Kaspersky Standard | Plus | Premium
- English
- Bahasa Indonesia
- Čeština (Česká republika)
- Dansk (Danmark)
- Deutsch
- Eesti
- Español (España)
- Español (México)
- Français
- Italiano
- Latviešu
- Lietuvių
- Magyar (Magyarország)
- Norsk, bokmål (Norge)
- Nederlands (Nederland)
- Polski (Polska)
- Português (Brasil)
- Português (Portugal)
- Română (România)
- Srpski
- Suomi (Suomi)
- Svenska (Sverige)
- Tiếng Việt (Việt Nam)
- Türkçe (Türkiye)
- Ελληνικά (Ελλάδα)
- Български
- Русский
- Српски
- العربية (الإمارات العربية المتحدة)
- 한국어 (대한민국)
- 简体中文
- 繁體中文
- 日本語(日本)
- English
- Bahasa Indonesia
- Čeština (Česká republika)
- Dansk (Danmark)
- Deutsch
- Eesti
- Español (España)
- Español (México)
- Français
- Italiano
- Latviešu
- Lietuvių
- Magyar (Magyarország)
- Norsk, bokmål (Norge)
- Nederlands (Nederland)
- Polski (Polska)
- Português (Brasil)
- Português (Portugal)
- Română (România)
- Srpski
- Suomi (Suomi)
- Svenska (Sverige)
- Tiếng Việt (Việt Nam)
- Türkçe (Türkiye)
- Ελληνικά (Ελλάδα)
- Български
- Русский
- Српски
- العربية (الإمارات العربية المتحدة)
- 한국어 (대한민국)
- 简体中文
- 繁體中文
- 日本語(日本)
- เกี่ยวกับโซลูชั่นของ Kaspersky
- การแสดงข้อมูล
- เงื่อนไขข้อมูลภายใต้ข้อตกลงสิทธิ์การใช้งานสำหรับผู้ใช้
- เงื่อนไขข้อมูลภายใต้ข้อตกลงสิทธิ์การใช้งานสำหรับผู้ใช้ในพื้นที่ของสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร บราซิล เวียดนาม หรือโดยผู้ที่พักอาศัยในแคลิฟอร์เนีย
- การแสดงข้อมูลให้กับ Kaspersky Security Network
- การบันทึกข้อมูลในรายงานการทำงานของแอปพลิเคชัน
- ข้อมูลที่ประมวลผลในเครื่อง
- การบันทึกข้อมูลสำหรับฝ่ายบริการลูกค้า
- เกี่ยวกับการใช้แอปพลิเคชันในสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร บราซิล เวียดนาม หรือโดยผู้ที่พักอาศัยในแคลิฟอร์เนีย
- การบอกรับเป็นสมาชิกทำงานอย่างไร
- วิธีการบอกรับเป็นสมาชิกจากอุปกรณ์ของคุณ
- วิธีติดตั้งหรือนำแอปพลิเคชันออก
- วิธีป้องกันอุปกรณ์เพิ่มเติม
- ฟังก์ชันพื้นฐานของแอปพลิเคชัน
- การประเมินสถานะการป้องกันคอมพิวเตอร์และการแก้ปัญหาด้านความปลอดภัย
- วิธีแก้ไขปัญหาความปลอดภัยบนพีซีของคุณ
- ข่าวสารด้านความปลอดภัย
- บันทึกกิจกรรมแอปพลิเคชันและรายงานโดยละเอียด
- วิธีกำหนดค่าอินเตอร์เฟสแอปพลิเคชัน
- วิธีคืนค่าการตั้งค่าเริ่มต้นของแอปพลิเคชัน
- วิธีการใช้การตั้งค่าแอปพลิเคชันในคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
- วิธีการหยุดการป้องกันคอมพิวเตอร์ชั่วคราวและการดำเนินการต่อ
- การประเมินแอปพลิเคชัน Kaspersky
- ค้นหาฟังก์ชันของแอปพลิเคชัน
- ร้านค้า
- ความปลอดภัย
- การสแกนคอมพิวเตอร์
- วิธีการเริ่มต้นสแกนแบบเร็ว
- วิธีการเริ่มต้นสแกนทั้งระบบ
- วิธีการเริ่มต้นการสแกนแบบกำหนดเอง
- วิธีการเริ่มต้นสแกนไดรฟ์แบบถอดได้
- วิธีการใช้การสแกนไฟล์เมนูบริบทหรือโฟลเดอร์
- วิธีเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานการสแกนเบื้องหลัง
- วิธีสร้างกำหนดการสแกน
- วิธีค้นหาช่องโหว่ของแอปพลิเคชันที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของคุณ
- วิธีแยกชนิดไฟล์ โฟลเดอร์ หรือการคุกคามออกจากการสแกน
