอร์ ตลอดจนวัตถุที่ประมวลผลและตรวจพบ (ชื่อของวัตถุที่ตรวจพบ วันที่และเวลาตรวจจับ ที่อยู่เว็บที่ดาวน์โหลดมา ชื่อและขนาดของไฟล์ที่ติดไวรัสและเส้นทางไปยังไฟล์ ที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์ที่โจมตี และจำนวนของพอร์ตคอมพิวเตอร์ที่เป็นเป้าหมายของการโจมตีเครือข่าย รายการกิจกรรมของมัลแวร์ และที่อยู่เว็บที่ไม่พึงประสงค์) และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องและการตัดสินใจของแอปพลิเคชันและผู้ใช้
  • ข้อมูลเกี่ยวกับแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้ดาวน์โหลด (ที่อยู่เว็บ คุณสมบัติ ขนาดไฟล์ และข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการที่ดาวน์โหลดไฟล์นั้น)
  • ข้อมูลเกี่ยวกับแอปพลิเคชันที่เริ่มต้นและโมดูลของแอปพลิเคชัน (ขนาด คุณสมบัติ วันที่สร้าง รายละเอียดเกี่ยวกับส่วนหัว PE ภูมิภาค ชื่อ ตำแหน่งที่ตั้ง และตัวแพ็ก)
  • ข้อมูลเกี่ยวกับข้อผิดพลาดด้านอินเทอร์เฟซและการใช้งานอินเทอร์เฟซของแอปพลิเคชัน Kaspersky ที่ติดตั้ง
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการเชื่อมต่อเครือข่าย: ที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์ระยะไกลและคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ จำนวนพอร์ตที่ใช้สร้างการเชื่อมต่อ และโปรโตคอลเครือข่ายของการเชื่อมต่อ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับแพ็กเก็ตเครือข่ายที่รับส่งโดยคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่าย IT และโทรคมนาคม
  • ข้อมูลเกี่ยวกับอีเมลและข้อความแบบโต้ตอบทันทีที่รับส่ง
  • ข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่เว็บที่เยี่ยมชม: เวลาที่สร้างการเชื่อมต่อโดยใช้โปรโตคอลแบบเปิด ข้อมูลเกี่ยวกับล็อกอินและรหัสผ่านของเว็บไซต์ และเนื้อหาของคุกกี้
  • ใบรับรองสาธารณะของเซิร์ฟเวอร์

ไฟล์การติดตามมีเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นในการแก้ไขข้อบกพร่องในแอปพลิเคชัน Kaspersky ใช้ไฟล์การติดตามเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับข้อผิดพลาดในการดำเนินงานของแอปพลิเคชัน Kaspersky

ตามค่าเริ่มต้น การสร้างไฟล์การติดตามจะถูกปิดใช้งาน คุณสามารถเปิดใช้งานการสร้างไฟล์ติดตามได้ในการตั้งค่าแอปพลิเคชัน

ไฟล์การติดตามสามารถส่งถึง Kaspersky ได้ด้วยตัวเองเท่านั้น แอปพลิเคชันไม่ส่งไฟล์การติดตามถึง Kaspersky โดยอัตโนมัติ

คุณสามารถเลือกวิธีส่งไฟล์การติดตามถึง Kaspersky ได้

ก่อนส่งไฟล์การติดตามถึง Kaspersky โปรดตรวจดูข้อมูลที่มีในไฟล์นั้น

สำคัญ: ไฟล์การติดตามอาจมีข้อมูลส่วนตัวหรือละเอียดอ่อน เมื่อส่งไฟล์การติดตามถึง Kaspersky แสดงว่าคุณยินยอมมอบข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในไฟล์การติดตามที่คุณส่งถึง Kaspersky และคุณแสดงความยินยอมสำหรับวิธีการที่ใช้ส่งไฟล์

ด้านบนของหน้า

[Topic 85295]

ส่งไฟล์ที่มีข้อมูลความผิดพลาดให้ Kaspersky

แอปพลิเคชัน Kaspersky สามารถบันทึกข้อมูลสถานะของแอปพลิเคชันในช่วงเวลาที่เกิดข้อผิดพลาดแล้วส่งให้ Kaspersky โดยอัตโนมัติ

เปิดใช้งานการส่งไฟล์ข้อมูลความผิดพลาดให้ Kaspersky โดยอัตโนมัติ

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ ข้อมูล ในส่วน การรายงานผิดพลาด เลือกช่องทำเครื่องหมาย ส่งรายงานอัตโนมัติ

คุณสามารถเปิดใช้งานการส่งไฟล์ข้อมูลความผิดพลาดให้ Kaspersky โดยอัตโนมัติได้ในหน้าต่างแจ้งเตือนข้อผิดพลาดเบื้องต้นของแอปพลิเคชัน

แอปพลิเคชันส่งข้อมูลเหล่านี้ในไฟล์ข้อผิดพลาด:

  • ชื่อและ ID ของกระบวนการ
  • พาธไปยังโมดูลที่เรียกใช้งานได้
  • เวอร์ชันซอฟต์แวร์
  • เวอร์ชันบิตของกระบวนการ (32 หรือ 64 บิต)
  • ชื่อและ ID ของกระบวนการหลัก
  • วันที่และเวลาเกิดการหยุดทำงานของซอฟต์แวร์
  • เวอร์ชันระบบปฏิบัติการ
  • เวอร์ชันรายงาน
  • ประเภทของข้อผิดพลาดที่ทำให้เกิดการหยุดทำงานของซอฟต์แวร์
  • ข้อมูลข้อผิดพลาด
  • หมายเลขของเธรดที่เกิดข้อผิดพลาด
  • สแตกการเรียกสำหรับแต่ละเธรดระหว่างการหยุดทำงานของซอฟต์แวร์ (หมายเลขเฟรม, ชื่อโมดูล, ที่อยู่ในรหัส, ชื่อของฟังก์ชันตรงที่อยู่ที่เกี่ยวข้อง)
  • ค่ารีจิสทรีของเธรดที่เกิดข้อผิดพลาด
  • รายการโมดูลที่โหลดพร้อมด้วยที่อยู่ซึ่งโหลดโมดูลนั้น, ชื่อโมดูล, เวอร์ชันโมดูล, UUID และพาธไปยังโมดูลนั้น
ด้านบนของหน้า

[Topic 80831]

แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน

หน้าเว็บของแอปพลิเคชัน Kaspersky บนเว็บไซต์ Kaspersky

บนเว็บไซต์ Kaspersky คุณสามารถดูข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน ฟังก์ชัน และคุณสมบัติสำหรับแต่ละแผนได้:

หน้าของแอปพลิเคชัน Kaspersky ในฐานความรู้

ฐานความรู้ เป็นส่วนหนึ่งในเว็บไซต์ฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky

บน หน้าเว็บของแอปพลิเคชัน Kaspersky ในฐานความรู้ คุณสามารถอ่านบทความที่ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ คำแนะนำ และคำตอบของคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีซื้อ ติดตั้ง และใช้แอปพลิเคชันได้

บทความในฐานความรู้จะมีคำตอบสำหรับคำถามที่เกี่ยวข้องกับแอปพลิเคชัน Kaspersky รวมถึงแอปพลิเคชันอื่นๆ ของ Kaspersky บทความในฐานความรู้ยังอาจมีข่าวสารของฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky ด้วย

ไปที่ฐานความรู้จากเมนูแบบดึงลงของความช่วยเหลือ

  1. เลือก วิธีใช้ > ฝ่ายสนับสนุน
  2. คลิก ฝ่ายบริการลูกค้า

ปรึกษาเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน Kaspersky บนกระดานสนทนา Kaspersky Support

หากคำถามของคุณไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบในทันที คุณสามารถปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญของ Kaspersky และผู้ใช้รายอื่นบน กระดานสนทนาของเรา

ในส่วนกระดานสนทนานี้ คุณสามารถดูหัวข้อปรึกษา โพสต์ความคิดเห็น และสร้างหัวข้อปรึกษาใหม่ได้

ไปที่กระดานสนทนาจากเมนูแบบดึงลงของความช่วยเหลือ

  1. เลือก วิธีใช้ > ฝ่ายสนับสนุน
  2. คลิก กระดานสนทนา

หมายเหตุ: จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเข้าใช้งานทรัพยากรเว็บไซต์

หากคุณไม่สามารถหาวิธีการแก้ปัญหาของคุณ ให้ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky

ด้านบนของหน้า

[Topic 140466]

คำเตือนและข้อจำกัด

  • หากมีการติดตั้งแอปพลิเคชันที่เก็บข้อมูลแล้วส่งไปให้ประมวลผลลงในคอมพิวเตอร์ของคุณแอปพลิเคชัน Kaspersky อาจจำแนกประเภทแอปพลิเคชันนี้เป็นมัลแวร์ เพื่อไม่ให้เป็นเช่นนี้ คุณอาจยกเว้นแอปพลิเคชันนั้นจากการสแกนได้โดยกำหนดค่าแอปพลิเคชัน Kaspersky ตามที่อธิบายไว้ในเอกสารฉบับนี้
  • การตั้งค่าการทำงานของแอปพลิเคชันสามารถปรับเปลี่ยนได้โดยการแก้ไขไฟล์กำหนดค่า
  • หากใช้งานแอปพลิเคชัน Kaspersky บน Mac ของคุณ อาจเกิดปัญหาขณะใช้งานแอปพลิเคชัน QuickVPN หากคุณต้องการใช้งาน QuickVPN โปรดออกจากแอปพลิเคชัน Kaspersky พวกเรากำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุด
  • หากตั้งค่ารหัสผ่านหลักในเบราว์เซอร์ Mozilla Firefox ไว้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่สามารถติดตั้งใบรับรองระหว่างการตั้งค่าพื้นฐานบน macOS 11 หรือใหม่กว่าได้
  • iCloud Private Relay และการปกป้องความเป็นส่วนตัวไม่สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน Kaspersky บน macOS 12 หรือใหม่กว่าได้
  • เนื่องจากความต้องการเฉพาะของ macOS 13 เมื่อติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky บน Mac ของคุณ การเริ่มต้นระบบและการเข้าสู่ระบบอาจใช้เวลานานกว่าปกติเล็กน้อยในบางครั้ง
ด้านบนของหน้า

[Topic 56776]

ข้อมูลเกี่ยวกับรหัสของผู้พัฒนาภายนอก

ข้อมูลเกี่ยวกับรหัสของผู้พัฒนาภายนอกอยู่ในไฟล์ legal_notices.txt ในโฟลเดอร์ที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน

ด้านบนของหน้า

[Topic 59177]

ประกาศเครื่องหมายการค้า

เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนและเครื่องหมายบริการเป็นทรัพย์สินของเจ้าของนั้นๆ

AirPort, App Store, Apple, Finder, iCloud, iMac, iPad, iPhone, iPod, Mac, MacBook, macOS, Mac Pro, OS X, Safari, Time Machine และ Touch ID เป็นเครื่องหมายการค้าของ Apple, Inc.

Avira และชื่อผลิตภัณฑ์ Avira อื่น ๆ ที่อ้างถึงในที่นี้เป็นเครื่องหมายการค้าของ Avira หรือบริษัทในเครือของ Avira

AnyConnect, Cisco, Cisco AnyConnect และ IOS เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือเครื่องหมายการค้าของ Cisco Systems, Inc. และ/หรือบริษัทในเครือในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ บางประเทศ

Comodo เป็นเครื่องหมายการค้าที่เป็นเจ้าของโดย Comodo และ/หรือบริษัทในเครือของ Comodo

ESET เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือเครื่องหมายการค้าของ ESET, spol. s r.o. หรือเอนทิตี ESET ดังกล่าว

Android, Chrome, Chromium, Firebase, Google, Google Chrome และ Google Play เป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC

Intel เป็นเครื่องหมายการค้าของ Intel Corporation ในประเทศสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่น ๆ

Linux เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Linus Torvalds ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

McAfee เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือเครื่องหมายการค้าของ McAfee LLC หรือบริษัทในเครือในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

Internet Explorer, Microsoft, Windows, Windows Phone และ WMI เป็นเครื่องหมายการค้าของกลุ่มบริษัท Microsoft

Firefox, Mozilla เป็นเครื่องหมายการค้าของ Mozilla Foundation ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

OpenVPN เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ OpenVPN, Inc.

