สารบัญ
- การป้องกันข้อมูลส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต
- เกี่ยวกับการป้องกันข้อมูลส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต
- เกี่ยวกับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
- วิธีการเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
- วิธีการกำหนดค่าการแสดงผลของไอคอนแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
- เกี่ยวกับการป้องกันข้อมูลที่ป้อนทางแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์
- วิธีการป้องกันข้อมูลที่ป้อนทางแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์
- การตรวจสอบเว็บไซต์เพื่อความปลอดภัย
- วิธีการเปลี่ยนการตั้งค่าการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส
- เกี่ยวกับการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยกับเครือข่าย Wi-Fi
- การกำหนดค่าการแจ้งเตือนช่องโหว่ในเครือข่าย Wi-Fi
การป้องกันข้อมูลส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต
ในส่วนนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทำให้การท่องอินเทอร์เน็ตของคุณปลอดภัย และป้องกันข้อมูลข้อมูลของคุณจากการโจรกรรม
เกี่ยวกับการป้องกันข้อมูลส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต
แอปพลิเคชัน Kaspersky ช่วยคุณป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคุณจากการโจรกรรม:
- รหัสผ่าน ชื่อผู้ใช้ และข้อมูลการลงทะเบียนอื่นๆ
- หมายเลขบัญชีผู้ใช้และเลขที่บัญชีธนาคาร
แอปพลิเคชัน Kaspersky มีองค์ประกอบและเครื่องมือที่ช่วยให้คุณป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคุณจากการโจรกรรมโดยคนร้ายซึ่งใช้วิธีการอย่างเช่น
และการดักข้อมูลที่ป้อนผ่านแป้นพิมพ์การป้องกันฟิชชิ่งจะปกป้องคุณจากการฟิชชิ่ง ซึ่งถูกนำมาใช้ในส่วนประกอบของการเรียกดูอย่างปลอดภัย เปิดใช้องค์ประกอบเหล่านี้เพื่อรับรองการป้องกันอย่างครอบคลุมจากฟิชชิ่ง
การป้องกันจากการดักข้อมูลที่ป้อนผ่านแป้นพิมพ์ทำงานโดยแป้นพิมพ์บนหน้าจอและอินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย
ตัวช่วยทำความสะอาดข้อมูลส่วนตัวจะล้างข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับกิจกรรมของผู้ใช้จากคอมพิวเตอร์
Safe Money และ Kaspersky VPN จะป้องกันข้อมูลเมื่อคุณใช้บริการธนาคารบนอินเทอร์เน็ตและซื้อสินค้าบนร้านค้าออนไลน์
ฟังก์ชัน Kaspersky VPN ไม่สามารถใช้งานได้ในบางภูมิภาค
เกี่ยวกับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
เมื่อใช้อินเทอร์เน็ต หลายครั้งที่คุณจะต้องป้อนข้อมูลส่วนตัวหรือชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน ตัวอย่างเช่น ระหว่างการลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้บนเว็บไซต์, การซื้อของออนไลน์ และการทำธุรกรรมธนาคารทางอินเทอร์เน็ต
ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงต่อการที่ข้อมูลส่วนตัวจะถูกดักจับโดยอุปกรณ์ดักจับทางแป้นพิมพ์ฮาร์ดแวร์หรือ Keylogger ซึ่งเป็นโปรแกรมที่จะบันทึกจังหวะการเคาะแป้นพิมพ์ แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะช่วยป้องกันการดักข้อมูลที่ป้อนผ่านแป้นพิมพ์
มีจำพวก spyware หลายโปรแกรมที่สามารถบันทึกหน้าจอได้ ซึ่งหลังจากนั้นก็จะส่งข้อมูลไปให้ผู้บุกรุกโดยอัตโนมัติเพื่อทำการวิเคราะห์เพิ่มเติมในการขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ แป้นพิมพ์บนหน้าจอช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวที่ป้อนเข้าไปถูกดักจับด้วยวิธีการบันทึกหน้าจอ
แป้นพิมพ์บนหน้าจอมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้:
- คุณสามารถคลิกปุ่มแป้นพิมพ์บนหน้าจอด้วยเมาส์ได้
