Kaspersky Standard | Plus | Premium

การป้องกันข้อมูลส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต

ในส่วนนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทำให้การท่องอินเทอร์เน็ตของคุณปลอดภัย และป้องกันข้อมูลข้อมูลของคุณจากการโจรกรรม

ในส่วนนี้

เกี่ยวกับการป้องกันข้อมูลส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต

เกี่ยวกับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ

วิธีการเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอ

วิธีการกำหนดค่าการแสดงผลของไอคอนแป้นพิมพ์บนหน้าจอ

เกี่ยวกับการป้องกันข้อมูลที่ป้อนทางแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์

วิธีการป้องกันข้อมูลที่ป้อนทางแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์

การตรวจสอบเว็บไซต์เพื่อความปลอดภัย

วิธีการเปลี่ยนการตั้งค่าการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส

เกี่ยวกับการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยกับเครือข่าย Wi-Fi

การกำหนดค่าการแจ้งเตือนช่องโหว่ในเครือข่าย Wi-Fi

ด้านบนสุดของหน้า
[Topic 70892]

เกี่ยวกับการป้องกันข้อมูลส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต

แอปพลิเคชัน Kaspersky ช่วยคุณป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคุณจากการโจรกรรม:

  • รหัสผ่าน ชื่อผู้ใช้ และข้อมูลการลงทะเบียนอื่นๆ
  • หมายเลขบัญชีผู้ใช้และเลขที่บัญชีธนาคาร

แอปพลิเคชัน Kaspersky มีองค์ประกอบและเครื่องมือที่ช่วยให้คุณป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคุณจากการโจรกรรมโดยคนร้ายซึ่งใช้วิธีการอย่างเช่น

และการดักข้อมูลที่ป้อนผ่านแป้นพิมพ์

การป้องกันฟิชชิ่งจะปกป้องคุณจากการฟิชชิ่ง ซึ่งถูกนำมาใช้ในส่วนประกอบของการเรียกดูอย่างปลอดภัย เปิดใช้องค์ประกอบเหล่านี้เพื่อรับรองการป้องกันอย่างครอบคลุมจากฟิชชิ่ง

การป้องกันจากการดักข้อมูลที่ป้อนผ่านแป้นพิมพ์ทำงานโดยแป้นพิมพ์บนหน้าจอและอินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย

ตัวช่วยทำความสะอาดข้อมูลส่วนตัวจะล้างข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับกิจกรรมของผู้ใช้จากคอมพิวเตอร์

Safe Money และ Kaspersky VPN จะป้องกันข้อมูลเมื่อคุณใช้บริการธนาคารบนอินเทอร์เน็ตและซื้อสินค้าบนร้านค้าออนไลน์

ฟังก์ชัน Kaspersky VPN ไม่สามารถใช้งานได้ในบางภูมิภาค

ด้านบนสุดของหน้า

[Topic 82527]

เกี่ยวกับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ

เมื่อใช้อินเทอร์เน็ต หลายครั้งที่คุณจะต้องป้อนข้อมูลส่วนตัวหรือชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน ตัวอย่างเช่น ระหว่างการลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้บนเว็บไซต์, การซื้อของออนไลน์ และการทำธุรกรรมธนาคารทางอินเทอร์เน็ต

ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงต่อการที่ข้อมูลส่วนตัวจะถูกดักจับโดยอุปกรณ์ดักจับทางแป้นพิมพ์ฮาร์ดแวร์หรือ Keylogger ซึ่งเป็นโปรแกรมที่จะบันทึกจังหวะการเคาะแป้นพิมพ์ แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะช่วยป้องกันการดักข้อมูลที่ป้อนผ่านแป้นพิมพ์

มีจำพวก spyware หลายโปรแกรมที่สามารถบันทึกหน้าจอได้ ซึ่งหลังจากนั้นก็จะส่งข้อมูลไปให้ผู้บุกรุกโดยอัตโนมัติเพื่อทำการวิเคราะห์เพิ่มเติมในการขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ แป้นพิมพ์บนหน้าจอช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวที่ป้อนเข้าไปถูกดักจับด้วยวิธีการบันทึกหน้าจอ

แป้นพิมพ์บนหน้าจอมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้:

  • คุณสามารถคลิกปุ่มแป้นพิมพ์บนหน้าจอด้วยเมาส์ได้
  • ส่วนที่แตกต่างจากแป้นพิมพ์ที่เป็นฮาร์ดแวร์นั้นก็คือ แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะไม่สามารถกดหลายปุ่มพร้อมกันได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการคีย์หลายปุ่มรวมกัน (เช่น ALT+F4) ต้องคลิกปุ่มแรกก่อน (ตัวอย่างเช่น ALT) จากนั้นคลิกปุ่มที่สอง (ตัวอย่างเช่น F4) แล้วหลังจากนั้นก็คลิกปุ่มแรกอีกครั้ง การคลิกปุ่มครั้งที่สองดังกล่าวนั้นจะทำในจังหวะเดียวกับที่กำลังจะปล่อยมือจากการคลิกบนแป้นพิมพ์ฮาร์ดแวร์
  • ภาษาบนแป้นพิมพ์บนหน้าจอสามารถเปลี่ยนได้โดยการใช้พาธลัดเดียวกันที่ระบุโดยการตั้งค่าระบบปฏิบัติการสำหรับแป้นพิมพ์ฮาร์ดแวร์ โดยคลิกขวาที่ปุ่มอื่น (ตัวอย่างเช่น ถ้าพาธลัด LEFT ALT+SHIFT ถูกกำหนดค่าในการตั้งค่าระบบปฏิบัติการสำหรับเปลี่ยนภาษาที่แป้นพิมพ์ คลิกซ้ายที่คีย์ LEFT ALT แล้วจากนั้นคลิกขวาที่คีย์ SHIFT)

การใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอมีข้อจำกัดดังต่อไปนี้:

  • แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะช่วยป้องกันการดักข้อมูลส่วนตัวเมื่อใช้ร่วมกับเบราเซอร์Chromium-based Microsoft Edge, Mozilla Firefox หรือ Google Chrome เท่านั้น เมื่อใช้กับเบราเซอร์อื่นๆ แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะไม่ป้องกันข้อมูลส่วนตัวที่ป้อนจากการดักข้อมูล
  • แป้นพิมพ์บนหน้าจอไม่สามารถป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคุณได้ถ้าเว็บไซต์ที่คุณต้องป้อนข้อมูลนั้นถูกดักจับ เพราะว่าในกรณีนี้ข้อมูลที่ถูกดักจับเกิดจากการบุกรุกเว็บไซต์นั้นโดยตรง
  • แป้นพิมพ์บนหน้าจอไม่สามารถป้องกันการบันทึกหน้าจอที่ทำโดยการใช้คีย์ Print Screen และการคีย์หลายปุ่มรวมกันตามที่ระบุไว้ในการตั้งค่าระบบปฏิบัติการ
  • แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่ป้องกันสำหรับกรณีการบันทึกหน้าจอที่ไม่ได้รับอนุญาตใน Microsoft Windows 8 และ 8.1 (64-bit เท่านั้น) หากหน้าต่างแป้นพิมพ์บนหน้าจอเปิดแต่กระบวนการเบราเซอร์ที่มีการป้องกันไม่ได้เริ่มต้นขึ้น
ด้านบนสุดของหน้า
[Topic 70895]

วิธีการเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอ

ขยายทั้งหมด | ยุบทั้งหมด

คุณสามารถเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอด้วยวิธีต่อไปนี้:

  • จากแถบเครื่องมือของ Chromium-based Microsoft Edge, Mozilla Firefox หรือ Google Chrome
  • โดยใช้ไอคอนปุ่มลัดแป้นพิมพ์บนหน้าจอในช่องป้อนข้อมูลบนเว็บไซต์

    คุณสามารถ กำหนด การแสดงไอคอนปุ่มลัดในช่องป้อนข้อมูลบนเว็บไซต์

    เมื่อใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะปิดใช้ตัวเลือกการกรอกข้อมูลอัตโนมัติสำหรับช่องป้อนข้อมูลบนเว็บไซต์

  • โดยกดปุ่มของแป้นพิมพ์ผสม

การเริ่มแป้นพิมพ์บนหน้าจอจากแถบเครื่องมือของเบราเซอร์

เพื่อเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอจากแถบเครื่องมือของเบราเซอร์ต่างๆ เช่น Microsoft Edge based on Chromium, Mozilla Firefox หรือ Google Chrome:

  1. คลิกปุ่ม  Kaspersky Protection บนแถบเครื่องมือของเบราเซอร์
  2. เลือกรายการ แป้นพิมพ์บนหน้าจอ ในเมนูที่เปิดอยู่

การเริ่มแป้นพิมพ์บนหน้าจอโดยใช้แป้นพิมพ์ฮาร์ดแวร์

การเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอโดยใช้แป้นพิมพ์ฮาร์ดแวร์:

กดพาธลัด CTRL+ALT+SHIFT+P

ทางลัดนี้ไม่แสดงแป้นพิมพ์บนหน้าจอหากมีการใช้งานทางลัดโดยแอปพลิเคชันอื่น เช่น Microsoft Word

ด้านบนสุดของหน้า
[Topic 82518]

วิธีการกำหนดค่าการแสดงผลของไอคอนแป้นพิมพ์บนหน้าจอ

การกำหนดค่าจอแสดงไอคอนทางลัดสำหรับแป้นพิมพ์บนหน้าจอในช่องทางเข้าเว็บไซต์:

  1. เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. คลิก ปุ่มการตั้งค่า ที่ด้านล่างของหน้าต่างหลัก

    ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง การตั้งค่า

  3. เลือกส่วนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
  4. ในหน้าต่าง การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว คลิกปุ่ม อินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัย

    หน้าต่างจะแสดงการตั้งค่าสำหรับการปกป้องการอินพุทข้อมูล

  5. ในส่วน แป้นพิมพ์บนหน้าจอ ให้เลือกช่องทำเครื่องหมาย เปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอโดยการพิมพ์ CTRL+ALT+SHIFT+P
  6. ถ้าคุณต้องการให้ไอคอนเรียกใช้ด่วนของแป้นพิมพ์บนหน้าจอปรากฏบนช่องทางเข้าในทุกเว็บไซต์ ให้เลือกช่องทำเครื่องหมาย แสดงไอคอนเรียกใช้ด่วนในช่องการป้อนข้อมูล
  7. หากคุณต้องการให้ไอคอนปุ่มลัดสำหรับแป้นพิมพ์บนหน้าจอแสดงแค่ตอนเว็บไซต์ของหมวดหมู่ที่เฉพาะถูกเปิดเท่านั้น กรุณาเลือกช่องทำเครื่องหมายสำหรับหมวดหมู่ของเว็บไซต์ที่ซึ่งไอคอนปุ่มลัดสำหรับแป้นพิมพ์จะแสดงอยู่ในช่องป้อนข้อมูล