Java และ JavaScript เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Oracle และ/หรือบริษัทในเครือของ Oracle

Norton เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ NortonLifeLock Inc. หรือบริษัทในเครือในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

Symantec เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Symantec Corporation ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

Trend Micro เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Trend Micro Incorporated

AVG เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน

Bing เป็นเครื่องหมายการค้าของกลุ่มบริษัท Microsoft

ด้านบนของหน้า

[Topic 97057]

กล่องโต้ตอบ "ตรวจพบแฟ้มข้อมูลที่ป้องกันด้วยรหัสผ่าน"

หากแอปพลิเคชัน Kaspersky จำเป็นต้องสแกนไฟล์ในแฟ้มข้อมูลที่ได้รับการป้องกันด้วยรหัสผ่านในขณะที่ File Anti-Virus หรือการสแกนกำลังทำงาน หน้าต่างแจ้งเตือนจะปรากฏขึ้น

แฟ้มข้อมูล

เส้นทางไปยังแฟ้มข้อมูล

รหัสผ่าน

ช่องสำหรับป้อนรหัสผ่าน

หากคุณป้อนรหัสผ่านแอปพลิเคชัน Kaspersky จะสแกนแฟ้มข้อมูลเพื่อค้นหาไวรัสและภัยคุกคามความปลอดภัยอื่นๆ ของคอมพิวเตอร์

ข้ามแฟ้มข้อมูลที่ได้รับการปกป้องไว้

การคลิกปุ่มนี้จะข้ามวัตถุและวัตถุประเภทเดียวกันทั้งหมด

ข้าม

การคลิกปุ่มนี้จะข้ามวัตถุ

ด้านบนของหน้า

[Topic 58178]

กล่องตอบโต้ "จำเป็นต้องใช้การตรวจสอบสิทธิ์พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์"

ชื่อผู้ใช้

ช่องสำหรับป้อนชื่อผู้ใช้สำหรับเชื่อมต่อพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์

รหัสผ่าน

ช่องสำหรับป้อนรหัสผ่าน

จำรหัสผ่าน

ช่องทำเครื่องหมายนี้เปิด/ปิดใช้งานชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเฉพาะบุคคลเพื่อตรวจสอบสิทธิ์พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ในอนาคต

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกยกเลิกการเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ด้านบนของหน้า

[Topic 58179]

กล่องตอบโต้ "ตรวจพบวัตถุ"

เมื่อแอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจพบไวรัสหรือภัยคุกคามอื่นๆ ต่อความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์หรือออบเจ็กต์อื่นๆ หน้าต่างการแจ้งเตือนที่มีข้อมูลต่อไปนี้จะปรากฏบนหน้าจอ:

  • ประเภทวัตถุ (ตัวอย่างเช่น ไวรัส โทรจัน หรือ ลิงก์ฟิชชิ่ง)
  • ชื่อเต็มของวัตถุ
  • ลิงก์พาไปที่เว็บเพจสารานุกรมไวรัส Kaspersky พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุ
  • เส้นทางสู่โฟลเดอร์ที่มีวัตถุหรือที่อยู่เว็บซึ่งตรวจพบวัตถุดังกล่าว
  • รายการกระบวนการที่ใช้ได้ ซึ่งแอปพลิเคชันสามารถนำมาใช้กับวัตถุที่ตรวจพบหรือวัตถุรับส่งข้อมูลบนเว็บที่อันตราย

คุณได้รับการแจ้งเตือนให้เลือกหนึ่งในกระบวนการต่อไปนี้:

  • ล้างการติดเชื้อ ล้างการติดเชื้อในวัตถุดังกล่าว ก่อนการกำจัดไวรัส แอปพลิเคชันจะสร้างสำเนาสำรองของไฟล์เพื่อให้สามารถกู้คืนหรือกำจัดไฟล์อันตรายได้ในภายหลังโดยไม่เสี่ยงต่อการสูญหายของข้อมูล
  • ลบ ลบวัตถุดังกล่าว ก่อนการลบ แอปพลิเคชันจะสร้างสำเนาสำรองของไฟล์เพื่อให้สามารถกู้คืนหรือกำจัดไฟล์อันตรายได้ในภายหลังโดยไม่เสี่ยงต่อการสูญหายของข้อมูล
  • ห้ามบล็อก อนุญาตให้เข้าสู่ที่อยู่เว็บซึ่งมีวัตถุรับส่งข้อมูลบนเว็บที่เป็นอันตราย
  • บล็อก ไม่อนุญาตให้เข้าสู่เว็บเพจซึ่งมีวัตถุรับส่งข้อมูลบนเว็บที่เป็นอันตราย
  • ลบแฟ้มข้อมูล ลบแฟ้มข้อมูลซึ่งจัดเก็บวัตถุที่ตรวจพบ
  • ข้ามแฟ้มข้อมูลที่ได้รับการปกป้องไว้ ข้ามคลังที่ป้องกันด้วยรหัสผ่านระหว่างสแกนไวรัส
  • ข้าม บล็อกการเข้าถึงวัตถุดังกล่าวแต่ไม่ดำเนินการต่อ

นำไปใช้กับทั้งหมด

ช่องทำเครื่องหมายนี้เปิด/ปิดใช้งานการดำเนินการที่เลือกสำหรับวัตถุประเภทเดียวกันทั้งหมดระหว่างเซสชันปัจจุบันของ File Anti-Virus, การเรียกดูอย่างปลอดภัย หรือการสแกนไวรัส

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกยกเลิกการเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

เซสชันปัจจุบันของFile Anti-Virus หรือการเรียกดูอย่างปลอดภัยกำหนดให้เป็นเวลาตั้งแต่เริ่มใช้งานส่วนประกอบจนกว่าจะหยุด หรือจนกว่าแอปพลิเคชันจะปิดหรือรีสตาร์ท เซสชันปัจจุบันของการสแกนไวรัสกำหนดให้เป็นเวลาตั้งแต่เริ่มขั้นตอนสแกนไวรัสจนถึงสิ้นสุดกระบวนการ

ด้านบนของหน้า

[Topic 70875]

กล่องโต้ตอบ "แอปพลิเคชันไม่ได้เริ่มต้นอย่างถูกต้องในครั้งล่าสุด"

ส่งครั้งต่อไปโดยอัตโนมัติ

ช่องทำเครื่องหมายเปิด/ปิดใช้งานการส่งข้อมูลความผิดพลาดที่เกิดขึ้นให้ Kaspersky โดยอัตโนมัติ

เมื่อทำการเลือกช่องทำเครื่องหมายนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของแอปพลิเคชันในขณะที่เกิดความผิดพลาดจะถูกบันทึกเป็นไฟล์แล้วส่งต่อให้ Kaspersky โดยอัตโนมัติ

ห้ามส่ง

การคลิกปุ่มนี้จะปิดหน้าต่าง แอปพลิเคชันล้มเหลวในการเริ่มทำงานอย่างถูกต้อง ข้อมูลข้อผิดพลาดจะไม่ถูกส่ง

ไฟล์

คลิกปุ่มนี้เพื่อเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถเลือกไฟล์บันทึกข้อมูลความผิดพลาดที่ต้องการให้แอปพลิเคชันส่งให้ Kaspersky

ปิด

การคลิกปุ่มนี้จะปิดหน้าต่างที่คุณเลือกไฟล์ที่มีข้อมูลข้อผิดพลาด

ส่ง

คลิกปุ่มนี้เพื่อส่งข้อมูลความผิดพลาดที่เกิดขึ้นให้ Kaspersky

ด้านบนของหน้า

[Topic 88155]

หน้าต่าง"สแกน"

การคลิกปุ่มนี้จะนำคุณกลับไปที่หน้าต่าง Kaspersky ก่อนหน้า

การคลิกปุ่มนี้จะนำคุณไปสู่หน้าต่าง Kaspersky ถัดไป

เริ่มการสแกนเต็มรูปแบบ

การคลิกปุ่มนี้จะเริ่มการสแกนแบบเต็ม

เริ่มต้นการสแกนอย่างรวดเร็ว

การคลิกปุ่มนี้จะเริ่มการสแกนด่วน

กำหนดเวลาสแกน

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดกล่องโต้ตอบซึ่งคุณสามารถกำหนดเวลาการสแกนแบบเต็มหรือการสแกนด่วนได้

เลือก

คลิกที่ปุ่มนี้เพื่อเปิดกล่องโต้ตอบที่คุณสามารถเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่จะสแกน

หยุด

การคลิกปุ่มนี้จะหยุดการสแกนไวรัสที่เลือก

ปุ่มนี้จะปรากฎขึ้นเมื่อกำลังดำเนินการสแกนไวรัส

ในส่วน ประวัติการสแกน คุณสามารถดูบันทึกของการสแกนไวรัสทั้งหมดที่ดำเนินการ

รายละเอียด

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างรายงานการสแกนไวรัส

ปุ่มนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อคุณวางเมาส์เหนืองานสแกน

ล้างประวัติสแกน

การคลิกปุ่มนี้จะเป็นการลบบันทึกทั้งหมดของงานสแกนไวรัสทั้งหมดในส่วน ประวัติการสแกน

แสดงทั้งหมด

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างวัตถุที่ตรวจพบ ซึ่งคุณสามารถดูอ็อบเจ็กต์ที่ตรวจพบทั้งหมดได้

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

ดำเนินการสแกน

ด้านบนของหน้า

[Topic 116237]

หน้าต่าง "วัตถุที่ตรวจพบ"

ส่วนวัตถุที่ตรวจพบประกอบไปด้วยออบเจ็กต์อันตรายที่แอปพลิเคชันตรวจพบ

การล้างการติดเชื้อทั้งหมด

การคลิกปุ่มนี้จะเริ่มการชำระล้างอ็อบเจ็กต์ที่เป็นอันตรายที่ตรวจพบทั้งหมด

ละเว้นทั้งหมด

การคลิกปุ่มนี้จะลบอ็อบเจ็กต์ที่เป็นอันตรายทั้งหมดออกจากรายการอ็อบเจ็กต์ที่เป็นอันตรายในส่วนวัตถุที่ตรวจพบ

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดเมนูป็อปอัปให้คุณเลือกหนึ่งในสิ่งที่จะให้ดำเนินการกับวัตถุอันตรายต่อไปนี้:

  • ล้างการติดเชื้อ ล้างการติดเชื้อในวัตถุดังกล่าว ก่อนการกำจัดไวรัส แอปพลิเคชัน Kaspersky จะสร้างสำเนาสำรองของไฟล์เพื่อให้สามารถกู้คืนหรือกำจัดไฟล์อันตรายได้ในภายหลังโดยไม่เสี่ยงต่อการสูญหายของข้อมูล
  • ละเว้น ลบวัตถุออกจากรายการวัตถุที่ตรวจพบ

ส่วนวัตถุอื่น จะมีวัตถุที่ตรวจพบที่ไม่เป็นอันตรายแต่อาจถูกแฮกเกอร์นำมาใช้ทำอันตรายต่อคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของคุณได้

ลบทั้งหมด

การคลิกปุ่มนี้จะลบวัตถุที่ตรวจพบทั้งหมดออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณ

ละเว้นทั้งหมด

การคลิกปุ่มนี้จะลบวัตถุที่ตรวจพบทั้งหมดออกจากรายการวัตถุที่ตรวจพบในส่วนวัตถุอื่น

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดเมนูป็อปอัปให้คุณเลือกหนึ่งในสิ่งที่จะให้ดำเนินการกับอ็อบเจ็กต์ที่ตรวจพบต่อไปนี้:

  • ลบ ลบอ็อบเจ็กต์ที่ตรวจพบออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณ
  • ละเว้น ลบวัตถุออกจากรายการวัตถุที่ตรวจพบ

ส่วนการกักกันจะมีสำเนาสำรองข้อมูลของวัตถุที่ตรวจพบ

ลบทั้งหมด

การคลิกปุ่มนี้จะลบสำเนาสำรองข้อมูลของวัตถุที่ตรวจพบทั้งหมดออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณ

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดเมนูป็อปอัปให้คุณเลือกสิ่งที่จะให้ดำเนินการกับอ็อบเจ็กต์ที่ถูกกักกันต่อไปนี้