- ส่วนที่แตกต่างจากแป้นพิมพ์ที่เป็นฮาร์ดแวร์นั้นก็คือ แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะไม่สามารถกดหลายปุ่มพร้อมกันได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการคีย์หลายปุ่มรวมกัน (เช่น ALT+F4) ต้องคลิกปุ่มแรกก่อน (ตัวอย่างเช่น ALT) จากนั้นคลิกปุ่มที่สอง (ตัวอย่างเช่น F4) แล้วหลังจากนั้นก็คลิกปุ่มแรกอีกครั้ง การคลิกปุ่มครั้งที่สองดังกล่าวนั้นจะทำในจังหวะเดียวกับที่กำลังจะปล่อยมือจากการคลิกบนแป้นพิมพ์ฮาร์ดแวร์
- ภาษาบนแป้นพิมพ์บนหน้าจอสามารถเปลี่ยนได้โดยการใช้พาธลัดเดียวกันที่ระบุโดยการตั้งค่าระบบปฏิบัติการสำหรับแป้นพิมพ์ฮาร์ดแวร์ โดยคลิกขวาที่ปุ่มอื่น (ตัวอย่างเช่น ถ้าพาธลัด LEFT ALT+SHIFT ถูกกำหนดค่าในการตั้งค่าระบบปฏิบัติการสำหรับเปลี่ยนภาษาที่แป้นพิมพ์ คลิกซ้ายที่คีย์ LEFT ALT แล้วจากนั้นคลิกขวาที่คีย์ SHIFT)
การใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอมีข้อจำกัดดังต่อไปนี้:
- แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะช่วยป้องกันการดักข้อมูลส่วนตัวเมื่อใช้ร่วมกับเบราเซอร์Chromium-based Microsoft Edge, Mozilla Firefox หรือ Google Chrome เท่านั้น เมื่อใช้กับเบราเซอร์อื่นๆ แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะไม่ป้องกันข้อมูลส่วนตัวที่ป้อนจากการดักข้อมูล
- แป้นพิมพ์บนหน้าจอไม่สามารถป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคุณได้ถ้าเว็บไซต์ที่คุณต้องป้อนข้อมูลนั้นถูกดักจับ เพราะว่าในกรณีนี้ข้อมูลที่ถูกดักจับเกิดจากการบุกรุกเว็บไซต์นั้นโดยตรง
- แป้นพิมพ์บนหน้าจอไม่สามารถป้องกันการบันทึกหน้าจอที่ทำโดยการใช้คีย์ Print Screen และการคีย์หลายปุ่มรวมกันตามที่ระบุไว้ในการตั้งค่าระบบปฏิบัติการ
- แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่ป้องกันสำหรับกรณีการบันทึกหน้าจอที่ไม่ได้รับอนุญาตใน Microsoft Windows 8 และ 8.1 (64-bit เท่านั้น) หากหน้าต่างแป้นพิมพ์บนหน้าจอเปิดแต่กระบวนการเบราเซอร์ที่มีการป้องกันไม่ได้เริ่มต้นขึ้น
วิธีการเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
คุณสามารถเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอด้วยวิธีต่อไปนี้:
- จากแถบเครื่องมือของ Chromium-based Microsoft Edge, Mozilla Firefox หรือ Google Chrome
- โดยใช้ไอคอนปุ่มลัดแป้นพิมพ์บนหน้าจอในช่องป้อนข้อมูลบนเว็บไซต์
คุณสามารถ กำหนด การแสดงไอคอนปุ่มลัดในช่องป้อนข้อมูลบนเว็บไซต์
เมื่อใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะปิดใช้ตัวเลือกการกรอกข้อมูลอัตโนมัติสำหรับช่องป้อนข้อมูลบนเว็บไซต์
- โดยกดปุ่มของแป้นพิมพ์ผสม
การเริ่มแป้นพิมพ์บนหน้าจอจากแถบเครื่องมือของเบราเซอร์
การเริ่มแป้นพิมพ์บนหน้าจอโดยใช้แป้นพิมพ์ฮาร์ดแวร์
ด้านบนสุดของหน้าวิธีการกำหนดค่าการแสดงผลของไอคอนแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
การกำหนดค่าจอแสดงไอคอนทางลัดสำหรับแป้นพิมพ์บนหน้าจอในช่องทางเข้าเว็บไซต์:
- เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
- คลิก
ที่ด้านล่างของหน้าต่างหลัก
ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง การตั้งค่า
- เลือกส่วนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
- ในหน้าต่าง การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว คลิกปุ่ม อินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัย
หน้าต่างจะแสดงการตั้งค่าสำหรับการปกป้องการอินพุทข้อมูล
- ในส่วน แป้นพิมพ์บนหน้าจอ ให้เลือกช่องทำเครื่องหมาย เปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอโดยการพิมพ์ CTRL+ALT+SHIFT+P
- ถ้าคุณต้องการให้ไอคอนเรียกใช้ด่วนของแป้นพิมพ์บนหน้าจอปรากฏบนช่องทางเข้าในทุกเว็บไซต์ ให้เลือกช่องทำเครื่องหมาย แสดงไอคอนเรียกใช้ด่วนในช่องการป้อนข้อมูล
- หากคุณต้องการให้ไอคอนปุ่มลัดสำหรับแป้นพิมพ์บนหน้าจอแสดงแค่ตอนเว็บไซต์ของหมวดหมู่ที่เฉพาะถูกเปิดเท่านั้น กรุณาเลือกช่องทำเครื่องหมายสำหรับหมวดหมู่ของเว็บไซต์ที่ซึ่งไอคอนปุ่มลัดสำหรับแป้นพิมพ์จะแสดงอยู่ในช่องป้อนข้อมูล
ไอคอนทางลัดของแป้นพิมพ์บนหน้าจอจะแสดงขึ้นเมื่อคุณเข้าใช้งานเว็บไซต์ในหมวดหมู่ที่คุณเลือกไว้