    ไอคอนทางลัดของแป้นพิมพ์บนหน้าจอจะแสดงขึ้นเมื่อคุณเข้าใช้งานเว็บไซต์ในหมวดหมู่ที่คุณเลือกไว้

  8. ถ้าคุณต้องการเปิดใช้หรือปิดใช้ไอคอนทางลัดของแป้นพิมพ์บนหน้าจอเมื่อคุณเข้าสู่เว็บไซต์บางเว็บไซต์:
    1. ในช่อง แป้นพิมพ์บนหน้าจอ คลิกลิงก์ จัดการข้อยกเว้น เพื่อเปิดหน้าต่าง ข้อยกเว้นสำหรับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
    2. ในส่วนล่างของหน้าต่าง ให้คลิกปุ่มเพิ่ม
    3. หน้าต่างจะเปิดขึ้นสำหรับการเพิ่มข้อยกเว้นสำหรับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
    4. ในช่อง มาสก์ที่อยู่เว็บ ให้ป้อนที่อยู่เว็บของเว็บไซต์
    5. ในส่วน ขอบเขต ให้คุณระบุพื้นที่ที่คุณต้องการให้แสดงไอคอนทางลัดของแป้นพิมพ์บนหน้าจอ (หรือไม่ต้องการให้แสดง): ในหน้าที่ระบุหรือในทุกหน้าของเว็บไซต์
    6. ในส่วน ไอคอนแป้นพิมพ์บนหน้าจอ ให้ระบุว่าคุณต้องการให้แสดงไอคอนแป้นพิมพ์บนหน้าจอหรือไม่
    7. คลิกปุ่มตกลง

      เว็บไซต์ที่ระบุจะแสดงในรายการที่อยู่ในหน้าต่าง ข้อยกเว้นสำหรับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ

เมื่อคุณเข้าใช้เว็บไซต์ที่ระบุไว้ ไอคอนทางลัดของแป้นพิมพ์บนหน้าจอจะแสดงในช่องทางเข้าตามที่ได้ตั้งค่าระบุไว้

ด้านบนสุดของหน้า

[Topic 90458]

เกี่ยวกับการป้องกันข้อมูลที่ป้อนทางแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์

การป้องกันการอินพุทข้อมูลด้วยแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ช่วยให้หลีกเลี่ยงการดักข้อมูลที่ป้อนบนเว็บไซต์ทางแป้นพิมพ์ได้ เพื่อเปิดใช้งานการป้องกันการป้อนข้อมูลบนแป้นพิมพ์ ส่วนขยาย Kaspersky Protection ต้องถูกเปิดใช้งานไว้ ในเบราเซอร์ คุณสามารถกำหนดค่าการป้องกันการอินพุทข้อมูลที่ป้อนจากแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ได้หลากหลายเว็บไซต์ หลังจากกำหนดค่าการอินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย จะมีข้อความป็อปอัประบุว่าเปิดใช้งานอินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัยแล้วจะปรากฏถัดจากช่องที่มีลูกศรอยู่ ตามค่าเริ่มต้น อินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัยจะเปิดใช้งานสำหรับหมวดหมู่ของเว็บไซต์ทั้งหมดยกเว้นการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ต

ข้อจำกัดการอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัย

การอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัยในแอปพลิเคชัน Kaspersky มีข้อจำกัดดังต่อไปนี้:

  • อินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัยจะไม่ทำงานในเบราเซอร์ที่กำลังทำงานในแอปพลิเคชัน Sandboxie
  • อินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัยจะไม่สามารถป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคุณได้ถ้าเว็บไซต์ที่ต้องการข้อมูลนั้นถูกแฮก เนื่องจากในกรณีนี้ข้อมูลถูกดักจับจากผู้บุกรุกเว็บไซต์โดยตรง การอินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัยทำงานได้เฉพาะกับเบราว์เซอร์ต่อไปนี้ Microsoft Edge ขึ้นอยู่กับ Chromium, Mozilla Firefox, Mozilla Firefox ESR และ Google Chrome เมื่อติดตั้งและเปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection
  • การป้องกันทำงานได้เฉพาะกับหน้าเว็บที่ทำตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
    • หน้าเว็บอยู่ในรายการที่อยู่ URL หรือหมวดหมู่หน้าเว็บที่ต้องการรอินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย
    • หน้าเว็บที่เปิดในเบราเซอร์ที่มีการป้องกัน
    • หน้าเว็บที่ไม่ได้อยู่ในรายการข้อยกเว้น URL
    • หน้าเว็บมีช่องสำหรับป้อนรหัสผ่าน ในขณะเดียวกันจะต้องเลือกช่องทำเครื่องหมาย ช่องการป้อนรหัสผ่านในเว็บไซต์ทั้งหมด ในการตั้งค่าแอปพลิเคชันไว้
    • หากต้องการตรวจสอบว่าได้เลือกช่องทำเครื่องหมายไว้หรือไม่ ให้ไปที่ส่วน การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัย บล็อก อินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย
  • การป้องกันทำงานได้เฉพาะกับช่องที่ทำตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
    • ช่องอินพุทเป็นบรรทัดเดียว และสอดคล้องกับแท็ก <อินพุท> HTML
    • ช่องอินพุทไม่ถูกซ่อนไว้ แอตทริบิวต์ของประเภทไม่เท่ากับเงื่อนไขซ่อน และในสไตล์ CSS ช่องแสดงไม่ถูกตั้งค่าเป็นศูนย์
    • ช่องอินพุตไม่ใช่ช่องสำหรับการส่ง ปุ่มแบบเรดิโอ ช่องทำเครื่องหมาย ปุ่ม หรือรูปภาพประเภทต่างๆ
    • ช่องอินพุทไม่ควรเป็นแบบอ่านอย่างเดียว (readOnly)
    • ช่องอินพุทควรพร้อมสำหรับการป้อนข้อมูล (get focus)
    • ถ้าช่องมีแอตทริบิวต์ความยาวสูงสุด (maxlength) จำนวนตัวอักษรขั้นต่ำที่สามารถใส่ได้ควรมากกว่าสามตัว
  • การป้องกันจะไม่ทำงานในกรณีต่อไปนี้
    • ข้อมูลที่อินพุทใช้เทคโนโลยี IME
    • ช่องอินพุทไม่ใช่ช่องสำหรับกรอกรหัสผ่าน

ระยะเวลาหลังจากที่คุณติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky แต่ก่อนที่จะรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก แอปพลิเคชันจะไม่ดักจับตัวอักษรแรกที่ผู้ใช้ใส่ (ในทุกแอปพลิเคชัน)

หากคุณมีปัญหาใดๆ ส่งคำขอ พร้อมคำอธิบายอย่างละเอียดของปัญหาไปยังฝ่ายบริการลูกค้าผ่าน My Kaspersky

สำหรับคู่มือการทำงานกับ My Kaspersky โปรดดู ช่วยเหลือ

ด้านบนสุดของหน้า
[Topic 70745]

วิธีการป้องกันข้อมูลที่ป้อนทางแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์

การป้องกันข้อมูลที่ป้อนทางแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์

  1. เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. คลิก ปุ่มการตั้งค่า ที่ด้านล่างของหน้าต่างหลัก

    ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง การตั้งค่า

  3. ไปที่ส่วน การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
  4. คลิกปุ่มอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัย

    ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง การตั้งค่าอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัย

  5. บริเวณด้านล่างของหน้าต่างในส่วน อินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย ให้เลือกช่องทำเครื่องหมาย เปิดใช้งานอินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย
  6. เลือกช่องทำเครื่องหมายสำหรับหมวดหมู่เว็บไซต์ที่ต้องการป้องกันข้อมูลที่ป้อนจากแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์
  7. ถ้าคุณต้องการเปิดใช้หรือปิดใช้การป้องกันการอินพุทข้อมูลจากแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์บนเว็บไซต์ที่ระบุเว็บหนึ่ง:
    1. เปิดหน้าต่าง ข้อยกเว้นสำหรับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ โดยการคลิกที่ลิงก์ จัดการข้อยกเว้น
    2. ในหน้าต่าง คลิกปุ่ม เพิ่ม
    3. หน้าต่างจะเปิดสำหรับการเพิ่มข้อยกเว้นการอินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย
    4. ในหน้าต่างที่เปิดในส่วนของช่อง มาสก์ที่อยู่เว็บ ให้ป้อนที่อยู่เว็บไซต์
    5. เลือกหนึ่งในตัวเลือกสำหรับการอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัยบนเว็บไซต์นี้ (นำไปใช้กับหน้าที่ระบุ หรือ นำไปใช้กับเว็บไซต์ทั้งหมด)
    6. เลือกการดำเนินการที่จะใช้กับการอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัยบนเว็บไซต์ (ป้องกัน หรือ ห้ามป้องกัน)
    7. คลิกปุ่มตกลง

เว็บไซต์ที่ระบุจะแสดงในรายการที่อยู่ในหน้าต่าง ข้อยกเว้นสำหรับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ เมื่อเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ การอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัยจะทำงาน การทำงานจะสอดคล้องกับการตั้งค่า

ด้านบนสุดของหน้า

[Topic 139716]

การตรวจสอบเว็บไซต์เพื่อความปลอดภัย

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะอนุญาตให้ตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์ก่อนที่คุณจะคลิกลิงก์เพื่อเปิด เว็บไซต์ได้รับการตรวจสอบโดยใช้ ตัวแนะนำ URL

ส่วนประกอบตัวแนะนำ URL จะตรวจสอบลิงก์บนเว็บเพจที่เปิดใน Chromium-based Microsoft Edge, Google Chrome หรือ Mozilla Firefox แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงหนึ่งในไอคอนที่อยู่ถัดจากลิงก์ที่ตรวจสอบดังนี้:

หน้าเว็บที่ปลอดภัย – ถ้าลิงก์หน้าเว็บนั้นปลอดภัยโดยอ้างอิงจาก Kaspersky

หน้าเว็บที่ไม่รู้จัก – ถ้าไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสถานะความปลอดภัยของหน้าเว็บที่ลิงก์ไป

หน้าเว็บที่อาจใช้งานโดยผู้บุกรุก – หากอ้างอิงจาก Kaspersky แฮกเกอร์สามารถสร้างอันตรายต่อคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของคุณได้โดยใช้หน้าเว็บที่ลิงก์เชื่อมโยงไว้

หน้าเว็บที่ตกอยู่ในอันตราย – หากอ้างอิงจาก Kaspersky หน้าเว็บที่ลิงก์เชื่อมโยงไว้สามารถติดเชื้อหรือแฮ็กได้

หน้าเว็บที่อันตราย – ถ้าลิงก์หน้าเว็บอันตรายโดยอ้างอิงจาก Kaspersky

การดูหน้ารายละเอียดเพิ่มเติมของลิงก์นั้นบนหน้าต่างป็อปอัป ให้เลื่อนลูกศรเมาส์ชี้ไปยังไอคอนที่จะให้รายละเอียดนั้นๆ

ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชัน Kaspersky จะตรวจสอบลิงก์ในผลการค้นหาเท่านั้น คุณสามารถเปิดใช้งานการตรวจสอบ URL ได้กับทุกเว็บไซต์

การกำหนดค่าการตรวจสอบ URL บนเว็บไซต์:

  1. เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. คลิก ปุ่มการตั้งค่า ที่ด้านล่างของหน้าต่างหลัก

    ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง การตั้งค่า

  3. เลือกส่วนการตั้งค่าความปลอดภัย
  4. คลิกปุ่มการเรียกดูอย่างปลอดภัย

    ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง การตั้งค่าการเรียกดูอย่างปลอดภัย

  5. การคลิกลิงก์ การตั้งค่าขั้นสูง จะเปิดส่วนการตั้งค่าขั้นสูงของ การเรียกดูอย่างปลอดภัย
  6. ในส่วน ตัวแนะนำ URL ให้เลือกช่องทำเครื่องหมาย ตรวจสอบ URL
  7. หากคุณต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky สแกนเนื้อหาของเว็บไซต์ทั้งหมดให้เลือก ในเว็บไซต์ทั้งหมดยกเว้นเว็บไซต์ที่ระบุ
  8. ถ้าจำเป็น ให้ระบุหน้าเว็บที่คุณเชื่อถือในหน้าต่าง ข้อยกเว้น เปิดหน้าต่างนี้โดยการคลิกลิงก์ จัดการข้อยกเว้น แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่สแกนเนื้อหาของหน้าเว็บที่ระบุ
  9. หากต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจสอบเนื้อหาของหน้าเว็บที่ระบุเท่านั้น:
    1. เลือกตัวเลือก ในเว็บไซต์ที่ระบุเท่านั้น
    2. คลิกที่ลิงก์ กำหนดค่าเว็บไซต์ที่ตรวจสอบ เพื่อเปิดหน้าต่าง เว็บไซต์ที่ตรวจสอบ
    3. คลิกปุ่มเพิ่ม
    4. ป้อนที่อยู่หน้าเว็บที่มีเนื้อหาที่คุณต้องการตรวจสอบ
    5. เลือกสถานะการตรวจสอบสำหรับหน้าเว็บนั้น (หากสถานะนั้น เป็น ทำงาน แอปพลิเคชัน Kaspersky จะตรวจสอบเนื้อหาหน้าเว็บนั้น)
    6. คลิกปุ่มตกลง

      หน้าเว็บที่ระบุจะปรากฏในรายการในหน้าต่าง เว็บไซต์ที่ตรวจสอบ แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจสอบ URL บนหน้าเว็บนี้

  10. การกำหนดค่าการตั้งค่าขั้นสูงสำหรับการตรวจสอบ URL ในหน้าต่าง การตั้งค่าขั้นสูงของการเรียกดูอย่างปลอดภัย ในส่วน ตัวแนะนำ URL ให้คลิกที่ลิงก์ กำหนดค่าตัวแนะนำ URL ที่เชื่อถือได้ เพื่อเปิดหน้าต่าง URL ที่ตรวจสอบ
  11. หากคุณต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky แจ้งเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัยของลิงก์บนหน้าเว็บทั้งหมด ในส่วน URL ที่ตรวจสอบ ให้เลือก URL ทั้งหมด
  12. หากคุณต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky แสดงข้อมูลที่เกี่ยวกับลิงก์อยู่ในหมวดหมู่เฉพาะของเนื้อหาเว็บไซต์หรือไม่ (ตัวอย่างเช่น หยาบคาย ลามก):
    1. เลือกช่องทำเครื่องหมาย แสดงข้อมูลเกี่ยวกับหมวดหมู่ของเนื้อหาเว็บไซต์
    2. เลือกช่องทำเครื่องหมายที่อยู่ถัดจากหมวดหมู่ของเนื้อหาเว็บไซต์เกี่ยวกับข้อมูลซึ่งควรแสดงในส่วนของความคิดเห็น

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะตรวจสอบลิงก์บนหน้าเว็บที่ระบุและแสดงข้อมูลเกี่ยวกับหมวดหมู่ของลิงก์โดยเป็นไปตามค่าการตั้งค่าที่เลือก