  • ลบสำเนาที่ถูกกักเก็บไว้ ลบสำเนาของอ็อบเจ็กต์ที่ตรวจพบที่ถูกกักกันออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณ
  • กู้คืนไฟล์ รีสโตร์สำเนาสำรองข้อมูลของไฟล์ที่เลือกไว้ในรายการกลับสู่ตำแหน่งดั้งเดิมของไฟล์โดยมีชื่อเดียวกับไฟล์ดั้งเดิมก่อนการชำระล้างหรือการลบ หากมีออบเจ็กต์ที่มีชื่อเดียวกันอยู่แล้วที่ตำแหน่งดั้งเดิม (ตัวอย่างเช่น หากแอปพลิเคชัน Kaspersky สร้างสำเนาของไฟล์ดั้งเดิมขึ้นมาก่อนการชำระล้างหรือชำระล้างไฟล์ดั้งเดิมไป) ระบบจะแสดงคำเตือน คุณสามารถเปลี่ยนตำแหน่งหรือเปลี่ยนชื่อของอ็อบเจ็กต์ที่กำลังกู้คืนได้

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

การเรียกดูอย่างปลอดภัย

การสแกน

ด้านบนของหน้า

[Topic 58180]

หน้าต่าง "โปรไฟล์"

การคลิกปุ่มนี้จะนำคุณกลับไปที่หน้าต่าง Kaspersky ก่อนหน้า

การคลิกปุ่มนี้จะนำคุณไปสู่หน้าต่าง Kaspersky ถัดไป

ซื้อ

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าร้านค้าออนไลน์ที่คุณสามารถซื้อการสมัครใช้บริการได้

หน้าต่างนี้อาจประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้:

  • สถานะการสมัครใช้บริการ
  • คีย์ที่ใช้งานอยู่
  • เวลาและวันหมดอายุการสมัครใช้บริการ
  • จำนวนวันก่อนหมดอายุการสมัครสมาชิก
  • จำนวนอุปกรณ์ที่ได้รับการปกป้องโดยการสมัครสมาชิกของคุณ และจำนวนอุปกรณ์ที่คุณใช้การป้องกันร่วมกันได้

    หมายเหตุ: แผนการสมัครสมาชิกบางแผนอาจแสดงเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนอุปกรณ์ทั้งหมดที่ปกป้องได้จากการสมัครสมาชิกของคุณ

ในหน้าต่างนี้ คุณอาจดำเนินการต่อไปนี้:

  • เพิ่มรหัสเปิดใช้งาน
  • ไปยัง My Kaspersky หรือเว็บไซต์ผู้ให้บริการของคุณเพื่อจัดการกับการสมัครสมาชิกของคุณ
  • อัปเดตสถานะการสมัครใช้งานของคุณ
  • ซื้อการสมัครใช้บริการ

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

ดูข้อมูลการสมัครสมาชิก

จัดการการบอกรับเป็นสมาชิก

ปกป้องอุปกรณ์ได้มากขึ้นด้วยการสมัครสมาชิก

ด้านบนของหน้า

[Topic 173539]

หน้าต่าง "ตรวจสอบบัญชี"

ช่อง ป้อนที่อยู่อีเมล

ช่องสำหรับป้อนที่อยู่อีเมล แอปพลิเคชัน Kaspersky สามารถตรวจสอบบัญชีที่ใช้ที่อยู่อีเมลเป็นชื่อบัญชีผู้ใช้เท่านั้น

ตรวจสอบ

คลิกปุ่มนี้เพื่อเริ่มการตรวจสอบบัญชีของคุณ

หากบัญชีของคุณตกอยู่ในอันตรายแอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงรายการเว็บไซต์ที่บัญชีของคุณถูกเปิดเผย สำหรับแต่ละเว็บไซต์ แอปพลิเคชันจะแสดงหมวดหมู่ของข้อมูลที่เสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยต่อสาธารณะและวันที่ที่อาจเกิดการรั่วไหล

ด้านบนของหน้า

[Topic 59245]

แท็บ "การป้องกัน"

ในส่วนทั่วไป คุณสามารถเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานการป้องกันคอมพิวเตอร์จากไวรัสและภัยคุกคามความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์อื่น ๆ และเปิดใช้งานการตรวจสอบการเชื่อมต่อ HTTPS สำหรับส่วนประกอบ Safe Money, การเรียกดูส่วนตัว, ตัวควบคุมเว็บ (ถ้ามี) และ Parental Control (ถ้ามี)

เปิดใช้งานการป้องกัน

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการป้องกันแบบเรียลไทม์ต่อไวรัสและภัยคุกคามด้านความปลอดภัยคอมพิวเตอร์อื่น ๆ

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ตรวจสอบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (HTTPS) สำหรับการเรียกดูอย่างปลอดภัย, Safe Money และการเรียกดูส่วนตัว

หมายเหตุ: หากเวอร์ชันของแอปพลิเคชันของคุณมีส่วนประกอบตัวควบคุมเว็บหรือ Parental Control ชื่อของช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปลี่ยนเป็น ตรวจสอบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (HTTPS) สำหรับการเรียกดูอย่างปลอดภัย, Safe Money, การเรียกดูส่วนตัว และการควบคุมเว็บ หรือ ตรวจสอบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (HTTPS) สำหรับการเรียกดูอย่างปลอดภัย, Safe Money, การเรียกดูส่วนตัว และ Parental Control

ช่องทำเครื่องหมายนี้เปิด/ปิดการใช้งานการสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส (HTTPS) โดยการเรียกดูอย่างปลอดภัย, Safe Money, การเรียกดูส่วนตัว, ตัวควบคุมเว็บ (ถ้ามี) และ Parental Control (ถ้ามี) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของแอปพลิเคชัน Kaspersky

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

การตั้งค่า

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถจัดการรายการใบรับรองหลักที่เชื่อถือได้

ในส่วน File Anti-Virus คุณสามารถเปิดใช้งานหรือปิดใช้งาน File Anti-Virus และเลือกสิ่งที่ต้องการให้แอปพลิเคชันดำเนินการเมื่อตรวจพบไฟล์ที่ติดไวรัสได้

เปิดใช้งาน File Anti-Virus

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งาน File Anti-Virus

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

การตั้งค่า

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถสร้างขอบเขตการป้องกันและกำหนดค่าการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว

การล้างการติดเชื้อหรือลบวัตถุอันตรายโดยอัตโนมัติ

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะบล็อกการเข้าถึงไฟล์ที่ติดไวรัสและพยายามล้างการติดเชื้อไฟล์โดยไม่ร้องขอการยืนยันจากผู้ใช้ ก่อนจะดำเนินการชำระล้างแอปพลิเคชันจะย้ายสำเนาสำรองข้อมูลของไฟล์เข้าไปในการกักกัน หากไฟล์ถูกฆ่าเชื้อแล้ว แอปพลิเคชันจะบันทึกไว้ในตำแหน่งดั้งเดิมของไฟล์ภายใต้ชื่อดั้งเดิมของไฟล์ หากการฆ่าเชื้อล้มเหลว แอปพลิเคชัน Kaspersky จะเก็บไฟล์ที่ติดไวรัสไว้ในสถานะที่ถูกบล็อกในตำแหน่งดั้งเดิมของไฟล์ ข้อมูลเกี่ยวกับอ็อบเจ็กต์ที่ผ่านการประมวลผลจะถูกบันทึกในรายงานวัตถุที่ถูกประมวลผล

การดำเนินการนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ยืนยันเพื่อดำเนินการ

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงหน้าต่างแจ้งเตือนที่มีข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่สงสัยว่าจะทำให้ไฟล์ติดไวรัส แล้วแจ้งให้คุณเลือกสิ่งที่ต้องการให้แอปพลิเคชันดำเนินการ การดำเนินการอาจแตกต่างกันไปตามสถานะของอ็อบเจ็กต์นั้น ๆ

ในส่วน การเรียกดูอย่างปลอดภัย คุณจะสามารถเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานการเรียกดูอย่างปลอดภัยแล้วเลือกสิ่งที่ต้องการให้แอปพลิเคชันดำเนินการเมื่อตรวจพบออบเจ็กต์ปริมาณการใช้ข้อมูลเว็บที่อันตรายได้

เปิดใช้งานการเรียกดูอย่างปลอดภัย

ช่องทำเครื่องหมายนี้เปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการเรียกดูอย่างปลอดภัย

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ในส่วนตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย คุณสามารถเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานการป้องกันการโจมตีเครือข่ายได้

เปิดใช้งานตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

การตั้งค่า

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถสร้างรายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้หรือดูและแก้ไขรายการคอมพิวเตอร์ที่ถูกบล็อก

ในส่วน Safe Money คุณจะสามารถเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานส่วนประกอบ Safe Money และเพิ่มเว็บไซต์เข้าสู่การป้องกัน Safe Money ได้

เปิดใช้งาน Safe Money

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานส่วนประกอบ Safe Money

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

เว็บไซต์ของฉัน

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถเพิ่มเว็บไซต์ธนาคาร ระบบการชำระเงิน หรือร้านค้าออนไลน์เข้าสู่การป้องกัน Safe Money ได้

การตั้งค่าส่วนขยาย

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดแท็บเบราเซอร์

การคลิกปุ่มนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์ในการดูแลระบบเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าของแอปพลิเคชันได้

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดการสอบถามขอข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบ หลังจากที่คุณป้อนข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบแล้ว การตั้งค่าแอปพลิเคชันจะสามารถแก้ไขได้

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

ปิดใช้งานและดำเนินการป้องกันคอมพิวเตอร์ต่อไป

ด้านบนของหน้า

[Topic 59246]

หน้าต่าง "ขอบเขตการป้องกัน"

ในส่วนขอบเขตการป้องกัน คุณจะสามารถดูและแก้ไขขอบเขตการป้องกันได้

ดิสก์ภายนอกทั้งหมด

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการป้องกันแบบเรียลไทม์ของดิสก์แบบถอดได้ทั้งหมด

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ดิสก์ภายในทั้งหมด

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการป้องกันแบบเรียลไทม์ของดิสก์ภายในทั้งหมด

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ดิสก์เครือข่ายทั้งหมด

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการป้องกันแบบเรียลไทม์ของดิสก์เครือข่ายทั้งหมด

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดรายการที่คุณสามารถเลือกรายการเพื่อสร้างขอบเขตการป้องกันได้:

  • ไฟล์และโฟลเดอร์ การเลือกรายการนี้จะเปิดกล่องข้อความสำหรับเพิ่มไฟล์หรือโฟลเดอร์เข้าไปในขอบเขตการป้องกัน
  • ดิสก์ทั้งหมด การเลือกรายการนี้จะเพิ่มดิสก์แบบถอดได้ ดิสก์ภายใน และดิสก์เครือข่ายทั้งหมดของคอมพิวเตอร์เข้าไปในขอบเขตการป้องกัน
  • ดิสก์ภายนอกทั้งหมด การเลือกรายการนี้จะเพิ่มดิสก์แบบถอดได้ทั้งหมดของคอมพิวเตอร์เข้าไปในขอบเขตการป้องกัน
  • ดิสก์ภายในทั้งหมด การเลือกรายการนี้จะเพิ่มดิสก์ภายในทั้งหมดของคอมพิวเตอร์เข้าไปในขอบเขตการป้องกัน
  • ดิสก์เครือข่ายทั้งหมด การเลือกรายการนี้จะเพิ่มดิสก์เครือข่ายทั้งหมดของคอมพิวเตอร์เข้าไปในขอบเขตการป้องกัน
  • หน่วยความจำ การเลือกรายการนี้จะเพิ่มหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์เข้าไปในขอบเขตการป้องกัน
  • ออบเจ็กต์การเริ่มต้นทำงาน การเลือกรายการนี้จะเพิ่มไฟล์ที่เรียกใช้งานได้ทั้งหมดที่เริ่มต้นเมื่อระบบปฏิบัติการเริ่มทำงานเข้าไปในขอบเขตการป้องกัน การสแกนอ็อบเจ็กต์เริ่มต้นจะทำให้สามารถตรวจจับรูทคิทได้