- ถ้าคุณต้องการเปิดใช้หรือปิดใช้ไอคอนทางลัดของแป้นพิมพ์บนหน้าจอเมื่อคุณเข้าสู่เว็บไซต์บางเว็บไซต์:
- ในช่อง แป้นพิมพ์บนหน้าจอ คลิกลิงก์ จัดการข้อยกเว้น เพื่อเปิดหน้าต่าง ข้อยกเว้นสำหรับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
- ในส่วนล่างของหน้าต่าง ให้คลิกปุ่มเพิ่ม
- หน้าต่างจะเปิดขึ้นสำหรับการเพิ่มข้อยกเว้นสำหรับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
- ในช่อง มาสก์ที่อยู่เว็บ ให้ป้อนที่อยู่เว็บของเว็บไซต์
- ในส่วน ขอบเขต ให้คุณระบุพื้นที่ที่คุณต้องการให้แสดงไอคอนทางลัดของแป้นพิมพ์บนหน้าจอ (หรือไม่ต้องการให้แสดง): ในหน้าที่ระบุหรือในทุกหน้าของเว็บไซต์
- ในส่วน ไอคอนแป้นพิมพ์บนหน้าจอ ให้ระบุว่าคุณต้องการให้แสดงไอคอนแป้นพิมพ์บนหน้าจอหรือไม่
- คลิกปุ่มตกลง
เว็บไซต์ที่ระบุจะแสดงในรายการที่อยู่ในหน้าต่าง ข้อยกเว้นสำหรับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
เมื่อคุณเข้าใช้เว็บไซต์ที่ระบุไว้ ไอคอนทางลัดของแป้นพิมพ์บนหน้าจอจะแสดงในช่องทางเข้าตามที่ได้ตั้งค่าระบุไว้
เกี่ยวกับการป้องกันข้อมูลที่ป้อนทางแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์
การป้องกันการอินพุทข้อมูลด้วยแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ช่วยให้หลีกเลี่ยงการดักข้อมูลที่ป้อนบนเว็บไซต์ทางแป้นพิมพ์ได้ เพื่อเปิดใช้งานการป้องกันการป้อนข้อมูลบนแป้นพิมพ์ ส่วนขยาย Kaspersky Protection ต้องถูกเปิดใช้งานไว้ ในเบราเซอร์ คุณสามารถกำหนดค่าการป้องกันการอินพุทข้อมูลที่ป้อนจากแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ได้หลากหลายเว็บไซต์ หลังจากกำหนดค่าการอินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย จะมีข้อความป็อปอัประบุว่าเปิดใช้งานอินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัยแล้วจะปรากฏถัดจากช่องที่มีลูกศรอยู่ ตามค่าเริ่มต้น อินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัยจะเปิดใช้งานสำหรับหมวดหมู่ของเว็บไซต์ทั้งหมดยกเว้นการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ต
ข้อจำกัดการอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัย
การอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัยในแอปพลิเคชัน Kaspersky มีข้อจำกัดดังต่อไปนี้:
- อินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัยจะไม่ทำงานในเบราเซอร์ที่กำลังทำงานในแอปพลิเคชัน Sandboxie
- อินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัยจะไม่สามารถป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคุณได้ถ้าเว็บไซต์ที่ต้องการข้อมูลนั้นถูกแฮก เนื่องจากในกรณีนี้ข้อมูลถูกดักจับจากผู้บุกรุกเว็บไซต์โดยตรง การอินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัยทำงานได้เฉพาะกับเบราว์เซอร์ต่อไปนี้ Microsoft Edge ขึ้นอยู่กับ Chromium, Mozilla Firefox, Mozilla Firefox ESR และ Google Chrome เมื่อติดตั้งและเปิดใช้งานส่วนขยาย Kaspersky Protection
- การป้องกันทำงานได้เฉพาะกับหน้าเว็บที่ทำตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- หน้าเว็บอยู่ในรายการที่อยู่ URL หรือหมวดหมู่หน้าเว็บที่ต้องการรอินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย
- หน้าเว็บที่เปิดในเบราเซอร์ที่มีการป้องกัน
- หน้าเว็บที่ไม่ได้อยู่ในรายการข้อยกเว้น URL
- หน้าเว็บมีช่องสำหรับป้อนรหัสผ่าน ในขณะเดียวกันจะต้องเลือกช่องทำเครื่องหมาย ช่องการป้อนรหัสผ่านในเว็บไซต์ทั้งหมด ในการตั้งค่าแอปพลิเคชันไว้
- หากต้องการตรวจสอบว่าได้เลือกช่องทำเครื่องหมายไว้หรือไม่ ให้ไปที่ส่วน การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว → อินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัย → บล็อก อินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย
- การป้องกันทำงานได้เฉพาะกับช่องที่ทำตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- ช่องอินพุทเป็นบรรทัดเดียว และสอดคล้องกับแท็ก <อินพุท> HTML
- ช่องอินพุทไม่ถูกซ่อนไว้ แอตทริบิวต์ของประเภทไม่เท่ากับเงื่อนไขซ่อน และในสไตล์ CSS ช่องแสดงไม่ถูกตั้งค่าเป็นศูนย์
- ช่องอินพุตไม่ใช่ช่องสำหรับการส่ง ปุ่มแบบเรดิโอ ช่องทำเครื่องหมาย ปุ่ม หรือรูปภาพประเภทต่างๆ
- ช่องอินพุทไม่ควรเป็นแบบอ่านอย่างเดียว (readOnly)
- ช่องอินพุทควรพร้อมสำหรับการป้อนข้อมูล (get focus)
- ถ้าช่องมีแอตทริบิวต์ความยาวสูงสุด (maxlength) จำนวนตัวอักษรขั้นต่ำที่สามารถใส่ได้ควรมากกว่าสามตัว
- การป้องกันจะไม่ทำงานในกรณีต่อไปนี้
- ข้อมูลที่อินพุทใช้เทคโนโลยี IME
- ช่องอินพุทไม่ใช่ช่องสำหรับกรอกรหัสผ่าน
ระยะเวลาหลังจากที่คุณติดตั้งแอปพลิเคชัน Kaspersky แต่ก่อนที่จะรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก แอปพลิเคชันจะไม่ดักจับตัวอักษรแรกที่ผู้ใช้ใส่ (ในทุกแอปพลิเคชัน)
หากคุณมีปัญหาใดๆ ส่งคำขอ พร้อมคำอธิบายอย่างละเอียดของปัญหาไปยังฝ่ายบริการลูกค้าผ่าน My Kaspersky
สำหรับคู่มือการทำงานกับ My Kaspersky โปรดดู ช่วยเหลือ
ด้านบนสุดของหน้าวิธีการป้องกันข้อมูลที่ป้อนทางแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์
การป้องกันข้อมูลที่ป้อนทางแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์
- เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
- คลิก
ที่ด้านล่างของหน้าต่างหลัก
ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง การตั้งค่า
- ไปที่ส่วน การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
- คลิกปุ่มอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัย
ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง การตั้งค่าอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัย
- บริเวณด้านล่างของหน้าต่างในส่วน อินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย ให้เลือกช่องทำเครื่องหมาย เปิดใช้งานอินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย
- เลือกช่องทำเครื่องหมายสำหรับหมวดหมู่เว็บไซต์ที่ต้องการป้องกันข้อมูลที่ป้อนจากแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์
- ถ้าคุณต้องการเปิดใช้หรือปิดใช้การป้องกันการอินพุทข้อมูลจากแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์บนเว็บไซต์ที่ระบุเว็บหนึ่ง:
- เปิดหน้าต่าง ข้อยกเว้นสำหรับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ โดยการคลิกที่ลิงก์ จัดการข้อยกเว้น
- ในหน้าต่าง คลิกปุ่ม เพิ่ม
- หน้าต่างจะเปิดสำหรับการเพิ่มข้อยกเว้นการอินพุทผ่านแป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย
- ในหน้าต่างที่เปิดในส่วนของช่อง มาสก์ที่อยู่เว็บ ให้ป้อนที่อยู่เว็บไซต์
- เลือกหนึ่งในตัวเลือกสำหรับการอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัยบนเว็บไซต์นี้ (นำไปใช้กับหน้าที่ระบุ หรือ นำไปใช้กับเว็บไซต์ทั้งหมด)
- เลือกการดำเนินการที่จะใช้กับการอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัยบนเว็บไซต์ (ป้องกัน หรือ ห้ามป้องกัน)
- คลิกปุ่มตกลง
เว็บไซต์ที่ระบุจะแสดงในรายการที่อยู่ในหน้าต่าง ข้อยกเว้นสำหรับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ เมื่อเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ การอินพุทข้อมูลอย่างปลอดภัยจะทำงาน การทำงานจะสอดคล้องกับการตั้งค่า
การตรวจสอบเว็บไซต์เพื่อความปลอดภัย
แอปพลิเคชัน Kaspersky จะอนุญาตให้ตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์ก่อนที่คุณจะคลิกลิงก์เพื่อเปิด เว็บไซต์ได้รับการตรวจสอบโดยใช้ ตัวแนะนำ URL
ส่วนประกอบตัวแนะนำ URL จะตรวจสอบลิงก์บนเว็บเพจที่เปิดใน Chromium-based Microsoft Edge, Google Chrome หรือ Mozilla Firefox แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงหนึ่งในไอคอนที่อยู่ถัดจากลิงก์ที่ตรวจสอบดังนี้:
– ถ้าลิงก์หน้าเว็บนั้นปลอดภัยโดยอ้างอิงจาก Kaspersky