- การสแกนไฟล์ในพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ OneDrive
- กำลังอัปเดตฐานข้อมูลระบบป้องกันไวรัสและโมดูลแอปพลิเคชัน
- การป้องกันการบุกรุก
- สแกนการตั้งค่าที่ไม่รัดกุม
- ตรวจสอบเครือข่าย
- Pre-Kaspersky Virus Removal
- วิธีคืนค่าไฟล์ที่ถูกลบหรือฆ่าเชื้อแล้ว
- ป้องกันอีเมล
- การเข้าร่วม Kaspersky Security Network
- การป้องกันโดยใช้ Antimalware Scan Interface (AMSI)
- การจัดการระยะไกลของการป้องกันคอมพิวเตอร์
- การสแกนคอมพิวเตอร์
- ประสิทธิภาพ
- การเริ่มต้นระบบ
- ตัวเร่งความเร็วพีซี
- ตัวอัปเดตแอป
- สำเนาซ้ำ
- ไฟล์ขนาดใหญ่
- แอปที่ไม่ได้ใช้
- ตรวจสอบสภาพฮาร์ดไดรฟ์
- การสำรองและคืนค่าข้อมูล
- เกี่ยวกับการสำรองและคืนค่าข้อมูล
- วิธีการสร้างงานการสำรองข้อมูล
- วิธีการเริ่มงานการสำรองข้อมูล
- การคืนค่าข้อมูลจากสำเนาสำรอง
- กำลังคืนค่าข้อมูลจากการจัดเก็บข้อมูลแบบ FTP
- การคืนค่าข้อมูลจากสำเนาการสำรองข้อมูลโดยใช้ Kaspersky Restore Utility
- เกี่ยวกับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์
- วิธีเปิดใช้งานพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์
- กิจกรรมปัจจุบัน
- โหมดห้ามรบกวน
- โหมดเล่นเกม
- การประหยัดแบตเตอรี่
- เพิ่มประสิทธิภาพการโหลดบนระบบปฏิบัติการ
- ความเป็นส่วนตัว
- Kaspersky VPN
- ตัวตรวจสอบบัญชี
- การเรียกดูส่วนตัว
- Password Manager
- Safe Money
- การควบคุมเว็บแคมและไมโครโฟน
- การตรวจจับ Stalkerware และแอปพลิเคชันอื่น
- ป้องกันแบนเนอร์
- ตัวบล็อกการติดตั้งแอปที่ไม่ต้องการ
- วิธีการเปลี่ยนการตั้งค่าตัวจัดการแอปพลิเคชัน
- ตัวลบ Adware
- ที่เก็บนิรภัย
- File Shredder
- ตัวทำความสะอาดข้อมูลส่วนตัว
- การป้องกันโดยใช้การเวอร์ชวลไลซ์ฮาร์ดแวร์
- การป้องกันข้อมูลส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต
- เกี่ยวกับการป้องกันข้อมูลส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต
- เกี่ยวกับแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
- วิธีการเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
- วิธีการกำหนดค่าการแสดงผลของไอคอนแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
- เกี่ยวกับการป้องกันข้อมูลที่ป้อนทางแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์
- วิธีการป้องกันข้อมูลที่ป้อนทางแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์
- การตรวจสอบเว็บไซต์เพื่อความปลอดภัย
- วิธีการเปลี่ยนการตั้งค่าการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส
- เกี่ยวกับการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยกับเครือข่าย Wi-Fi
- การกำหนดค่าการแจ้งเตือนช่องโหว่ในเครือข่าย Wi-Fi
- ตัวตน
- Wi-Fi บ้าน
- ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม
- เกี่ยวกับส่วนประกอบตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม
- วิธีเปิดหรือปิดใช้งานตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม
- วิธีดูอุปกรณ์บนเครือข่ายของฉัน
- วิธีปฏิเสธการเข้าถึงเครือข่ายสำหรับอุปกรณ์
- วิธีลบเครือข่ายที่ไม่มีการเชื่อมต่อออกจากรายการ
- วิธีปิดใช้การแจ้งเตือนเมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อกับเครือข่ายของฉัน
- วิธีส่งความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม
- Wi-Fi Analyzer
- ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม
- วิธีการถอนการติดตั้งแอปพลิเคชั่นที่ไม่เข้ากัน
- การใช้แอปพลิเคชันจากพร้อมท์คำสั่ง
- การติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
- ข้อจำกัดและคำเตือน
- แหล่งข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับแอปพลิเคชัน
- การตั้งค่าเครือข่ายสำหรับการโต้ตอบกับบริการภายนอก
- ข้อมูลเกี่ยวกับรหัสของผู้พัฒนาภายนอก
- ประกาศเครื่องหมายการค้า
การตั้งค่าตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย
ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย (หรือที่เรียกว่าระบบการตรวจจับการบุกรุก) ติดตามข้อมูลที่รับเข้าของปริมาณการใช้เครือข่ายสำหรับกิจกรรมที่เป็นการโจมตีเครือข่าย เมื่อแอปพลิเคชัน Kaspersky ตรวจพบความพยายามในการโจมตีเครือข่ายบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ระบบจะบล็อกการเชื่อมต่อเครือข่ายกับคอมพิวเตอร์ที่ถูกโจมตี คำอธิบายประเภทการโจมตีเครือข่ายที่เป็นที่รู้จักในปัจจุบัน และวิธีการลบล้างภัยคุกคามให้เป็นกลางนั้นถูกระบุไว้ในฐานข้อมูลระบบป้องกันไวรัสของแอปพลิเคชัน Kaspersky รายการการโจมตีเครือข่ายที่ตรวจจับได้โดยตัวบล็อกการโจมตีเครือข่ายนั้นจะได้รับการอัปเดตเมื่อฐานข้อมูลแอปพลิเคชันและโมดูลต่างๆ ถูกอัปเดต
การตั้งค่าตัวบล็อกการโจมตีเครือข่าย
การตั้งค่า |
คำอธิบาย |
---|---|
นับการสแกนพอร์ตและการท่วมของเครือข่ายเป็นการโจมตี |
Network Flooding คือการโจมตีทรัพยากรเครือข่ายขององค์กร (ตัวอย่างเช่น เซิร์ฟเวอร์เว็บไซต์) การโจทตีนี้ทำโดยการส่งการใช้งานจำนวนมากไปรบกวนความสามารถในการใช้งานของเครือข่าย ส่งผลให้ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงทรัพยากรเครือข่ายขององค์กรได้ การโจมตีแบบ Port scanning ทำโดย การสแกนพอร์ต UDP และ TCP รวมทั้งบริการเครือข่ายในคอมพิวเตอร์ การโจมตีนี้ช่วยให้สามารถกำหนดระดับช่องโหว่ของคอมพิวเตอร์ก่อนได้รับการโจมตีเครือข่ายที่อันตรายกว่านี้ Port scanning ยังทำให้แฮกเกอร์จัดการกับระบบปฏบัติการคอมพิวเตอร์และเลือกระบุโจมตีระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ได้ หากปุ่มสลับเปิดอยู่ ส่วนเสริมของตัวบล็อกการโจมตีเครือข่ายจะระงับ Port scanning และ Network flooding ให้ |
บล็อกคอมพิวเตอร์ที่โจมตีเป็นเวลา N นาที |
หากฟังก์ชันเปิดใช้งานอยู่ ส่วนเสริมของตัวบล็อกการโจมตีเครือข่ายจะเพิ่มคอมพิวเตอร์ที่โจมตีไว้ในรายการที่ถูกบล็อก นี่หมายความว่า ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่ายจะบล็อกการเชื่อมต่อเครือข่ายกับคอมพิวเตอร์ที่โจมตี หลังจากเกิดความพยายามในการโจมตีเครือข่ายครั้งแรกในระหว่างช่วงเวลาที่ระบุไว้โดยเฉพาะ เพื่อเป็นการป้องกันคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติจากการโจมตีเครือข่ายที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคตจากที่อยู่เดิม คุณสามารถเพิ่มคอมพิวเตอร์ที่โจมตีลงในรายการบล็อกเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งนาที เวลาสูงสุดคือ 999 นาที |
จัดการข้อยกเว้น |
รายการนี้ประกอบไปด้วยที่อยู่ IP ที่ตัวบล็อกการโจมตีเครือข่ายไม่ได้ทำการบล็อกการโจมตีเครือข่าย คุณสามารถเพิ่มที่อยู่ IP ด้วยพอร์ตและโปรโตคอล แอปพลิเคชันจะไม่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการโจมตีเครือข่ายจากที่อยู่ IP ในรายการข้อยกเว้น |