ช่องทำเครื่องหมายถัดจากรายการจะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการป้องกันแบบเรียลไทม์ของอ็อบเจ็กต์ที่เชื่อมโยงกับรายการนี้

การคลิกปุ่มนี้จะลบรายการที่เลือกไว้ออกจากรายการขอบเขตการป้องกัน

ไม่สามารถลบรายการที่อยู่ในรายการขอบเขตการป้องกันโดยค่าเริ่มต้นออกได้

ในส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพ คุณสามารถกำหนดค่าให้แอปพลิเคชันสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียวได้

ข้ามการสแกนข้อมูลไดรฟ์ระบบสำหรับอ่านเท่านั้น

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะทำการปิด/เปิดใช้งานการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียวโดยแอปพลิเคชัน

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

สำคัญ: อาจไม่มีการเปิดใช้งานการเพิ่มประสิทธิภาพเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

File Anti-Virus

ด้านบนของหน้า

[Topic 88528]

หน้าต่าง "การตั้งค่า"

ในแท็บ คอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือ คุณสามารถสร้างรายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่บล็อกที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์เหล่านี้โดยอัตโนมัติ แม้ว่าจะตรวจพบกิจกรรมเครือข่ายอันตรายจากคอมพิวเตอร์เหล่านี้

ตามค่าเริ่มต้น รายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้จะว่างเปล่า

การคลิกปุ่มนี้จะเป็นการเพิ่มช่องสำหรับป้อนที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้

การคลิกปุ่มนี้จะลบที่อยู่ IP ที่เลือกออกจากรายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้

แก้ไข

เมื่อคลิกปุ่มนี้จะทำให้สามารถแก้ไขที่อยู่ IP ที่เลือกได้

ในแท็บ คอมพิวเตอร์ที่ถูกบล็อก คุณสามารถดูและแก้ไขรายการคอมพิวเตอร์ที่บล็อก

แอปพลิเคชัน Kaspersky บล็อกคอมพิวเตอร์ด้วยที่อยู่ IP นี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงหลังจากตรวจพบกิจกรรมเครือข่ายที่เป็นอันตราย

ที่อยู่ IP

คอลัมน์นี้แสดงที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์ที่บล็อก

เวลาเกิดอุบัติการณ์

คอลัมน์นี้แสดงวันที่และเวลาที่ตรวจพบกิจกรรมเครือข่ายที่เป็นอันตรายในคอมพิวเตอร์

ยกเลิกการบล็อก

เมื่อคลิกปุ่มนี้จะลบที่อยู่ IP ที่เลือกออกจากรายการคอมพิวเตอร์ที่บล็อก

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย

ด้านบนของหน้า

[Topic 112529]

หน้าต่าง "เว็บไซต์ของฉัน"

การคลิกปุ่มนี้จะเพิ่มช่องข้อความให้ป้อนที่อยู่เว็บเข้าไปในรายการเว็บไซต์ที่ได้รับการป้องกันจากส่วนประกอบ Safe Money

การคลิกปุ่มนี้จะลบที่อยู่เว็บที่เลือกไว้ออกจากรายการเว็บไซต์ที่ได้รับการป้องกันจากส่วนประกอบ Safe Money

บันทึก

การคลิกปุ่มนี้จะบันทึกรายการเว็บไซต์ที่ได้รับการป้องกันจากส่วนประกอบ Safe Money และปิดหน้าต่างลง

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

Safe Money

ด้านบนของหน้า

[Topic 59248]

แท็บ "สแกน"

รายการงานสแกนไวรัส

จะมีค่างานสแกนไวรัสที่ตั้งไว้:

  • สแกนทั้งระบบ การสแกนไวรัสจากหน่วยความจำ อ็อบเจ็กต์เริ่มต้น และดิสก์ภายในทั้งหมดของคอมพิวเตอร์
  • สแกนแบบเร็ว การสแกนไวรัสจากเฉพาะบริเวณที่สำคัญของคอมพิวเตอร์: หน่วยความจำ อ็อบเจ็กต์เริ่มต้น และโฟลเดอร์ระบบ
  • การสแกนแบบปรับแต่งเอง การสแกนไวรัสจากออบเจ็กต์ที่ระบุ (ไฟล์ โฟลเดอร์ ดิสก์ภายใน หรือดิสก์แบบถอดได้)
  • การสแกนดิสก์ภายนอก การสแกนไวรัสจากดิสก์ภายนอกที่ดำเนินการเมื่อมีการเชื่อมต่อดิสก์ภายนอกเข้ากับคอมพิวเตอร์

ในส่วนขอบเขตการสแกน คุณจะสามารถดูและแก้ไขขอบเขตการสแกนสำหรับการสแกนด่วนได้

แก้ไข

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถดูและแก้ไขขอบเขตการสแกนได้

ปุ่มนี้จะปรากฏเฉพาะเมื่อเลือกงานการสแกนด่วนภายในรายการเท่านั้น

ในส่วน การเพิ่มประสิทธิภาพ คุณสามารถกำหนดค่าได้ว่าจะให้แอปพลิเคชัน Kaspersky สแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียวเมื่อดำเนินการสแกนด่วนหรือสแกนแบบเต็ม

ข้ามการสแกนข้อมูลไดรฟ์ระบบสำหรับอ่านเท่านั้น

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะทำการปิด/เปิดใช้งานการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียวโดยแอปพลิเคชัน Kaspersky

ตามค่าเริ่มต้น ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้สำหรับการสแกนด่วนและไม่ถูกเลือกสำหรับการสแกนแบบเต็ม

สำคัญ: อาจไม่มีการเปิดใช้งานการเพิ่มประสิทธิภาพเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

ในส่วนการดำเนินการ คุณสามารถเลือกสิ่งที่จะให้แอปพลิเคชันดำเนินการเมื่อตรวจพบไฟล์ที่ติดไวรัสได้

การล้างการติดเชื้อหรือลบวัตถุอันตรายโดยอัตโนมัติ

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะบล็อกการเข้าถึงไฟล์ที่ติดไวรัสและพยายามล้างการติดเชื้อไฟล์โดยไม่ร้องขอการยืนยันจากผู้ใช้ ก่อนจะดำเนินการชำระล้างแอปพลิเคชันจะย้ายสำเนาสำรองข้อมูลของไฟล์เข้าไปในการกักกัน หากไฟล์ถูกฆ่าเชื้อแล้ว แอปพลิเคชันจะบันทึกไว้ในตำแหน่งดั้งเดิมของไฟล์ภายใต้ชื่อดั้งเดิมของไฟล์ หากการฆ่าเชื้อล้มเหลว แอปพลิเคชัน Kaspersky จะเก็บไฟล์ที่ติดไวรัสไว้ในสถานะที่ถูกบล็อกในตำแหน่งดั้งเดิมของไฟล์ ข้อมูลเกี่ยวกับอ็อบเจ็กต์ที่ผ่านการประมวลผลจะถูกบันทึกในรายงานวัตถุที่ถูกประมวลผล

แจ้งเตือนเมื่อการสแกนเสร็จสมบูรณ์

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะเลื่อนการประมวลผลไฟล์ที่ติดไวรัสที่ตรวจพบจนกว่าจะสิ้นสุดการสแกน เมื่อการสแกนเสร็จสิ้นแล้ว แอปพลิเคชันจะแสดงหน้าต่างแจ้งเตือนซึ่งจะแจ้งให้คุณทราบถึงวัตถุติดเชื้อที่ตรวจพบแต่ละอัน และเสนอทางเลือกสำหรับการดำเนินการเพิ่มเติม การดำเนินการอาจแตกต่างกันไปตามสถานะของอ็อบเจ็กต์นั้น ๆ

ในส่วนเมื่อเชื่อมต่อกับดิสก์ภายนอก คุณสามารถเลือกการดำเนินการที่จะให้แอปพลิเคชันดำเนินการเมื่อมีการเชื่อมต่อดิสก์ภายนอกเข้ากับคอมพิวเตอร์

ป๊อปอัพแจ้งเตือนเพื่อสแกน

เมื่อมีการเชื่อมต่อดิสก์ภายนอกเข้ากับคอมพิวเตอร์ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงการแจ้งเตือน คุณสามารถใช้การแจ้งเตือนสแกนดิสก์ที่เชื่อมต่อหรือข้ามการสแกนได้

การดำเนินการนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

สแกนในทันที

เมื่อมีการเชื่อมต่อดิสก์ภายนอกเข้ากับคอมพิวเตอร์ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะสแกนหาภัยคุกคามในดิสก์นั้นโดยอัตโนมัติ

ไม่ทำอะไรเลย

เมื่อมีการเชื่อมต่อดิสก์ภายนอกเข้ากับคอมพิวเตอร์ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่ดำเนินการใดๆ

กำหนดเวลา

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดกล่องโต้ตอบซึ่งคุณสามารถกำหนดเวลาการสแกนแบบเต็มหรือการสแกนด่วนได้

การคลิกปุ่มนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์ในการดูแลระบบเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าของแอปพลิเคชันได้

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดการสอบถามขอข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบ หลังจากที่คุณป้อนข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบแล้ว การตั้งค่าแอปพลิเคชันจะสามารถแก้ไขได้

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

การสแกน

ด้านบนของหน้า

[Topic 59249]

หน้าต่าง "ขอบเขตการสแกน"

ในหน้าต่างบานนี้ คุณจะสามารถดูและแก้ไขขอบเขตการสแกนของงานสแกนด่วนได้

ช่องทำเครื่องหมายถัดจากอ็อบเจ็กต์ในลิสต์จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการสแกนอ็อบเจ็กต์นั้น ๆ

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดรายการสำหรับปรับแต่งขอบเขตการสแกน:

  • ไฟล์และโฟลเดอร์ การเลือกรายการนี้จะเปิดกล่องข้อความสำหรับเพิ่มไฟล์หรือโฟลเดอร์เข้าไปในขอบเขตการสแกน
  • ดิสก์ทั้งหมด การเลือกรายการนี้จะเพิ่มดิสก์ภายนอก ดิสก์ภายใน และดิสก์เครือข่ายทั้งหมดของคอมพิวเตอร์เข้าไปในขอบเขตการสแกน
  • ดิสก์ภายนอกทั้งหมด การเลือกรายการนี้จะเพิ่มดิสก์ภายนอกทั้งหมดของคอมพิวเตอร์เข้าไปในขอบเขตการสแกน
  • ดิสก์ภายในทั้งหมด การเลือกรายการนี้จะเพิ่มดิสก์ภายในทั้งหมดของคอมพิวเตอร์เข้าไปในขอบเขตการสแกน
  • ดิสก์เครือข่ายทั้งหมด การเลือกรายการนี้จะเพิ่มดิสก์เครือข่ายทั้งหมดของคอมพิวเตอร์เข้าไปในขอบเขตการสแกน
  • หน่วยความจำ การเลือกรายการนี้จะเพิ่มหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์เข้าไปในขอบเขตการสแกน
  • ออบเจ็กต์การเริ่มต้นทำงาน การเลือกรายการนี้จะเพิ่มไฟล์ที่เรียกใช้งานได้ทั้งหมดที่เริ่มต้นเมื่อระบบปฏิบัติการเริ่มทำงานเข้าไปในขอบเขตการสแกน การสแกนอ็อบเจ็กต์เริ่มต้นจะทำให้สามารถตรวจจับรูทคิทได้

การคลิกปุ่มนี้จะลบรายการที่เลือกไว้ออกจากรายการขอบเขตการสแกน

ไม่สามารถลบรายการที่อยู่ในรายการขอบเขตการสแกนโดยค่าเริ่มต้นออกได้

ด้านบนของหน้า

[Topic 59254]

แท็บ "ภัยคุกคาม"

ในส่วนหมวดหมู่วัตถุที่ตรวจจับ คุณสามารถกำหนดค่ารายการอ็อบเจ็กต์ที่จะตรวจจับได้

ไวรัส เวิร์ม โทรจัน เครื่องมือที่เป็นอันตราย แอดแวร์ และการต่อคู่สายอัตโนมัติ

หมวดหมู่นี้รวมถึงโปรแกรมประเภทต่อไปนี้:

  • มัลแวร์ทุกประเภท
  • แอปพลิเคชันที่แสดงโฆษณา (เช่นแบนเนอร์) ในคอมพิวเตอร์ของคุณหรือนำเว็บไซต์โฆษณามาแทนที่ผลการค้นหาในเบราเซอร์ของคุณ
  • แอปพลิเคชันที่สร้างการเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านทางโมเด็มของคอมพิวเตอร์

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะควบคุมโปรแกรมประเภทนี้เสมอ

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะถูกเลือกอยู่เสมอและไม่สามารถยกเลิกการเลือกได้

Stalkerware และซอฟต์แวร์ที่ผู้บุกรุกสามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลส่วนตัวของคุณ

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการควบคุม Stalkerware และแอปพลิเคชันถูกกฎหมายอื่น ๆ ที่ผู้บุกรุกอาจนำมาใช้ทำอันตรายให้แก่คอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้ใช้ได้ เช่น แอปพลิเคชันการดูแลระบบจากระยะไกล

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ในส่วนการกักกัน คุณจะสามารถระบุระยะเวลาจัดเก็บอ็อบเจ็กต์ไว้ในการกักกันสูงสุดได้

ลบอ็อบเจ็กต์ที่ถูกกักกันหลังจาก <number> วัน

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการลบอ็อบเจ็กต์ออกจากการกักกันหลังระยะเวลาจัดเก็บที่ระบุไว้หมดลง

หากเลือกช่องทำเครื่องหมายนี้ แอปพลิเคชันจะลบออบเจ็กต์ออกจากการกักกันหลังระยะเวลาที่ระบุไว้ในช่องตัวเลขถัดจากช่องทำเครื่องหมาย หากช่องทำเครื่องหมายไม่ถูกเลือก อ็อบเจ็กต์จะจัดเก็บในการกักกันโดยไม่มีที่สิ้นสุด

ตามค่าเริ่มต้นจะเลือกช่องทำเครื่องหมายนี้ และอ็อบเจ็กต์ต่าง ๆ จะถูกจัดเก็บในการกักกันเป็นเวลา 30 วัน

ในส่วนการละเว้น คุณสามารถสร้างรายการไฟล์ โฟลเดอร์ และเว็บไซต์ที่คุณเชื่อถือและไม่ต้องการสแกนหาไวรัสได้

โซนที่เชื่อถือได้

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถแก้ไขโซนที่เชื่อถือได้

การคลิกปุ่มนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์ในการดูแลระบบเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าของแอปพลิเคชันได้

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดการสอบถามขอข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบ หลังจากที่คุณป้อนข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบแล้ว การตั้งค่าแอปพลิเคชันจะสามารถแก้ไขได้

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

ขอบเขตการป้องกันคอมพิวเตอร์

File Anti-Virus

การสแกน

ด้านบนของหน้า

[Topic 59260]

แท็บ "ไฟล์และโฟลเดอร์ที่เชื่อถือได้"

ในแท็บไฟล์และโฟลเดอร์ที่เชื่อถือได้ คุณสามารถสร้างรายการไฟล์และโฟลเดอร์ที่คุณไม่ต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky ติดตามได้

ตามค่าเริ่มต้น รายการอ็อบเจ็กต์ของโซนที่เชื่อถือได้จะเว้นว่างไว้

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดกล่องข้อความให้เลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์

การคลิกปุ่มนี้จะลบอ็อบเจ็กต์ที่เลือกไว้ออกจากโซนที่เชื่อถือได้

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

File Anti-Virus

ด้านบนของหน้า

[Topic 173784]

แท็บ "เว็บแอดเดรสที่เชื่อถือได้"

ในแท็บ ที่อยู่เว็บที่เชื่อถือได้ คุณสามารถสร้างรายการที่อยู่เว็บที่คุณไม่ต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจสอบได้

ตามค่าเริ่มต้น รายการอ็อบเจ็กต์ของโซนที่เชื่อถือได้จะเว้นว่างไว้

การคลิกปุ่มนี้จะเป็นการเพิ่มช่องสำหรับป้อนที่อยู่เว็บ

การคลิกปุ่มนี้จะลบที่อยู่เว็บที่เลือกออกจากรายการโซนที่เชื่อถือได้

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

การเรียกดูอย่างปลอดภัย

ด้านบนของหน้า

[Topic 170735]

แท็บ "KSN"

ในส่วนประสบการณ์ที่พัฒนาขึ้น (สามารถใช้บริการได้เฉพาะในเวอร์ชันของแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาให้ใช้งานภายในสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา หรือบราซิล) คุณสามารถอ่านประกาศด้านการตลาด และยอมรับหรือไม่ยอมรับการส่งข้อมูลที่อยู่ในรายการในแถลงการณ์ด้านการตลาดให้กับ Kaspersky

แสดงประกาศด้านการตลาด

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่จะแสดงข้อความของประกาศด้านการตลาด

ช่วย Kaspersky ยกระดับผลิตภัณฑ์โดยการส่งข้อมูลเกี่ยวกับแอปพลิเคชันและสภาพแวดล้อม

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการส่งข้อมูลที่อยู่ในรายการในประกาศด้านการตลาดให้กับ Kaspersky

ในส่วนการป้องกันที่ยกระดับขึ้น คุณสามารถอ่านข้อตกลงของประกาศเกี่ยวกับ Kaspersky Security Network และเลือกเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม Kaspersky Security Network ได้

แสดงประกาศเกี่ยวกับ KSN

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่จะแสดงข้อความของประกาศเกี่ยวกับ Kaspersky Security Network

การมีส่วนร่วมใน Kaspersky Security Network

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการเข้าร่วม Kaspersky Security Network

การคลิกปุ่มนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์ในการดูแลระบบเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าของแอปพลิเคชันได้

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดการสอบถามขอข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบ หลังจากที่คุณป้อนข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบแล้ว การตั้งค่าแอปพลิเคชันจะสามารถแก้ไขได้

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

การมีส่วนร่วมใน Kaspersky Security Network

เปิดใช้งานหรือปิดใช้งานการส่งข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด

ด้านบนของหน้า

[Topic 59263]

แท็บ "การอัปเดต"

ในส่วนฐานข้อมูล คุณสามารถกำหนดค่าโหมดการอัปเดตฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน Kaspersky ได้

ดาวน์โหลดอัปเดตอัตโนมัติ

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการอัปเดตฐานข้อมูลแอปพลิเคชันอัตโนมัติ

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ในส่วนเวอร์ชันใหม่ คุณสามารถเลือกสิ่งที่ต้องการให้แอปพลิเคชันดำเนินการเมื่อแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่ปรากฏในเซิร์ฟเวอร์การอัปเดตของ Kaspersky ได้

ดาวน์โหลดและติดตั้งอัตโนมัติ

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะตรวจหาแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่ในเซิร์ฟเวอร์การอัปเดตของ Kaspersky เป็นระยะ เมื่อมีเวอร์ชันใหม่ปรากฏ แอปพลิเคชันจะดาวน์โหลดลงในเครื่องคอมพิวเตอร์อัตโนมัติและแจ้งให้คุณทราบว่ามีเวอร์ชันใหม่พร้อมให้บริการแล้ว

การดำเนินการนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

แจ้งเตือนเมื่อพร้อมใช้งาน

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะตรวจหาแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่ในเซิร์ฟเวอร์การอัปเดตของ Kaspersky เป็นระยะ เมื่อมีเวอร์ชันใหม่ปรากฏ แอปพลิเคชันจะแจ้งให้คุณทราบว่ามีเวอร์ชันใหม่พร้อมให้บริการแล้ว

ห้ามติดตั้ง (ไม่แนะนำ)

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่เสนอให้ดาวน์โหลดหรือติดตั้งแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่

ตรวจสอบเวอร์ชันใหม่

การคลิกปุ่มนี้จะทำให้แอปพลิเคชันตรวจสอบว่าแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่พร้อมให้บริการหรือไม่

การคลิกปุ่มนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์ในการดูแลระบบเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าของแอปพลิเคชันได้

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดการสอบถามขอข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบ หลังจากที่คุณป้อนข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบแล้ว การตั้งค่าแอปพลิเคชันจะสามารถแก้ไขได้

ด้านบนของหน้า

[Topic 112530]

แท็บ "ความเป็นส่วนตัว"

ในส่วนเว็บแคม คุณจะสามารถเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานระบบป้องกันเว็บแคมได้

อนุญาตเว็บแคม

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่บล็อกการเข้าถึงเว็บแคมของคุณ

การดำเนินการนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

บล็อกเว็บแคม

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะป้องกันไม่ให้แอปพลิเคชันใช้งานเว็บแคมของคุณ

ในส่วนการเรียกดูส่วนตัว คุณสามารถบล็อกหรือปลดบล็อกการติดตามของเว็บไซต์และเลือกหมวดหมู่เว็บไซต์ที่จะให้แอปพลิเคชัน Kaspersky บล็อกการติดตามได้

บล็อกการติดตามเว็บไซต์

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการบล็อกการติดตามในเว็บไซต์

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกยกเลิกการเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

การวิเคราะห์เว็บ

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการบล็อกการติดตามในเว็บไซต์ที่ใช้การวิเคราะห์เว็บ

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกยกเลิกการเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

หากช่องทำเครื่องหมายบล็อกการติดตามเว็บไซต์ไม่ถูกเลือกอยู่ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะติดตามเฉพาะเว็บไซต์ที่อยู่ในหมวดหมู่นี้เท่านั้น ไม่ว่าช่องทำเครื่องหมายการวิเคราะห์เว็บจะเลือกอยู่หรือไม่

บริษัทโฆษณา

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการบล็อกการติดตามโดยเอเจนซีโฆษณา

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกยกเลิกการเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

หากช่องทำเครื่องหมายบล็อกการติดตามเว็บไซต์ไม่ถูกเลือกอยู่ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะติดตามเฉพาะเว็บไซต์ที่อยู่ในหมวดหมู่นี้เท่านั้น ไม่ว่าช่องทำเครื่องหมายบริษัทโฆษณาจะเลือกอยู่หรือไม่

การติดตามพฤติกรรมเว็บไซต์

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการบล็อกการติดตามในเว็บไซต์ที่ใช้เทคนิคต่าง ๆ สำหรับติดตามพฤติกรรมในเว็บ เช่น เว็บบีคอน เป็นต้น

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

หากช่องทำเครื่องหมายบล็อกการติดตามเว็บไซต์ไม่ถูกเลือกอยู่ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะติดตามเฉพาะเว็บไซต์ที่อยู่ในหมวดหมู่นี้เท่านั้น ไม่ว่าช่องทำเครื่องหมายการติดตามพฤติกรรมเว็บไซต์จะเลือกอยู่หรือไม่

เครือข่ายสังคมออนไลน์

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการบล็อกการติดตามโดยเครือข่ายสังคมออนไลน์

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

หากช่องทำเครื่องหมายบล็อกการติดตามเว็บไซต์ไม่ถูกเลือกอยู่ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะติดตามเฉพาะเว็บไซต์ที่อยู่ในหมวดหมู่นี้เท่านั้น ไม่ว่าช่องทำเครื่องหมายเครือข่ายสังคมออนไลน์จะเลือกอยู่หรือไม่

การละเว้น

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างให้คุณเพิ่มเว็บไซต์ที่คุณต้องการจะไม่บล็อกการติดตามเสมอ

การคลิกปุ่มนี้จะเพิ่มช่องข้อความให้เพิ่มที่อยู่เว็บเข้าไปในรายการเว็บไซต์ที่จะอนุญาตการติดตามเสมอ

การคลิกปุ่มนี้จะลบที่อยู่เว็บที่เลือกไว้ออกจากรายการเว็บไซต์ที่จะอนุญาตการติดตามเสมอ

อื่นๆ

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างให้คุณเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการบล็อกการติดตามกิจกรรมของเว็บไซต์ที่เป็นของ Kaspersky และคู่ค้า ตลอดจนเว็บไซต์ที่เป็นที่ทราบดีว่าไม่เข้ากับคุณสมบัติการเรียกดูส่วนตัว

อย่าบล็อกการติดตามบนเว็บไซต์ของ Kaspersky และคู่ค้า

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการบล็อกการติดตามในเว็บไซต์ของ Kaspersky และคู่ค้า

เมื่อเลือกช่องทำเครื่องหมายนี้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่บล็อกการติดตามในเว็บไซต์ของ Kaspersky และคู่ค้า