– ถ้าไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสถานะความปลอดภัยของหน้าเว็บที่ลิงก์ไป
– หากอ้างอิงจาก Kaspersky แฮกเกอร์สามารถสร้างอันตรายต่อคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของคุณได้โดยใช้หน้าเว็บที่ลิงก์เชื่อมโยงไว้
– หากอ้างอิงจาก Kaspersky หน้าเว็บที่ลิงก์เชื่อมโยงไว้สามารถติดเชื้อหรือแฮ็กได้
– ถ้าลิงก์หน้าเว็บอันตรายโดยอ้างอิงจาก Kaspersky
การดูหน้ารายละเอียดเพิ่มเติมของลิงก์นั้นบนหน้าต่างป็อปอัป ให้เลื่อนลูกศรเมาส์ชี้ไปยังไอคอนที่จะให้รายละเอียดนั้นๆ
ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชัน Kaspersky จะตรวจสอบลิงก์ในผลการค้นหาเท่านั้น คุณสามารถเปิดใช้งานการตรวจสอบ URL ได้กับทุกเว็บไซต์
การกำหนดค่าการตรวจสอบ URL บนเว็บไซต์:
- เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
- คลิก
ที่ด้านล่างของหน้าต่างหลัก
ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง การตั้งค่า
- เลือกส่วนการตั้งค่าความปลอดภัย
- คลิกปุ่มการเรียกดูอย่างปลอดภัย
ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง การตั้งค่าการเรียกดูอย่างปลอดภัย
- การคลิกลิงก์ การตั้งค่าขั้นสูง จะเปิดส่วนการตั้งค่าขั้นสูงของ การเรียกดูอย่างปลอดภัย
- ในส่วน ตัวแนะนำ URL ให้เลือกช่องทำเครื่องหมาย ตรวจสอบ URL
- หากคุณต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky สแกนเนื้อหาของเว็บไซต์ทั้งหมดให้เลือก ในเว็บไซต์ทั้งหมดยกเว้นเว็บไซต์ที่ระบุ
- ถ้าจำเป็น ให้ระบุหน้าเว็บที่คุณเชื่อถือในหน้าต่าง ข้อยกเว้น เปิดหน้าต่างนี้โดยการคลิกลิงก์ จัดการข้อยกเว้น แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่สแกนเนื้อหาของหน้าเว็บที่ระบุ
- หากต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจสอบเนื้อหาของหน้าเว็บที่ระบุเท่านั้น:
- เลือกตัวเลือก ในเว็บไซต์ที่ระบุเท่านั้น
- คลิกที่ลิงก์ กำหนดค่าเว็บไซต์ที่ตรวจสอบ เพื่อเปิดหน้าต่าง เว็บไซต์ที่ตรวจสอบ
- คลิกปุ่มเพิ่ม
- ป้อนที่อยู่หน้าเว็บที่มีเนื้อหาที่คุณต้องการตรวจสอบ
- เลือกสถานะการตรวจสอบสำหรับหน้าเว็บนั้น (หากสถานะนั้น เป็น ทำงาน แอปพลิเคชัน Kaspersky จะตรวจสอบเนื้อหาหน้าเว็บนั้น)
- คลิกปุ่มตกลง
หน้าเว็บที่ระบุจะปรากฏในรายการในหน้าต่าง เว็บไซต์ที่ตรวจสอบ แอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจสอบ URL บนหน้าเว็บนี้
- การกำหนดค่าการตั้งค่าขั้นสูงสำหรับการตรวจสอบ URL ในหน้าต่าง การตั้งค่าขั้นสูงของการเรียกดูอย่างปลอดภัย ในส่วน ตัวแนะนำ URL ให้คลิกที่ลิงก์ กำหนดค่าตัวแนะนำ URL ที่เชื่อถือได้ เพื่อเปิดหน้าต่าง URL ที่ตรวจสอบ
- หากคุณต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky แจ้งเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัยของลิงก์บนหน้าเว็บทั้งหมด ในส่วน URL ที่ตรวจสอบ ให้เลือก URL ทั้งหมด
- หากคุณต้องการให้แอปพลิเคชัน Kaspersky แสดงข้อมูลที่เกี่ยวกับลิงก์อยู่ในหมวดหมู่เฉพาะของเนื้อหาเว็บไซต์หรือไม่ (ตัวอย่างเช่น หยาบคาย ลามก):
- เลือกช่องทำเครื่องหมาย แสดงข้อมูลเกี่ยวกับหมวดหมู่ของเนื้อหาเว็บไซต์
- เลือกช่องทำเครื่องหมายที่อยู่ถัดจากหมวดหมู่ของเนื้อหาเว็บไซต์เกี่ยวกับข้อมูลซึ่งควรแสดงในส่วนของความคิดเห็น
แอปพลิเคชัน Kaspersky จะตรวจสอบลิงก์บนหน้าเว็บที่ระบุและแสดงข้อมูลเกี่ยวกับหมวดหมู่ของลิงก์โดยเป็นไปตามค่าการตั้งค่าที่เลือก
วิธีการเปลี่ยนการตั้งค่าการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส
การเชื่อมต่อที่เข้ารหัสถูกสร้างผ่านโปรโตคอล SSL และ TLS ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชัน Kaspersky สแกนการเชื่อมต่อตามคำขอจากส่วนประกอบการป้องกัน เช่น Mail Anti-Virus, Safe Money, ตัวแนะนำ URL, การเรียกดูส่วนตัว, การเรียกดูอย่างปลอดภัยปลอดภัย และ Anti-Banner
การเปลี่ยนการตั้งค่าการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส:
- เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
- คลิก
ที่ด้านล่างของหน้าต่างหลัก
ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง การตั้งค่า
- ไปที่ส่วน การตั้งค่าความปลอดภัย
- ในบล็อก การตั้งค่าขั้นสูง คลิกที่ปุ่ม การตั้งค่าเครือข่าย
- ในหน้าต่าง การตั้งค่าเครือข่าย ให้ไปที่ การสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส
- เลือกการดำเนินการที่จะทำเมื่อเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ผ่านการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส:
- ห้ามสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส. แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส
- สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสเมื่อคำขอมาจากส่วนประกอบการป้องกัน. แอปพลิเคชัน Kaspersky สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสเมื่อมีคำขอจากตัวแนะนำ URL เท่านั้น การดำเนินการนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น
- สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสเสมอ. แอปพลิเคชัน Kaspersky สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสเสมอ
การคลิกที่ลิงก์ แสดงประกาศนียบัตร จะเปิดหน้าต่างพร้อมรายการใบรับรองที่เชื่อถือได้ซึ่งใช้โดยเว็บไซต์ยอดนิยม ใบรับรองจะถูกเพิ่มในรายการนี้หากคุณคลิก เพิ่มลงในใบรับรองที่เชื่อถือได้และดำเนินการต่อ ในคำเตือน Kaspersky เมื่อเข้าชมเว็บไซต์ หลังจากที่คุณเพิ่มใบรับรองลงในรายการแล้ว เว็บไซต์จะถือว่าเชื่อถือได้ คุณสามารถเพิ่มหรือลบใบรับรองในหน้าต่าง ใบรับรองรูทที่เชื่อถือได้ โดยใช้ปุ่ม เพิ่ม และ ลบ
หากคุณมีบัญชีผู้ใช้หลายบัญชีในคอมพิวเตอร์ของคุณ และผู้ใช้รายหนึ่งยอมรับใบรับรองใหม่ ใบรับรองนี้จะถูกเพิ่มในรายการใบรับรองที่เชื่อถือได้สำหรับผู้ใช้รายอื่นทั้งหมดด้วย
- เลือกการดำเนินการที่จะทำหากเกิดข้อผิดพลาดเมื่อสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส:
- ละเว้น. หากเลือกการดำเนินการนี้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะสิ้นสุดการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ที่การสแกนเกิดข้อผิดพลาด
- ถาม. หากเกิดข้อผิดพลาดเมื่อสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสกับเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงการแจ้งเตือนที่คุณสามารถเลือกการดำเนินการได้:
- ละเว้น. แอปพลิเคชัน Kaspersky จะสิ้นสุดการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ที่การสแกนเกิดข้อผิดพลาด
- อนุญาตและเพิ่มโดเมนลงในข้อยกเว้น. แอปพลิเคชัน Kaspersky จะเพิ่มที่อยู่เว็บไซต์ลงในรายการที่อยู่ที่เชื่อถือได้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสบนเว็บไซต์จากรายการที่อยู่ที่เชื่อถือได้ คุณสามารถดูเว็บไซต์ดังกล่าวได้โดยคลิกที่ลิงก์ กำหนดค่าที่อยู่ที่เชื่อถือได้
ตัวเลือกนี้ถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น
- อนุญาตและเพิ่มโดเมนลงในข้อยกเว้น. แอปพลิเคชัน Kaspersky จะเพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการที่อยู่ที่เชื่อถือได้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสบนเว็บไซต์จากรายการที่อยู่ที่เชื่อถือได้ เว็บไซต์เหล่านี้แสดงหน้าต่าง ที่อยู่ที่เชื่อถือได้ ซึ่งสามารถเปิดได้ด้วยการคลิกที่ลิงก์ กำหนดค่าที่อยู่ที่เชื่อถือได้
- คลิกลิงก์ กำหนดค่าที่อยู่ที่เชื่อถือได้ เพื่อเปิดหน้าต่าง ที่อยู่ที่เชื่อถือได้ และดำเนินการต่อไปนี้:
- คลิกที่ปุ่ม เพิ่ม เพื่อเพิ่มเว็บไซต์ในรายการข้อยกเว้นสำหรับการสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส
- ป้อนชื่อโดเมนของเว็บไซต์ในช่อง ชื่อโดเมน
- คลิกปุ่มเพิ่ม
แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่สแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสกับเว็บไซต์นี้ โปรดทราบว่าการเพิ่มเว็บไซต์ไปยังรายการที่อยู่ที่เชื่อถือได้อาจจำกัดการทำงานของส่วนประกอบการป้องกันต่างๆ ของการสแกนเว็บไซต์ เช่น Safe Money, ตัวแนะนำ URL, การเรียกดูส่วนตัว, การเรียกดูอย่างปลอดภัย และ Anti-Banner
เกี่ยวกับการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยกับเครือข่าย Wi-Fi
ฟังก์ชัน Kaspersky VPN ไม่สามารถใช้งานได้ในบางภูมิภาค
สามารถเลือกใช้งานได้เฉพาะใน Kaspersky Plus และ Kaspersky Premium เท่านั้น
เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะอาจอยู่ภายใต้การป้องกันที่ต่ำ ตัวอย่างเช่น ถ้าเครือข่าย Wi-Fi ใช้โปรโตคอลการเข้ารหัสที่มีความเสี่ยง หรือรหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่าย เมื่อคุณทำการซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย รหัสผ่านและข้อมูลลับของคุณจะถูกส่งเป็นข้อความที่ไม่ถูกเข้ารหัส แฮกเกอร์สามารถดักข้อมูลลับของคุณ เช่น หมายเลขบัตรเครดิตของคุณ และเข้าถึงเรื่องการเงินของคุณ
เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของคุณเมื่อใช้เครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย คุณสามารถเปิดใช้งาน VPN ผ่านเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการจัดสรรพิเศษซึ่งอยู่ในภูมิภาคที่คุณระบุ การรับส่งข้อมูลจากเว็บไซต์จะไปที่เซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการจัดสรรก่อน จากนั้นจึงจะถูกส่งไปยังอุปกรณ์ของคุณผ่านการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยที่เข้ารหัส
หากจะใช้ส่วนประกอบ Kaspersky VPN คุณต้อง ใช้งาน Kaspersky VPN Kaspersky VPN Secure Connection ได้รับการติดตั้งร่วมกับแอปพลิเคชัน Kaspersky ในแผน Kaspersky Plus
ส่วนประกอบ Kaspersky VPN มีข้อได้เปรียบดังนี้
- ความปลอดภัยของการใช้ระบบการชำระเงินและการจองผ่านไซต์ ผู้บุกรุกจะไม่สามารถดักเลขบัตรธนาคารของคุณเมื่อคุณทำการชำระเงินออนไลน์, จองห้องโรงแรม หรือเช่ารถ
- การป้องกันสำหรับข้อมูลที่เป็นความลับของคุณ ไม่มีใครสามารถระบุที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์ของคุณหรือตำแหน่งของคุณได้
- การป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณ จะไม่มีคนดักอ่านการพูดคุยส่วนตัวผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์คของคุณได้
การเชื่อมต่อ VPNที่ปลอดภัยสามารถใช้สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายประเภทอื่นๆ เช่นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตภายใน หรือการเชื่อมต่อผ่านโมเด็ม USB
ตามค่าเริ่มต้น Kaspersky VPN Secure Connection จะไม่ให้คุณยืนยันเพื่อเปิดใช้ VPN ถ้ามีการใช้โปรโตคอล HTTPS เพื่อเชื่อมต่อกับเว็บไซต์
การเปลี่ยนตำแหน่งของคุณเมื่อเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของธนาคาร ระบบชำระเงิน เว็บไซต์สำหรับจอง โซเชียลเน็ตเวิร์ค แชต และเว็บไซต์อีเมลอาจทำให้ไปกระตุ้นระบบป้องกันการทุจริต (ระบบนี้มีจุดประสงค์เพื่อวิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงินระบบออนไลน์สำหรับติดตามเบาะแสการดำเนินการทุจริต)
การใช้การเชื่อมต่อ VPN อาจได้รับการกำกับดูแลโดยกฎหมายท้องถิ่น คุณอาจใช้การเชื่อมต่อ VPN เฉพาะที่สอดคล้องกับจุดประสงค์และไม่ละเมิดกฎหมายท้องถิ่นเท่านั้น
ด้านบนสุดของหน้าการกำหนดค่าการแจ้งเตือนช่องโหว่ในเครือข่าย Wi-Fi
หากไม่ได้ติดตั้ง Kaspersky VPN Secure Connection บนคอมพิวเตอร์ของคุณ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi และการส่งรหัสผ่านของคุณอย่างไม่ปลอดภัยผ่านอินเทอร์เน็ต คุณสามารถอนุญาตหรือบล็อกการเชื่อมต่อและการส่งรหัสผ่านในหน้าต่างการแจ้งเตือนได้
หลังคุณติดตั้ง Kaspersky VPN Secure Connection การตั้งค่าเพื่อแสดงการแจ้งเตือนเมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi และเมื่อส่งรหัสผ่านที่ไม่ได้เข้ารหัสจะไม่ได้ทำงานอยู่ คุณสามารถกำหนดการตั้งค่าการแจ้งเตือนสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi ที่ Kaspersky VPN Secure Connection