ด้านบนสุดของหน้า

[Topic 70888]

วิธีการเปลี่ยนการตั้งค่าการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส

การเชื่อมต่อที่เข้ารหัสถูกสร้างผ่านโปรโตคอล SSL และ TLS ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชัน Kaspersky สแกนการเชื่อมต่อตามคำขอจากส่วนประกอบการป้องกัน เช่น Mail Anti-Virus, Safe Money, ตัวแนะนำ URL, การเรียกดูส่วนตัว, การเรียกดูอย่างปลอดภัยปลอดภัย และ Anti-Banner

การเปลี่ยนการตั้งค่าการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส:

  1. เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. คลิก ปุ่มการตั้งค่า ที่ด้านล่างของหน้าต่างหลัก

    ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง การตั้งค่า

  3. ไปที่ส่วน การตั้งค่าความปลอดภัย
  4. ในบล็อก การตั้งค่าขั้นสูง คลิกที่ปุ่ม การตั้งค่าเครือข่าย
  5. ในหน้าต่าง การตั้งค่าเครือข่าย ให้ไปที่ การสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส
  6. เลือกการดำเนินการที่จะทำเมื่อเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ผ่านการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส:
    • ห้ามสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส. แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส
    • สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสเมื่อคำขอมาจากส่วนประกอบการป้องกัน. แอปพลิเคชัน Kaspersky สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสเมื่อมีคำขอจากตัวแนะนำ URL เท่านั้น การดำเนินการนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น
    • สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสเสมอ. แอปพลิเคชัน Kaspersky สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสเสมอ

    การคลิกที่ลิงก์ แสดงประกาศนียบัตร จะเปิดหน้าต่างพร้อมรายการใบรับรองที่เชื่อถือได้ซึ่งใช้โดยเว็บไซต์ยอดนิยม ใบรับรองจะถูกเพิ่มในรายการนี้หากคุณคลิก เพิ่มลงในใบรับรองที่เชื่อถือได้และดำเนินการต่อ ในคำเตือน Kaspersky เมื่อเข้าชมเว็บไซต์ หลังจากที่คุณเพิ่มใบรับรองลงในรายการแล้ว เว็บไซต์จะถือว่าเชื่อถือได้ คุณสามารถเพิ่มหรือลบใบรับรองในหน้าต่าง ใบรับรองรูทที่เชื่อถือได้ โดยใช้ปุ่ม เพิ่ม และ ลบ

    หากคุณมีบัญชีผู้ใช้หลายบัญชีในคอมพิวเตอร์ของคุณ และผู้ใช้รายหนึ่งยอมรับใบรับรองใหม่ ใบรับรองนี้จะถูกเพิ่มในรายการใบรับรองที่เชื่อถือได้สำหรับผู้ใช้รายอื่นทั้งหมดด้วย

  7. เลือกการดำเนินการที่จะทำหากเกิดข้อผิดพลาดเมื่อสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส:
    • ละเว้น. หากเลือกการดำเนินการนี้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะสิ้นสุดการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ที่การสแกนเกิดข้อผิดพลาด
    • ถาม. หากเกิดข้อผิดพลาดเมื่อสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสกับเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงการแจ้งเตือนที่คุณสามารถเลือกการดำเนินการได้:
      • ละเว้น. แอปพลิเคชัน Kaspersky จะสิ้นสุดการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ที่การสแกนเกิดข้อผิดพลาด
      • อนุญาตและเพิ่มโดเมนลงในข้อยกเว้น. แอปพลิเคชัน Kaspersky จะเพิ่มที่อยู่เว็บไซต์ลงในรายการที่อยู่ที่เชื่อถือได้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสบนเว็บไซต์จากรายการที่อยู่ที่เชื่อถือได้ คุณสามารถดูเว็บไซต์ดังกล่าวได้โดยคลิกที่ลิงก์ กำหนดค่าที่อยู่ที่เชื่อถือได้

      ตัวเลือกนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

    • อนุญาตและเพิ่มโดเมนลงในข้อยกเว้น. แอปพลิเคชัน Kaspersky จะเพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการที่อยู่ที่เชื่อถือได้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสบนเว็บไซต์จากรายการที่อยู่ที่เชื่อถือได้ เว็บไซต์เหล่านี้แสดงหน้าต่าง ที่อยู่ที่เชื่อถือได้ ซึ่งสามารถเปิดได้ด้วยการคลิกที่ลิงก์ กำหนดค่าที่อยู่ที่เชื่อถือได้
  8. คลิกลิงก์ กำหนดค่าที่อยู่ที่เชื่อถือได้ เพื่อเปิดหน้าต่าง ที่อยู่ที่เชื่อถือได้ และดำเนินการต่อไปนี้:
    1. คลิกที่ปุ่ม เพิ่ม เพื่อเพิ่มเว็บไซต์ในรายการข้อยกเว้นสำหรับการสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส
    2. ป้อนชื่อโดเมนของเว็บไซต์ในช่อง ชื่อโดเมน
    3. คลิกปุ่มเพิ่ม

      แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสกับเว็บไซต์นี้ โปรดทราบว่าการเพิ่มเว็บไซต์ไปยังรายการที่อยู่ที่เชื่อถือได้อาจจำกัดการทำงานของส่วนประกอบการป้องกันต่างๆ ของการสแกนเว็บไซต์ เช่น Safe Money, ตัวแนะนำ URL, การเรียกดูส่วนตัว, การเรียกดูอย่างปลอดภัย และ Anti-Banner

ด้านบนสุดของหน้า

[Topic 157530]

เกี่ยวกับการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยกับเครือข่าย Wi-Fi

ฟังก์ชัน Kaspersky VPN ไม่สามารถใช้งานได้ในบางภูมิภาค

สามารถเลือกใช้งานได้เฉพาะใน Kaspersky Plus และ Kaspersky Premium เท่านั้น

เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะอาจอยู่ภายใต้การป้องกันที่ต่ำ ตัวอย่างเช่น ถ้าเครือข่าย Wi-Fi ใช้โปรโตคอลการเข้ารหัสที่มีความเสี่ยง หรือรหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่าย เมื่อคุณทำการซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย รหัสผ่านและข้อมูลลับของคุณจะถูกส่งเป็นข้อความที่ไม่ถูกเข้ารหัส แฮกเกอร์สามารถดักข้อมูลลับของคุณ เช่น หมายเลขบัตรเครดิตของคุณ และเข้าถึงเรื่องการเงินของคุณ

เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของคุณเมื่อใช้เครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย คุณสามารถเปิดใช้งาน VPN ผ่านเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการจัดสรรพิเศษซึ่งอยู่ในภูมิภาคที่คุณระบุ การรับส่งข้อมูลจากเว็บไซต์จะไปที่เซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการจัดสรรก่อน จากนั้นจึงจะถูกส่งไปยังอุปกรณ์ของคุณผ่านการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยที่เข้ารหัส

หากจะใช้ส่วนประกอบ Kaspersky VPN คุณต้อง ใช้งาน Kaspersky VPN Kaspersky VPN Secure Connection ได้รับการติดตั้งร่วมกับแอปพลิเคชัน Kaspersky ในแผน Kaspersky Plus

ส่วนประกอบ Kaspersky VPN มีข้อได้เปรียบดังนี้

  • ความปลอดภัยของการใช้ระบบการชำระเงินและการจองผ่านไซต์ ผู้บุกรุกจะไม่สามารถดักเลขบัตรธนาคารของคุณเมื่อคุณทำการชำระเงินออนไลน์, จองห้องโรงแรม หรือเช่ารถ
  • การป้องกันสำหรับข้อมูลที่เป็นความลับของคุณ ไม่มีใครสามารถระบุที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์ของคุณหรือตำแหน่งของคุณได้
  • การป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณ จะไม่มีคนดักอ่านการพูดคุยส่วนตัวผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์คของคุณได้

การเชื่อมต่อ VPNที่ปลอดภัยสามารถใช้สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายประเภทอื่นๆ เช่นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตภายใน หรือการเชื่อมต่อผ่านโมเด็ม USB

ตามค่าเริ่มต้น Kaspersky VPN Secure Connection จะไม่ให้คุณยืนยันเพื่อเปิดใช้ VPN ถ้ามีการใช้โปรโตคอล HTTPS เพื่อเชื่อมต่อกับเว็บไซต์

การเปลี่ยนตำแหน่งของคุณเมื่อเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของธนาคาร ระบบชำระเงิน เว็บไซต์สำหรับจอง โซเชียลเน็ตเวิร์ค แชต และเว็บไซต์อีเมลอาจทำให้ไปกระตุ้นระบบป้องกันการทุจริต (ระบบนี้มีจุดประสงค์เพื่อวิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงินระบบออนไลน์สำหรับติดตามเบาะแสการดำเนินการทุจริต)

การใช้การเชื่อมต่อ VPN อาจได้รับการกำกับดูแลโดยกฎหมายท้องถิ่น คุณอาจใช้การเชื่อมต่อ VPN เฉพาะที่สอดคล้องกับจุดประสงค์และไม่ละเมิดกฎหมายท้องถิ่นเท่านั้น

ด้านบนสุดของหน้า
[Topic 127182]

การกำหนดค่าการแจ้งเตือนช่องโหว่ในเครือข่าย Wi-Fi

หากไม่ได้ติดตั้ง Kaspersky VPN Secure Connection บนคอมพิวเตอร์ของคุณ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi และการส่งรหัสผ่านของคุณอย่างไม่ปลอดภัยผ่านอินเทอร์เน็ต คุณสามารถอนุญาตหรือบล็อกการเชื่อมต่อและการส่งรหัสผ่านในหน้าต่างการแจ้งเตือนได้

หลังคุณติดตั้ง Kaspersky VPN Secure Connection การตั้งค่าเพื่อแสดงการแจ้งเตือนเมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi และเมื่อส่งรหัสผ่านที่ไม่ได้เข้ารหัสจะไม่ได้ทำงานอยู่ คุณสามารถกำหนดการตั้งค่าการแจ้งเตือนสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi ที่ Kaspersky VPN Secure Connection

ฟังก์ชัน Kaspersky VPN ไม่สามารถใช้งานได้ในบางภูมิภาค

การกำหนดค่าการแจ้งเตือนช่องโหว่ในเครือข่าย Wi-Fi:

  1. เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. คลิก ปุ่มการตั้งค่า ที่ด้านล่างของหน้าต่างหลัก

    ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง การตั้งค่า

  3. เลือกส่วนการตั้งค่าความปลอดภัย
  4. เลือกส่วนประกอบ ไฟร์วอลล์

    หน้าต่างแสดงการตั้งค่าของส่วนประกอบไฟร์วอลล์

  5. เลือก การแจ้งเตือนถึงช่องโหว่ในเครือข่าย Wi-Fi ถ้าคุณต้องการรับการแจ้งเตือนเมื่อคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่มีช่องโหว่ ถ้าคุณไม่ต้องการรับการแจ้งเตือน ไม่ต้องเลือกช่องทำเครื่องหมาย สามารถเข้าถึงช่องทำเครื่องหมายนี้ได้ถ้าไม่ติดตั้ง Kaspersky VPN Secure Connection ในคอมพิวเตอร์
  6. คลิกลิงก์ เลือกหมวดหมู่ และเลือกหมวดหมู่ช่องโหว่ของเครือข่าย Wi-Fi เมื่อคุณพยายามเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่มีช่องโหว่ที่เกี่ยวข้อง แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแจ้งให้คุณทราบ
  7. ถ้าเลือกช่องทำเครื่องหมาย การแจ้งเตือนถึงช่องโหว่ในเครือข่าย Wi-Fi คุณจะสามารถแก้ไขการตั้งค่าขั้นสูงเพื่อแสดงการแจ้งเตือนได้
    • เลือกช่องทำเครื่องหมาย การบล็อกและคำเตือนเกี่ยวกับการส่งรหัสผ่านอย่างไม่ปลอดภัยผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อบล็อกการส่งรหัสผ่านในรูปแบบข้อความที่ไม่ได้เข้ารหัสทั้งหมด เมื่อคุณกรอกช่อง รหัสผ่าน ทางอินเทอร์เน็ต
    • การคลิกลิงก์ เปิดใช้งาน จะคืนค่าเริ่มต้นของการตั้งค่าสำหรับแสดงการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการส่งข้อมูลรหัสผ่านในรูปแบบที่ไม่เข้ารหัส ถ้าก่อนหน้านี้คุณบล็อกการแสดงการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการส่งรหัสผ่านแบบไม่เข้ารหัส การแสดงการแจ้งเตือนเหล่านั้นจะกลับมาดำเนินการต่อ

เมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่มีการป้องกัน แอปพลิเคชันจะแสดงการแจ้งเตือน ซึ่งจะถามคุณว่าคุณเชื่อถือเครือข่ายใหม่หรือไม่ คุณสามารถเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งต่อไปนี้:

  • ไม่ บล็อกการเข้าถึงคอมพิวเตอร์. การเชื่อมต่อภายนอกทั้งหมดของเครือข่ายนี้ถูกบล็อก ยกเว้นการเชื่อมต่อที่เริ่มต้นจากอุปกรณ์ของคุณ คุณสามารถใช้อินเทอร์เน็ตและเยี่ยมชมเว็บไซต์ทั้งหมดได้ ผู้ใช้รายอื่นในเครือข่ายนี้จะไม่สามารถเชื่อมต่อกับทรัพยากรของคอมพิวเตอร์ของคุณได้ (เช่น พวกเขาจะไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาในดิสก์ของคุณ รวมทั้งโฟลเดอร์ที่ใช้ร่วมกัน)
  • จำกัด แต่อนุญาตการเข้าถึงที่ใช้ร่วมกันได้ คุณสามารถใช้อินเทอร์เน็ตและเยี่ยมชมเว็บไซต์ทั้งหมดได้ ผู้ใช้รายอื่นในเครือข่ายนี้จะไม่ได้รับสิทธิ์เข้าถึงทรัพยากรในคอมพิวเตอร์ของคุณ แต่จะมีสิทธิ์เข้าถึงทรัพยากรที่กำหนด (เช่น โฟลเดอร์ที่ใช้ร่วมกัน)
  • ใช่ อนุญาตกิจกรรมทางเครือข่ายทั้งหมด การเชื่อมต่อทั้งหมดในเครือข่ายนี้จะได้รับอนุญาต คุณสามารถใช้อินเทอร์เน็ตและเยี่ยมชมเว็บไซต์ทั้งหมดได้ ผู้ใช้รายอื่นในเครือข่ายนี้จะสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณได้โดยไม่มีข้อจำกัด (เช่น พวกเขาจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาในดิสก์ของคุณได้)

หากฟังก์ชัน ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม ปิดอยู่ การแจ้งเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ที่ตรวจพบก่อนหน้านี้ของเครือข่าย Wi-Fi จะยังคงอยู่ในอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของผลิตภัณฑ์ คุณสามารถซ่อนการแจ้งเตือนเหล่านี้ได้ หากต้องการลบการแจ้งเตือน คุณต้องยกเลิกการเชื่อมต่อจากเครือข่าย Wi-Fi ปัจจุบันหรือทำดังต่อไปนี้:

  1. แก้ไขช่องโหว่ที่ตรวจพบก่อนหน้านี้
  2. เปิดฟังก์ชั่น ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม
  3. สแกนเครือข่าย Wi-Fi เพื่อหาช่องโหว่

ด้านบนสุดของหน้า

[Topic 81791]