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

อย่าบล็อกการติดตามบนเว็บไซต์ที่เป็นที่ทราบว่าไม่สามารถเข้ากันได้กับคุณสมบัตินี้

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการบล็อกการติดตามในเว็บไซต์ที่เป็นที่ทราบดีว่าไม่เข้ากับการเรียกดูส่วนตัว รายการเว็บไซต์ที่ไม่เข้ากันทั้งหมดได้รับการอัปเดตในฐานะส่วนหนึ่งของฐานข้อมูลแอปพลิเคชัน

เมื่อเลือกช่องทำเครื่องหมายนี้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่บล็อกการติดตามกิจกรรม หากเกิดขึ้นในเว็บไซต์ที่เป็นที่ทราบดีว่าไม่สามารถเข้ากันได้กับการเรียกดูส่วนตัวได้

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ในส่วนWi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย คุณจะสามารถเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานการแจ้งเตือนเกี่ยวกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย

แจ้งเตือนเกี่ยวกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการแจ้งเตือนเกี่ยวกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ได้รับการป้องกันไม่เพียงพอ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแจ้งเตือนคุณเมื่อเครื่อง Mac ของคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายดังกล่าว

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ในส่วนรหัสผ่าน คุณสามารถอนุญาตให้แอปพลิเคชัน Kaspersky แจ้งเตือนคุณเกี่ยวกับรหัสผ่านที่คาดเดาง่ายและซ้ำกันได้ ส่วนนี้จะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อคุณไม่ได้ติดตั้ง Password Manager ไว้เท่านั้น

หมายเหตุ: ฟังก์ชันการทำงานนี้พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

ตรวจจับรหัสผ่านซ้ำกัน

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการแจ้งเตือนเกี่ยวกับรหัสผ่านซ้ำกันสำหรับเว็บไซต์ที่คุณเข้า ต้องเปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection เพื่อตรวจจับรหัสผ่านซ้ำกัน

ตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่าน

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการแจ้งเตือนเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของรหัสผ่านของคุณ ต้องเปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection เพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งของรหัสผ่าน

ในส่วนตรวจสอบบัญชี คุณจะสามารถเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานการตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยของบัญชีของคุณได้

หมายเหตุ: ฟังก์ชันการทำงานนี้พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

ตรวจสอบบัญชีเพื่อหาการรั่วไหลของข้อมูลที่อาจเกิดขึ้นเมื่อลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการตรวจสอบว่าแฮกเกอร์ที่ใช้ช่องโหว่ยอดนิยมของเว็บไซต์ขโมยข้อมูลละเอียดอ่อนอาจได้ข้อมูลจากบัญชีของคุณไปหรือไม่ ต้องเปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection เพื่อตรวจหาข้อมูลที่อาจรั่วไหลในบัญชีของคุณ

การตั้งค่าส่วนขยาย

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดแท็บเบราเซอร์

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

การป้องกันความเป็นส่วนตัว

ด้านบนของหน้า

[Topic 90115]

แท็บ "เบราเซอร์"

ในแท็บ เบราเซอร์ คุณสามารถรับส่วนขยายเบราเซอร์ Kaspersky Protection สำหรับเบราเซอร์ต่อไปนี้:

  • Safari
  • Google Chrome
  • Firefox

เปิดใช้งานส่วนขยาย

เมื่อคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างการตั้งค่า Safari ที่คุณสามารถเปิดใช้งานส่วนขยายได้

รับส่วนขยาย

เมื่อคลิกปุ่มนี้จะเปิด Chrome Web Store หรือ Firefox Add-ons Manager ซึ่งคุณสามารถรับส่วนขยายได้

ในส่วน ตัวแนะนำ URL คุณสามารถเปิดใช้งานการตรวจสอบความปลอดภัยของลิงก์ในเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชม

แสดงไอคอนสถานะถัดจากลิงก์

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะทำการเปิด/ปิดการแสดงผลของไอคอนสีแดงที่อยู่ถัดจากลิงก์ที่เป็นอันตราย ซึ่งบ่งบอกถึงความอันตรายในระดับสูง ต้องเปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection เพื่อแสดงไอคอนสถานะ

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ในส่วน คีย์บอร์ดบนหน้าจอ คุณสามารถเปิดการแสดงแป้นพิมพ์บนหน้าจออัตโนมัติได้

แสดงคีย์บอร์ดบนหน้าจอเมื่อทำการป้อนรหัสผ่านเว็บไซต์

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานสัญญาณเตือนด้วยเสียงเมื่อแอปพลิเคชันตรวจพบวัตถุอันตราย ต้องเปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection เพื่อแสดงแป้นพิมพ์บนหน้าจอ

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

เปิดและปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection สำหรับเบราเซอร์ในเบราเซอร์ที่เลือก

ป้องกันรหัสผ่านและข้อมูลละเอียดอ่อนของคุณ

กำหนดค่าการป้องกันลิงก์ที่เป็นอันตรายและฟิชชิ่ง

ด้านบนของหน้า

[Topic 166239]

แท็บ "สุขภาพ HD"

ในส่วนสุขภาพ HD คุณสามารถเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ในเครื่อง Mac ของคุณอย่างสม่ำเสมอได้

หมายเหตุ: ฟังก์ชันการทำงานนี้พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

ตรวจสุขภาพ HD เป็นระยะ

หากเลือกช่องทำเครื่องหมายนี้ แอปพลิเคชันจะตรวจสอบฮาร์ดดิสก์สัปดาห์ละครั้ง หรือเมื่อคุณเสียบฮาร์ดดิสก์ภายนอกโดยอัตโนมัติ หากแอปพลิเคชันพบว่ามีปัญหาใด ๆ ที่อาจนำไปสู่การสูญเสียข้อมูลได้ จะแสดงการแจ้งเตือนในศูนย์การแจ้งเตือน

หากไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายนี้ แอปพลิเคชันก็จะไม่ตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ในเครื่อง Mac ของคุณอัตโนมัติ คุณจะต้องเปิดหน้าต่างการตรวจสอบติดตามสุขภาพฮาร์ดดิสก์เพื่อตรวจสอบสภาพฮาร์ดดิสก์ของคุณ

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ด้านบนของหน้า

[Topic 59267]

แท็บ "ข้อมูล"

ในส่วนการแจ้งเตือน คุณสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนที่แอปพลิเคชันแสดงเพื่อแจ้งให้คุณทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้

แจ้งเตือนเหตุการณ์ที่สามารถส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของคุณ

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานข่าวสารด้านความปลอดภัยของ Kaspersky

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

แจ้งเตือนเมื่อรายงานความปลอดภัยพร้อมใช้งานแล้ว

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการแจ้งเตือนว่ามีอีกรายงานความปลอดภัยที่พร้อมให้คุณดูแล้ว รายงานความปลอดภัยมีบทสรุปสั้นๆ เกี่ยวกับสถิติการสแกนและปัญหาด้านความปลอดภัยที่แอปพลิเคชันตรวจพบในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา หรือตลอดเวลานับตั้งแต่ที่ติดตั้งแอปพลิเคชันลงในคอมพิวเตอร์ของคุณ

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

เปิดการส่งเสียงเตือนเมื่อตรวจพบมัลแวร์

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานสัญญาณเตือนด้วยเสียงเมื่อแอปพลิเคชันตรวจพบออบเจ็กต์ที่เป็นอันตราย

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

แจ้งเตือนเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษและโปรโมชั่น

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการแจ้งเตือนเกี่ยวกับข่าวสารจาก Kaspersky และข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ เมื่อมีรายการใหม่ปรากฏ แอปพลิเคชันจะแสดงข้อความแจ้งเตือน

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ในส่วนรายงาน คุณสามารถเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการบันทึกเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญได้ในรายงานของ Kaspersky

บันทึกกิจกรรมที่ไม่สำคัญ

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการบันทึกเหตุการณ์ด้านข้อมูลภายในรายงาน โดยหลักการทั่วไปแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้ไม่สำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ของคุณ

หมายเหตุ: การตั้งค่านี้จะถูกนำไปใช้กับ File Anti-Virus เท่านั้น การบันทึกเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญจะไปเพิ่มขนาดทั้งหมดของไฟล์รายงานเป็นอย่างมาก

ในส่วนการติดตาม คุณสามารถเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานการติดตามได้

การติดตามเป็นวิธีการบันทึกข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมของแอปพลิเคชัน ผู้เชี่ยวชาญจากฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky จะใช้ไฟล์ติดตามเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ คุณสามารถเปิดใช้งานการบันทึกเหตุการณ์แอปพลิเคชันเพื่อสร้างไฟล์ติดตามและส่งไฟล์ให้กับฝ่ายบริการลูกค้า หากมีการร้องขอ ตามค่าเริ่มต้น การบันทึกเหตุการณ์แอปพลิเคชันจะปิดใช้งาน

สำคัญ: เปิดการติดตามต่อเมื่อผู้เชี่ยวชาญของฝ่ายบริการลูกค้าขอให้คุณทำเท่านั้น

เปิดใช้งานการติดตาม

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการสร้างไฟล์ติดตาม

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกยกเลิกการเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ในส่วนการรายงานผิดพลาด คุณสามารถเปิดใช้งานการส่งรายงานข้อผิดพลาดให้ Kaspersky อัตโนมัติได้

ส่งรายงานอัตโนมัติ

ช่องทำเครื่องหมายเปิด/ปิดใช้งานการส่งข้อมูลความผิดพลาดที่เกิดขึ้นให้ Kaspersky โดยอัตโนมัติ

เมื่อทำการเลือกช่องทำเครื่องหมายนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของแอปพลิเคชันในขณะที่เกิดความผิดพลาดจะถูกบันทึกเป็นไฟล์แล้วส่งต่อให้ Kaspersky โดยอัตโนมัติ

หากช่องทำเครื่องหมายไม่ถูกเลือกอยู่ ก่อนการเริ่มต้นแอปพลิเคชันครั้งถัดไปจะมีหน้าต่างปรากฏขึ้น ซึ่งคุณสามารถเลือกสิ่งที่คุณต้องการทำกับรายงานสถานะของแอปพลิเคชันได้

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกยกเลิกการเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

การคลิกปุ่มนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์ในการดูแลระบบเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าของแอปพลิเคชันได้

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดการสอบถามขอข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบ หลังจากที่คุณป้อนข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบแล้ว การตั้งค่าแอปพลิเคชันจะสามารถแก้ไขได้

ด้านบนของหน้า

[Topic 59269]

รายงาน "วัตถุที่ถูกประมวลผล"

บานหน้าต่างทางขวาของหน้าต่างจะมีรายการออบเจ็กต์ที่ติดไวรัสและออบเจ็กต์ปริมาณการใช้ข้อมูลที่เป็นอันตรายทั้งหมดที่แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจพบ

เวลา

คอลัมน์นี้จะแสดงเวลาที่ตรวจพบอ็อบเจ็กต์

ออบเจ็กต์

คอลัมน์นี้จะแสดงเส้นทางไปสู่ตำแหน่งที่ตรวจพบวัตถุ หรือที่อยู่เว็บของวัตถุ

สถานะ

คอลัมน์นี้จะแสดงสิ่งที่แอปพลิเคชันดำเนินการหลังตรวจพบออบเจ็กต์

ตรวจพบ

คอลัมน์นี้จะแสดงประเภทของอ็อบเจ็กต์ที่ตรวจพบตามการจำแนกประเภทที่สารานุกรมไวรัสของ Kaspersky ให้ไว้

ชื่อ

คอลัมน์นี้จะแสดงประเภทของอ็อบเจ็กต์ที่ตรวจพบตามการจำแนกชื่อที่สารานุกรมไวรัสของ Kaspersky ให้ไว้

เมื่อคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถบันทึกรายงานเป็นไฟล์ .txt

ด้านบนของหน้า

[Topic 59284]

รายงาน "การอัปเดตฐานข้อมูล"

