Kaspersky Standard | Plus | Premium

สารบัญ

File Anti-Virus

File Anti-Virus ป้องกันการติดไวรัสของระบบไฟล์ของคอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบจะเริ่มทำงานในระหว่างที่เริ่มต้นระบบปฏิบัติการ โดยจะยังคงอยู่ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ และสแกนหาไวรัสและมัลแวร์อื่น ๆ ในไฟล์ทั้งหมดที่เปิด บันทึก หรือเรียกใช้บนคอมพิวเตอร์ของคุณ รวมถึงในดิสก์ที่เชื่อมต่อทั้งหมด หากคุณปิดใช้งาน File Anti-Virus มันจะไม่เริ่มทำงานเมื่อระบบปฏิบัติการเริ่มต้น คุณจะต้องเปิดใช้งาน File Anti-Virus อีกครั้งด้วยตนเอง

เปิด/ปิดใช้งาน File Anti-Virus

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ การป้องกัน ในส่วน File Anti-Virus เลือก/เว้นช่องทำเครื่องหมาย เปิดใช้งาน File Anti-Virus

    คุณสามารถเปิดใช้งาน File Anti-Virus ได้ในสถานะการป้องกัน การปิดใช้งานการป้องกันคอมพิวเตอร์หรือปิดใช้งานส่วนประกอบการป้องกัน จะทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณมีความเสี่ยงสูงที่จะติดไวรัส นี่คือสาเหตุที่สถานะการป้องกันจะแจ้งคุณเมื่อคุณปิดใช้งานการป้องกัน

คุณสามารถสร้างขอบเขตการป้องกันของ File Anti-Virus ได้

เพิ่ม/ลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ไปที่/จากขอบเขตการป้องกัน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บการป้องกันในส่วนของ File Anti-Virus คลิกการตั้งค่า

    หน้าต่างที่มีรายการอ็อบเจ็กต์ที่ File Anti-Virus สแกนจะเปิดขึ้น ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะสแกนวัตถุทั้งหมดที่อยู่ในดิสก์ภายใน, ดิสก์ภายนอกและดิสก์เครือข่ายที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณ

    หมายเหตุ: คุณสามารถข้ามการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียวได้ เพื่อลดเวลาที่ใช้ในการสแกนได้อย่างมีนัยสำคัญ ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะไม่สแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว

  3. ในส่วนขอบเขตการป้องกัน ให้เพิ่ม/ลบอ็อบเจ็กต์ไปยัง/ออกจากขอบเขตการป้องกัน:
    • หากต้องการเพิ่มไฟล์หรือโฟลเดอร์เข้าไปในขอบเขตการป้องกัน:
      1. คลิก

        เมนูป๊อปอัปที่คุณสามารถเลือกวัตถุที่จะเพิ่มเข้าไปในขอบเขตการป้องกันจะเปิดขึ้น

      2. ในเมนูป๊อปอัปเลือกรายการ ไฟล์และโฟลเดอร์

        กล่องโต้ตอบที่คุณสามารถเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์จะเปิดขึ้น

      3. เลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่คุณต้องการเพิ่มเข้าไปในขอบเขตการป้องกัน
      4. คลิก เปิด
    • หากต้องการลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ออกจากขอบเขตการป้องกัน:
      1. เลือกวัตถุในรายการวัตถุในขอบเขตการป้องกัน
      2. ลากวัตถุที่เลือกจากหน้าต่างหรือคลิก
  4. หากคุณต้องการที่จะสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว ให้ไปที่ส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพ แล้วยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายข้ามการสแกนข้อมูลไดรฟ์ระบบสำหรับอ่านเท่านั้น

    สำคัญ: อาจไม่มีการเปิดใช้งานการเพิ่มประสิทธิภาพเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

  5. คลิก บันทึก

เพิ่ม/ลบวัตถุในรายการวัตถุเริ่มต้นไปยัง/ออกจากขอบเขตการป้องกัน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บการป้องกันในส่วนของ File Anti-Virus คลิกการตั้งค่า

    หน้าต่างที่มีรายการอ็อบเจ็กต์ที่ File Anti-Virus สแกนจะเปิดขึ้น ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะสแกนวัตถุทั้งหมดที่อยู่ในดิสก์ภายใน, ดิสก์ภายนอกและดิสก์เครือข่ายที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณ

    หมายเหตุ: คุณสามารถข้ามการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียวได้ เพื่อลดเวลาที่ใช้ในการสแกนได้อย่างมีนัยสำคัญ ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะไม่สแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว

  3. ในส่วนขอบเขตการป้องกัน ให้เพิ่ม/ลบอ็อบเจ็กต์ที่อยู่ในรายการอ็อบเจ็กต์เริ่มต้นไปยัง/ออกจากขอบเขตการป้องกัน:
    • หากต้องการเพิ่มวัตถุในรายการวัตถุเริ่มต้นไปยังขอบเขตการป้องกัน:
      1. คลิก