ฟังก์ชัน Kaspersky VPN ไม่สามารถใช้งานได้ในบางภูมิภาค
การกำหนดค่าการแจ้งเตือนช่องโหว่ในเครือข่าย Wi-Fi:
- เปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
- คลิก
ที่ด้านล่างของหน้าต่างหลัก
ปุ่มนี้จะเปิดหน้าต่าง การตั้งค่า
- เลือกส่วนการตั้งค่าความปลอดภัย
- เลือกส่วนประกอบ ไฟร์วอลล์
หน้าต่างแสดงการตั้งค่าของส่วนประกอบไฟร์วอลล์
- เลือก การแจ้งเตือนถึงช่องโหว่ในเครือข่าย Wi-Fi ถ้าคุณต้องการรับการแจ้งเตือนเมื่อคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่มีช่องโหว่ ถ้าคุณไม่ต้องการรับการแจ้งเตือน ไม่ต้องเลือกช่องทำเครื่องหมาย สามารถเข้าถึงช่องทำเครื่องหมายนี้ได้ถ้าไม่ติดตั้ง Kaspersky VPN Secure Connection ในคอมพิวเตอร์
- คลิกลิงก์ เลือกหมวดหมู่ และเลือกหมวดหมู่ช่องโหว่ของเครือข่าย Wi-Fi เมื่อคุณพยายามเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่มีช่องโหว่ที่เกี่ยวข้อง แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแจ้งให้คุณทราบ
- ถ้าเลือกช่องทำเครื่องหมาย การแจ้งเตือนถึงช่องโหว่ในเครือข่าย Wi-Fi คุณจะสามารถแก้ไขการตั้งค่าขั้นสูงเพื่อแสดงการแจ้งเตือนได้
- เลือกช่องทำเครื่องหมาย การบล็อกและคำเตือนเกี่ยวกับการส่งรหัสผ่านอย่างไม่ปลอดภัยผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อบล็อกการส่งรหัสผ่านในรูปแบบข้อความที่ไม่ได้เข้ารหัสทั้งหมด เมื่อคุณกรอกช่อง รหัสผ่าน ทางอินเทอร์เน็ต
- การคลิกลิงก์ เปิดใช้งาน จะคืนค่าเริ่มต้นของการตั้งค่าสำหรับแสดงการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการส่งข้อมูลรหัสผ่านในรูปแบบที่ไม่เข้ารหัส ถ้าก่อนหน้านี้คุณบล็อกการแสดงการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการส่งรหัสผ่านแบบไม่เข้ารหัส การแสดงการแจ้งเตือนเหล่านั้นจะกลับมาดำเนินการต่อ
เมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่มีการป้องกัน แอปพลิเคชันจะแสดงการแจ้งเตือน ซึ่งจะถามคุณว่าคุณเชื่อถือเครือข่ายใหม่หรือไม่ คุณสามารถเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งต่อไปนี้:
- ไม่ บล็อกการเข้าถึงคอมพิวเตอร์. การเชื่อมต่อภายนอกทั้งหมดของเครือข่ายนี้ถูกบล็อก ยกเว้นการเชื่อมต่อที่เริ่มต้นจากอุปกรณ์ของคุณ คุณสามารถใช้อินเทอร์เน็ตและเยี่ยมชมเว็บไซต์ทั้งหมดได้ ผู้ใช้รายอื่นในเครือข่ายนี้จะไม่สามารถเชื่อมต่อกับทรัพยากรของคอมพิวเตอร์ของคุณได้ (เช่น พวกเขาจะไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาในดิสก์ของคุณ รวมทั้งโฟลเดอร์ที่ใช้ร่วมกัน)
- จำกัด แต่อนุญาตการเข้าถึงที่ใช้ร่วมกันได้ คุณสามารถใช้อินเทอร์เน็ตและเยี่ยมชมเว็บไซต์ทั้งหมดได้ ผู้ใช้รายอื่นในเครือข่ายนี้จะไม่ได้รับสิทธิ์เข้าถึงทรัพยากรในคอมพิวเตอร์ของคุณ แต่จะมีสิทธิ์เข้าถึงทรัพยากรที่กำหนด (เช่น โฟลเดอร์ที่ใช้ร่วมกัน)
- ใช่ อนุญาตกิจกรรมทางเครือข่ายทั้งหมด การเชื่อมต่อทั้งหมดในเครือข่ายนี้จะได้รับอนุญาต คุณสามารถใช้อินเทอร์เน็ตและเยี่ยมชมเว็บไซต์ทั้งหมดได้ ผู้ใช้รายอื่นในเครือข่ายนี้จะสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณได้โดยไม่มีข้อจำกัด (เช่น พวกเขาจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาในดิสก์ของคุณได้)
หากฟังก์ชัน ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม ปิดอยู่ การแจ้งเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ที่ตรวจพบก่อนหน้านี้ของเครือข่าย Wi-Fi จะยังคงอยู่ในอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของผลิตภัณฑ์ คุณสามารถซ่อนการแจ้งเตือนเหล่านี้ได้ หากต้องการลบการแจ้งเตือน คุณต้องยกเลิกการเชื่อมต่อจากเครือข่าย Wi-Fi ปัจจุบันหรือทำดังต่อไปนี้:
- แก้ไขช่องโหว่ที่ตรวจพบก่อนหน้านี้
- เปิดฟังก์ชั่น ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม
- สแกนเครือข่าย Wi-Fi เพื่อหาช่องโหว่