บานหน้าต่างด้านขวาของหน้าต่างจะมีรายงานเกี่ยวกับงานอัปเดตที่แอปพลิเคชันดำเนินการ

เริ่มต้นแล้ว

คอลัมน์นี้จะแสดงวันที่และเวลาเริ่มต้นของงานอัปเดตแต่ละงาน หากขยายรายการการทำงานออก คอลัมน์นี้จะแสดงรายการการทำงานที่ดำเนินการขณะอัปเดตแอปพลิเคชันด้วย ซึ่งรวมถึงชื่อของอ็อบเจ็กต์ที่อัปเดต เส้นทางไปยังโฟลเดอร์ที่จัดเก็บ และเวลาที่เข้าถึง

สถานะ

คอลัมน์นี้จะแสดงสถานะของงานอัปเดต

ขนาด

คอลัมน์นี้จะแสดงขนาดของไฟล์อัปเดตที่ดาวน์โหลดมา

ความเร็วเฉลี่ย

คอลัมน์นี้จะแสดงความเร็วของการดาวน์โหลดไฟล์อัปเดต

เวลาสิ้นสุด

คอลัมน์นี้จะแสดงเวลาสิ้นสุดของงานอัปเดต

การคลิกปุ่มนี้จะขยายรายการการทำงานที่อยู่ในงานอัปเดต

การคลิกปุ่มนี้จะยุบรายการการทำงานที่อยู่ในงานอัปเดต

เมื่อคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถบันทึกรายงานเป็นไฟล์ .txt

ด้านบนของหน้า

[Topic 59286]

รายงาน "การสแกน"

บานหน้าต่างด้านขวาของหน้าต่างจะมีรายงานเกี่ยวกับงานสแกนที่แอปพลิเคชันดำเนินการ

งาน

คอลัมน์นี้จะแสดงชื่อของงานสแกน

สถานะ

คอลัมน์นี้จะแสดงสถานะของงานสแกน หรือสถานะของอ็อบเจ็กต์ที่สแกน

วันที่

คอลัมน์นี้จะแสดงวันที่ของงานสแกน และเวลาที่ใช้เพื่อให้งานเสร็จสิ้น

การคลิกปุ่มนี้จะขยายรายการอ็อบเจ็กต์ที่สแกน

การคลิกปุ่มนี้จะยุบรายการอ็อบเจ็กต์ที่สแกน

เมื่อคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถบันทึกรายงานเป็นไฟล์ .txt

ด้านบนของหน้า

[Topic 59289]

รายงาน "File Anti-Virus"

แผงด้านขวาของหน้าต่างจะมีรายงานเกี่ยวกับการทำงานของ File Anti-Virus

วันที่

คอลัมน์นี้จะแสดงวันที่และเวลาที่แอปพลิเคชันเข้าถึงอ็อบเจ็กต์ที่สแกน

พาธ

คอลัมน์นี้จะแสดงเส้นทางไปยังตำแหน่งดั้งเดิมของอ็อบเจ็กต์ที่สแกน

สถานะ

คอลัมน์นี้จะแสดงสถานะของอ็อบเจ็กต์ที่สแกน

ชื่อโปรแกรม

คอลัมน์นี้จะแสดงแอปพลิเคชันที่เข้าถึงอ็อบเจ็กต์ที่สแกน

เมื่อคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถบันทึกรายงานเป็นไฟล์ .txt

ด้านบนของหน้า

[Topic 59290]

รายงาน "การเรียกดูอย่างปลอดภัย"

แผงด้านขวาของหน้าต่างจะมีรายงานเกี่ยวกับการทำงานของการเรียกดูอย่างปลอดภัย

วันที่

คอลัมน์นี้จะแสดงวันที่และเวลาที่ตรวจพบอ็อบเจ็กต์ปริมาณการใช้ข้อมูลเว็บ

URL

คอลัมน์นี้จะแสดงอ็อบเจ็กต์ปริมาณการใช้ข้อมูลเว็บที่การเรียกดูอย่างปลอดภัยตรวจพบ สำหรับอ็อบเจ็กต์ปริมาณการใช้ข้อมูลเว็บแต่ละอันที่ตรวจพบ คอลัมน์จะระบุที่อยู่เว็บที่อ็อบเจ็กต์นั้น ๆ ถูกตรวจพบ

สถานะ

คอลัมน์นี้จะแสดงสถานะและชื่อของอ็อบเจ็กต์ปริมาณการใช้ข้อมูลเว็บที่ตรวจพบ

ชื่อโปรแกรม

คอลัมน์นี้จะแสดงโปรแกรมที่เข้าถึงที่ตรวจพบ

เมื่อคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถบันทึกรายงานเป็นไฟล์ .txt

ด้านบนของหน้า

[Topic 88529]

รายงาน "ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย"

บานหน้าต่างด้านขวามีรายการที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์ที่แอปพลิเคชันตรวจพบกิจกรรมเครือข่ายที่เป็นอันตราย

วันที่

คอลัมน์นี้แสดงวันที่และเวลาที่ตรวจพบกิจกรรมเครือข่ายที่เป็นอันตรายในคอมพิวเตอร์

ที่อยู่ IP

คอลัมน์นี้แสดงที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์ที่ตรวจพบกิจกรรมเครือข่ายอันตรายโดยแอปพลิเคชัน

สถานะ

คอลัมน์นี้แสดงการดำเนินการของแอปพลิเคชันหลังจากตรวจพบกิจกรรมเครือข่ายที่เป็นอันตราย

ประเภทการจู่โจม

คอลัมน์นี้แสดง ประเภทของการโจมตีเครือข่ายที่ตรวจพบ

พอร์ตในเครื่อง

คอลัมน์นี้แสดงจำนวนพอร์ตภายในที่มีการพยายามบุกรุก

โปรโตคอล

คอลัมน์นี้แสดงประเภทของโปรโตคอลที่ใช้ในการโจมตี

เมื่อคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถบันทึกรายงานเป็นไฟล์ .txt

ด้านบนของหน้า

[Topic 143760]

รายงาน "การเรียกดูส่วนตัว"

บานหน้าต่างด้านขวาของหน้าต่างจะมีรายงานเกี่ยวกับความพยายามการติดตามเว็บไซต์ที่ตรวจพบ

วันที่

คอลัมน์นี้จะแสดงเวลาที่มีความพยายามติดตาม

URL

คอลัมน์นี้จะแสดงที่อยู่เว็บซึ่งเป็นที่มาของความพยายามติดตาม

สถานะ

คอลัมน์นี้จะแสดงว่าความพยายามในการติดตามนั้น ๆ ถูกตรวจพบ บล็อก หรือไม่บล็อก

บริการติดตาม

คอลัมน์นี้จะแสดงชื่อของบริการที่ดำเนินการพยายามติดตาม

เมื่อคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถบันทึกรายงานเป็นไฟล์ .txt

ด้านบนของหน้า

[Topic 112858]

หน้าต่าง "ลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky"

ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์ที่คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky ด้วยบัญชี Google ของคุณ

ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Facebook

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์ที่คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky ด้วยบัญชี Facebook ของคุณ

หมายเหตุ: ความพร้อมใช้งานของตัวเลือกในการลงชื่อเข้าใช้ด้วย Facebook นั้นขึ้นอยู่กับภูมิภาคของคุณ

ลงชื่อเข้าด้วย Apple

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์ที่คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky ด้วยบัญชี Apple ของคุณ

ช่อง ที่อยู่อีเมล

ที่อยู่อีเมลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ของคุณ

ช่อง รหัสผ่าน

รหัสผ่านสำหรับบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ของคุณ

ตามค่าเริ่มต้น ตัวอักขระรหัสผ่านจะถูกซ่อนไว้เพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย หากต้องการดูรหัสผ่าน ให้คลิกไอคอนรูปตา

ลืมรหัสผ่านของคุณใช่ไหม

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์ ซึ่งคุณสามารถรีเซ็ตรหัสผ่านสำหรับบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ของคุณได้

ลงชื่อเข้าใช้

การคลิกปุ่มนี้จะเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน Kaspersky เข้ากับ My Kaspersky

สร้างบัญชีผู้ใช้

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถสร้างบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ได้

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

เชื่อมต่อกับ My Kaspersky

ด้านบนของหน้า

[Topic 112860]

หน้าต่าง "สร้างบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky"

ช่อง ป้อนที่อยู่อีเมล

ที่อยู่อีเมลที่คุณต้องการใช้กับบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ใหม่ของคุณ

ที่อยู่อีเมลนี้ใช้เพื่อกู้คืนรหัสผ่านของคุณและรับการสื่อสารจาก Kaspersky

ช่อง เลือกรหัสผ่าน

รหัสผ่านสำหรับบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ใหม่ของคุณ รหัสผ่านต้องมีตัวอักขระต่ำสุดแปดตัว โดยมีตัวเลขอย่างน้อยหนึ่งตัว ตัวอักษรพิมพ์เล็กหนึ่่งตัว และตัวอักษรพิมพ์ใหญ่หนึ่งตัว ไม่อนุญาตให้มีช่องว่าง

ช่อง ยืนยันรหัสผ่าน

การยืนยันรหัสผ่านสำหรับบัญชี My Kaspersky ใหม่ของคุณ

ตามค่าเริ่มต้น ตัวอักขระรหัสผ่านจะถูกซ่อนไว้เพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย หากต้องการดูรหัสผ่าน ให้คลิกไอคอนรูปตา

เมนูป็อปอัปการเลือกภูมิภาค

ตัวเลือกนี้จะกำหนดการตั้งค่าภูมิภาคสำหรับบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ของคุณ ตัวอย่างเช่น ภาษาที่ใช้แสดงและแอปพลิเคชัน Kaspersky ที่สามารถใช้งานได้ คุณสามารถเปลี่ยนภูมิภาคของคุณสำหรับ My Kaspersky ได้ในภายหลังโดยการติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเท่านั้น

ฉันรับทราบและยินยอมให้ข้อมูลของฉันถูกจัดการและส่งต่อ (รวมถึงไปยังประเทศอื่น) ตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัว ฉันขอยืนยันว่าฉันได้อ่านและเข้าใจเนื้อหา ทุกประการของนโยบายความเป็นส่วนตัวดีแล้ว‌‌‍‌‌‌‌‍‌‍‍‍‌‌‍‍‌‍‍‌‌‌‍‍‍‍‍‍‌‌‍‍‌‍‌‌‌‌‌‍

หากเลือกช่องทำเครื่องหมายนี้ หมายถึงคุณยอมรับเงื่อนไขเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวที่อธิบายถึงการประมวลผลข้อมูล

ฉันยินยอมมอบที่อยู่อีเมลของฉันแก่ Kaspersky เพื่อรับข้อเสนอทางการตลาดที่ปรับให้เหมาะสมกับบุคคล

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้/ปิดใช้การนำส่งข้อความอีเมลที่มีข้อมูลและโปรโมชั่นจาก Kaspersky ไปยังที่อยู่อีเมลที่ระบุ

สร้าง

การคลิกปุ่มนี้จะสร้างบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ใหม่ของคุณ

ยกเลิก

การคลิกปุ่มนี้จะปิดหน้าต่างลงโดยไม่ได้สร้างบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ไม่ว่าจะอยู่ขั้นตอนใดก็ตาม

ด้านบนของหน้า

[Topic 183362]

หน้าต่าง "ลงชื่อเข้าใช้เป็น <ชื่อบัญชี> หรือไม่"

ใช้บัญชีนี้

เมื่อคลิกปุ่มนี้คุณจะลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky ด้วยข้อมูลประจำตัวที่พบในอีกแอปพลิเคชันหนึ่งของ Kaspersky ที่ติดตั้งบน Mac ของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องป้อนที่อยู่อีเมลหรือรหัสผ่านสำหรับบัญชีนี้

ใช้บัญชีอื่น

คลิกปุ่มนี้เพื่อเปิดหน้าต่างลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky ซึ่งคุณสามารถป้อนที่อยู่อีเมลและรหัสผ่านสำหรับบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky อื่นได้

ด้านบนของหน้า

[Topic 59305]

หน้าต่าง "การสนับสนุนผู้ใช้"

หน้าต่างนี้จะให้ข้อมูลต่อไปนี้:

  • เวอร์ชันของแอปพลิเคชัน Kaspersky
  • วันที่เผยแพร่ฐานข้อมูลที่แอปพลิเคชัน Kaspersky ใช้ในปัจจุบัน
  • เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งในคอมพิวเตอร์