        เมนูป๊อปอัปที่คุณสามารถเลือกวัตถุที่จะเพิ่มเข้าไปในขอบเขตการป้องกันจะเปิดขึ้น

      2. ในเมนูป๊อปอัป เลือกวัตถุที่คุณต้องการเพิ่มลงในขอบเขตการป้องกัน (ตัวอย่างเช่น ดิสก์ภายในทั้งหมด)
    • หากต้องการลบวัตถุในรายการวัตถุเริ่มต้นออกจากขอบเขตการป้องกัน:
      1. เลือกวัตถุในรายการวัตถุในขอบเขตการป้องกัน
      2. ลากวัตถุที่เลือกจากหน้าต่างหรือคลิก
  4. หากคุณต้องการที่จะสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว ให้ไปที่ส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพ แล้วยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายข้ามการสแกนข้อมูลไดรฟ์ระบบสำหรับอ่านเท่านั้น

    สำคัญ: อาจไม่มีการเปิดใช้งานการเพิ่มประสิทธิภาพเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

  5. คลิก บันทึก

ปิดการป้องกันวัตถุในขอบเขตการป้องกัน

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บการป้องกันในส่วนของ File Anti-Virus คลิกการตั้งค่า

    หน้าต่างที่มีรายการอ็อบเจ็กต์ที่ File Anti-Virus สแกนจะเปิดขึ้น ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะสแกนวัตถุทั้งหมดที่อยู่ในดิสก์ภายใน, ดิสก์ภายนอกและดิสก์เครือข่ายที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณ

    หมายเหตุ: คุณสามารถข้ามการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียวได้ เพื่อลดเวลาที่ใช้ในการสแกนได้อย่างมีนัยสำคัญ ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะไม่สแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว

  3. เว้นช่องทำเครื่องหมายถัดจากวัตถุในรายการวัตถุในขอบเขตการป้องกัน
  4. คลิก บันทึก

เปิดใช้งานการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บการป้องกันในส่วนของ File Anti-Virus คลิกการตั้งค่า

    หน้าต่างที่มีรายการอ็อบเจ็กต์ที่ File Anti-Virus สแกนจะเปิดขึ้น ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะสแกนวัตถุทั้งหมดที่อยู่ในดิสก์ภายใน, ดิสก์ภายนอกและดิสก์เครือข่ายที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณ

    หมายเหตุ: คุณสามารถข้ามการสแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียวได้ เพื่อลดเวลาที่ใช้ในการสแกนได้อย่างมีนัยสำคัญ ตามค่าเริ่มต้น File Anti-Virus จะไม่สแกนไดรฟ์ข้อมูลระบบแบบอ่านอย่างเดียว

  3. ในส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพ ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายข้ามการสแกนข้อมูลไดรฟ์ระบบสำหรับอ่านเท่านั้น

    สำคัญ: อาจไม่มีการเปิดใช้งานการเพิ่มประสิทธิภาพเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

  4. คลิก บันทึก

เมื่อคุณหรือแอปพลิเคชันพยายามเข้าถึงไฟล์ที่อยู่ในขอบเขตการป้องกัน File Anti-Virus จะตรวจสอบฐานข้อมูล iSwift สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์ และใช้ข้อมูลนี้เพื่อตัดสินใจว่าจะสแกนไฟล์หรือไม่

การจำแนกวัตถุที่เป็นอันตรายนั้นเป็นไปได้ด้วย การวิเคราะห์ลายเซ็น ซึ่งเป็นวิธีการค้นหาภัยคุกคามตามคำอธิบายภัยคุกคามซึ่งอยู่ในฐานข้อมูลป้องกันไวรัส นอกจากการวิเคราะห์ลายเซ็นแล้ว File Anti-Virus ยังใช้การการวิเคราะห์เรียนรู้และเทคโนโลยีการสแกนอื่นๆ ด้วย

หลังจากตรวจจับวัตถุ แอปพลิเคชันจะแสดงการแจ้งเตือนเกี่ยวกับวัตถุนั้นและดำเนินการกับวัตถุตามการตั้งค่า File Anti-Virus ของคุณ

เลือกการดำเนินการของ File Anti-Virus หลังจากตรวจพบไฟล์ที่ติดไวรัส

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ การป้องกัน ในส่วน File Anti-Virus เลือกการดำเนินการของ File Anti-Virus หลังจากตรวจพบไฟล์ที่ติดไวรัส

ก่อนที่จะพยายามล้างการติดเชื้อหรือลบไฟล์ที่ติดไวรัสแอปพลิเคชัน Kaspersky จะบันทึกสำเนาสำรองข้อมูลสำหรับการกู้คืนหรือการกำจัดไวรัสในภายหลัง ไฟล์สำเนาจะปรากฎใน การกักกัน คุณสามารถลองล้างการติดเชื้อในไฟล์นี้ได้ภายหลังโดยใช้ฐานข้อมูลป้องกันไวรัสที่อัปเดตแล้ว

ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการของ File Anti-Virus และวัตถุที่ตรวจพบทั้งหมดจะบันทึกไว้ในรายงาน

หมายเหตุ: หาก File Anti-Virus หยุดทำงานจากข้อผิดพลาด คุณสามารถดูรายงานและลองเริ่มส่วนประกอบอีกครั้ง หากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข คุณสามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Kaspersky

แสดงรายงาน File Anti-Virus

  1. ในแถบเมนูเลือก การป้องกัน > รายงาน

    หน้าต่าง รายงาน จะปิดขึ้น

  2. เปิดแท็บ File Anti-Virus
ด้านบนของหน้า
[Topic 96931]