ฝ่ายบริการลูกค้า

การคลิกปุ่มนี้จะเป็นการเปิดฐานความรู้ฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky ที่คุณสามารถค้นหาบทความเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน Kaspersky ซึ่งเผยแพร่โดยผู้เชี่ยวชาญ Kaspersky ได้

กระดานสนทนา

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดกระดานสนทนาของ Kaspersky ซึ่งเป็นที่ที่คุณสามารถปรึกษาเรื่องแอปพลิเคชัน Kaspersky กับผู้เชี่ยวชาญของ Kaspersky และผู้ใช้รายอื่นได้

My Kaspersky

การคลิกปุ่มนี้จะเปิด My Kaspersky ในหน้าต่างเบราเซอร์

ถอนการติดตั้ง

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดการถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky

ปิด

การคลิกปุ่มนี้จะปิดหน้าต่างการสนับสนุนผู้ใช้

ด้านบนของหน้า

[Topic 225643]

หน้าต่าง "Kaspersky: การออกใบอนุญาต"

ลงชื่อเข้าใช้ My Kaspersky

การคลิกปุ่มนี้ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชันกับ

ได้

ป้อนรหัสเปิดใช้งาน

การคลิกปุ่มนี้ช่วยให้คุณสามารถเปิดใช้งานแอปพลิเคชันได้โดยการป้อนรหัสเปิดใช้งาน

เริ่มต้นใช้เวอร์ชันทดลอง

การคลิกปุ่มนี้ (หากมี) ช่วยให้คุณสามารถเปิดใช้งานการสมัครใช้บริการช่วงทดลองได้ ระหว่างการเปิดใช้งาน คุณจำเป็นต้องเชื่อมต่อแอปพลิเคชันกับ บัญชีผู้ใช้ My Kaspersky

ซื้อทันที

ลิงก์จะเปิดหน้าร้านค้าออนไลน์ที่คุณสามารถซื้อการสมัครใช้บริการได้

โปรดใช้การตั้งค่าเหล่านี้กับงานต่อไปนี้

เปิดใช้งานแอปพลิเคชัน

เชื่อมต่อกับ My Kaspersky

ด้านบนของหน้า

[Topic 225671]

หน้าต่าง "ป้อนรหัสเปิดใช้งาน"

ช่อง ป้อนรหัสเปิดใช้งาน

รหัสเปิดใช้งานที่ใช้เปิดใช้งานแอปพลิเคชัน รหัสเปิดใช้งานประกอบไปด้วยกลุ่มตัวอักษรสี่กลุ่ม จำเป็นต้องป้อนกลุ่มตัวอักษรแรกในช่องอินพุตแรก กลุ่มตัวอักษรที่สองในช่องที่สอง และที่เหลือตามลำดับ

เปิดใช้งาน

การคลิกปุ่มนี้จะเริ่มต้นการเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน แอปพลิเคชัน Kaspersky เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์การเปิดใช้งาน Kaspersky และส่งรหัสเปิดใช้งานเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง หากยืนยันความถูกต้องของรหัสเปิดใช้งานสำเร็จ แอปพลิเคชันจะรับและเพิ่มคีย์ใบอนุญาตใช้งานโดยอัตโนมัติ

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

เปิดใช้งานแอปพลิเคชัน

ด้านบนของหน้า

[Topic 59313]

หน้าต่าง "ตัวควบคุมเว็บ/Parental Control"

การคลิกปุ่มนี้จะนำคุณกลับไปที่หน้าต่าง Kaspersky ก่อนหน้า

การคลิกปุ่มนี้จะนำคุณไปสู่หน้าต่าง Kaspersky ถัดไป

ตามค่าเริ่มต้น การควบคุมเว็บไซต์ที่เข้าชมและไฟล์ที่ดาวน์โหลดจะปิดการใช้งานสำหรับบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่เลือก

สวิตช์ของตัวควบคุมเว็บ/Parental Control

เปิด/ปิดการใช้งานการตรวจสอบการเข้าถึงเว็บไซต์สำหรับบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่เลือก

ตามค่าเริ่มต้นตัวควบคุมเว็บ/Parental Control จะปิดใช้งาน

รายการหมวดหมู่เว็บไซต์

หากเลือกช่องทำเครื่องหมายถัดจากชื่อหมวดหมู่ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ที่รวมอยู่ในหมวดหมู่นั้น

ตามค่าเริ่มต้นจะไม่เลือกช่องทำเครื่องหมายนี้ ช่องทำเครื่องหมายจะสามารถใช้ได้ หากเปิดใช้งานตัวควบคุมเว็บ/Parental Control สำหรับบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่เลือก

การยกเว้น

ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง ข้อยกเว้น ในหน้าต่าง ข้อยกเว้น คุณสามารถอนุญาตการเข้าถึงบางเว็บไซต์ที่อยู่ในหมวดหมู่ที่บล็อกหรือบล็อกการเข้าถึงบางเว็บไซต์ได้

ปุ่มนี้จะสามารถใช้ได้ หากเปิดใช้งานตัวควบคุมเว็บ/Parental Control สำหรับบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่เลือก

คลิกที่ปุ่มนี้เพื่อเปิดเมนูป๊อปอัปที่มีรายการดังต่อไปนี้:

  • คัดลอกการตั้งค่า ให้คุณคัดลอกการตั้งค่าตัวควบคุมเว็บ/Parental Control จากบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่เลือกเพื่อนำไปใช้กับบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์อื่น
  • วางการตั้งค่า ให้คุณใช้การตั้งค่าตัวควบคุมเว็บ/Parental Control ที่คัดลอกมากับบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่เลือกได้

รายงาน

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถดูรายงานตัวควบคุมเว็บ/Parental Control ได้

การคลิกปุ่มนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์ในการดูแลระบบเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าของแอปพลิเคชันได้

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดการสอบถามขอข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบ หลังจากที่คุณป้อนข้อมูลประจำตัวของผู้ดูแลระบบแล้ว การตั้งค่าแอปพลิเคชันจะสามารถแก้ไขได้

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

ตัวควบคุมเว็บ

ด้านบนของหน้า

[Topic 59314]

หน้าต่าง "เพิ่มเว็บแอดเดรส"

ตามค่าเริ่มต้น รายการในหน้าต่าง ข้อยกเว้น จะว่างเปล่า

บล็อกเว็บไซต์เหล่านี้เสมอ

หากเลือกช่องทำเครื่องหมายไว้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ระบุในรายการที่ตามมา

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกยกเลิกการเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

ไม่บล็อกเว็บไซต์เหล่านี้

หากเลือกช่องทำเครื่องหมาย แอปพลิเคชันจะอนุญาตการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ระบุในรายการที่ตามมาแม้ว่าจะอยู่ในหมวดหมู่ที่ถูกจำกัด

ช่องทำเครื่องหมายนี้ถูกยกเลิกการเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

การคลิกปุ่มนี้จะเป็นการเพิ่มช่องสำหรับป้อนที่อยู่เว็บ

การคลิกปุ่มนี้จะลบที่อยู่เว็บที่เลือกออกจากรายการ

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

ตัวควบคุมเว็บ

ด้านบนของหน้า

[Topic 228711]

หน้าต่าง "บัญชีผู้ใช้ของคุณใกล้จะพร้อมใช้งานแล้ว!"

เมนูป็อปอัปการเลือกภูมิภาค

เมนูป็อปอัปที่คุณสามารถเลือกประเทศให้ My Kaspersky ตัวเลือกนี้จะกำหนดการตั้งค่าภูมิภาคสำหรับบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ของคุณ ตัวอย่างเช่น ภาษาที่ใช้แสดงและแอปพลิเคชัน Kaspersky ที่สามารถใช้งานได้ คุณสามารถเปลี่ยนภูมิภาคของคุณสำหรับ My Kaspersky ได้ในภายหลังโดยการติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเท่านั้น

ฉันรับทราบและยินยอมให้ข้อมูลของฉันถูกจัดการและส่งต่อ (รวมถึงไปยังประเทศอื่น) ตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัว ฉันขอยืนยันว่าฉันได้อ่านและเข้าใจเนื้อหา ทุกประการของนโยบายความเป็นส่วนตัวดีแล้ว‌‌‍‌‌‌‌‍‌‍‍‍‌‌‍‍‌‍‍‌‌‌‍‍‍‍‍‍‌‌‍‍‌‍‌‌‌‌‌‍

หากเลือกช่องทำเครื่องหมายนี้ หมายถึงคุณยอมรับเงื่อนไขเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวที่อธิบายถึงการประมวลผลข้อมูล

ฉันยินยอมมอบที่อยู่อีเมลของฉันแก่ Kaspersky เพื่อรับข้อเสนอทางการตลาดที่ปรับให้เหมาะสมกับบุคคล

ช่องทำเครื่องหมายนี้จะเปิดใช้/ปิดใช้การนำส่งข้อความอีเมลที่มีข้อมูลและโปรโมชั่นจาก Kaspersky ไปยังที่อยู่อีเมลที่ระบุ

สร้าง

การคลิกปุ่มนี้จะสร้างบัญชีผู้ใช้ My Kaspersky ใหม่ของคุณ

ใช้การกำหนดค่าเหล่านี้สำหรับงานต่อไปนี้

เชื่อมต่อกับ My Kaspersky

เริ่มใช้แอปพลิเคชันเป็นครั้งแรก

ด้านบนของหน้า

[Topic 231640]

หน้าต่าง "ใบรับรองหลักที่เชื่อถือได้"

ในหน้าต่างนี้ คุณสามารถสร้างรายการใบรับรองหลักที่เชื่อถือได้เพื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่เกี่ยวข้องโดยไม่ต้องมีการแจ้งเตือน

ตามค่าเริ่มต้น รายการใบรับรองหลักที่เชื่อถือได้จะว่างเปล่า

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดกล่องโต้ตอบสำหรับการเพิ่มใบรับรองที่พิจารณาว่าเชื่อถือได้

การคลิกปุ่มนี้จะลบใบรับรองที่เลือกออกจากรายการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้

ชื่อใบรับรอง

คอลัมน์นี้แสดงชื่อของใบรับรองหลักที่เชื่อถือได้

ยกเลิก

การคลิกปุ่มนี้จะปิดหน้าต่างโดยไม่มีการบันทึกการเปลี่ยนแปลง

บันทึก

การคลิกปุ่มนี้จะบันทึกรายการใบรับรองหลักที่เชื่อถือได้ในปัจจุบันและปิดหน้าต่างลง

ด้านบนของหน้า

[Topic 231641]

หน้าต่าง "ยืนยันใบรับรอง"

แสดงใบรับรอง

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างระบบพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับใบรับรอง

ยกเลิก

การคลิกปุ่มนี้จะปิดหน้าต่างลง

เพิ่มไปที่ เชื่อถือได้

การคลิกปุ่มนี้จะเพิ่มใบรับรองไปยังรายการใบรับรองที่เชื่อถือได้ ด้วยเหตุนี้ คุณจะสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่เกี่ยวข้องได้โดยไม่ต้องมีการแจ้งเตือน

เชื่อมต่อ

การคลิกปุ่มนี้จะเชื่อมต่อคุณกับเซิร์ฟเวอร์

หมายเหตุ: ปุ่มที่พร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับประเภทของใบรับรอง

ด้านบนของหน้า

[Topic 239026]

หน้าต่าง "เลือกใบอนุญาต"

รายการใบอนุญาตที่มี

เลือกช่องทำเครื่องหมายถัดจากใบอนุญาตเพื่อใช้เมื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์

แสดงใบรับรอง

การคลิกปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่างระบบพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับใบรับรอง

ยกเลิก

การคลิกปุ่มนี้จะปิดหน้าต่างลง

ดำเนินการต่อ

การคลิกปุ่มนี้จะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ต่อไปโดยใช้ใบอนุญาตที่เลือก

ด้านบนของหน้า

[Topic 226148]

รายการบริการที่ส่งรหัสผ่านไปเมื่อสแกนรหัส QR

หมายเหตุ: ฟังก์ชันไม่พร้อมใช้งานในบางภูมิภาค

เมื่อคุณสแกนรหัส QR บน Android รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวสำหรับเปิดใช้งานแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนของคุณจะส่งไปยัง AppsFlyer

ด้านบนของหน้า