Kaspersky Standard | Plus | Premium

ความเป็นส่วนตัว

ทุกวันนี้มีการละเมิดข้อมูลจำนวนมหาศาล นักการตลาดติดตามทุกย่างก้าวของคุณทางออนไลน์ — สิ่งกวนใจทางดิจิทัลนั้นมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณกลายเป็นสิ่งสำคัญ เรียนรู้วิธีที่แอปพลิเคชัน Kaspersky ปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณทางออนไลน์ เพื่อให้คุณสามารถจัดการและควบคุมร่องรอยดิจิทัลของคุณได้

ในส่วนนี้

Safe Money

การป้องกันความเป็นส่วนตัว

การตรวจจับ Stalkerware

ตรวจสอบบัญชี

ตัวควบคุมเว็บ

การเชื่อมต่อที่ปลอดภัยกับเครือข่าย Wi-Fi

การป้องกันรหัสผ่านและข้อมูลละเอียดอ่อนของคุณ

ด้านบนของหน้า
[Topic 226949]

Safe Money

Safe Money ตรวจสอบความถูกต้องของระบบชำระเงินออนไลน์ที่รู้จักและเว็บไซต์ธนาคาร รายการระบบชำระเงินออนไลน์ที่รู้จักและเว็บไซต์ธนาคารที่ผ่านการอัปเดตเป็นส่วนหนึ่งของฐานข้อมูลแอปพลิเคชัน

เมื่อคุณเปิดเว็บไซต์ธนาคารซึ่งมีใบรับรองหรือที่อยู่เว็บที่ไม่น่าไว้ใจ Kaspersky จะแสดงข้อความในหน้าเบราเซอร์ของคุณว่าการเข้าสู่เว็บไซต์นั้นไม่ปลอดภัย เมื่อคุณติดตั้งส่วนขยายของ Kaspersky Security แล้ว แอปพลิเคชัน Kaspersky จะแสดงข้อความแจ้งเตือนว่าเว็บไซต์เชื่อถือได้หรือไม่

เปิด/ปิดใช้งาน Safe Money

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บการป้องกันในส่วน Safe Money เลือก/ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายเปิดใช้งาน Safe Money

หากคุณเชื่อว่ามีบางเว็บไซต์ที่ไม่ได้รวมอยู่ในระบบป้องกัน Safe Money หรือต้องการระบบป้องกัน Safe Money บนเว็บไซต์ที่ไม่รวมอยู่ในกลุ่ม "ระบบชำระเงินและเว็บไซต์ธนาคาร" คุณสามารถเพิ่มลงไปในระบบป้องกันได้ด้วยตนเอง

เพิ่ม/ลบเว็บไซต์ของธนาคาร ระบบการชำระเงิน หรือร้านค้าออนไลน์ในระบบป้องกัน Safe Money ด้วยตนเอง

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ การป้องกัน ในส่วน Safe Money คลิก เว็บไซต์ของฉัน

    เมื่อเปิดแล้ว หน้าต่างจะแสดงรายการเว็บไซต์ที่คุณเพิ่มลงไปในระบบป้องกัน Safe Money ด้วยตนเอง

  3. ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อไปนี้:
    • เพิ่มเว็บไซต์ลงในระบบป้องกัน Safe Money ด้วยการ คลิก และป้อนที่อยู่เว็บไซต์

      หมายเหตุ: คุณสามารถเพิ่มเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อกับระบบ HTTPS ได้ แอปพลิเคชัน Kaspersky จะสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส (HTTPS) ก็ต่อเมื่อได้ทำการเลือกช่องทำเครื่องหมายตรวจสอบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (HTTPS) สำหรับ <ชื่อส่วนประกอบ> ในส่วนทั่วไปบนแท็บการป้องกันเท่านั้น

    • ลบเว็บไซต์ออกจากระบบป้องกัน Safe Money ด้วยการเลือกที่อยู่เว็บไซต์ในรายการแล้วคลิก
  4. คลิก บันทึก

สำคัญ: ข้อความแจ้งเตือนของ Safe Money จะแสดงผลในเบราเซอร์ที่ติดตั้งส่วนขยายของ Kaspersky Protection แล้วเท่านั้น

หากแอปพลิเคชัน Kaspersky ไม่สามารถตรวจสอบใบรับรองของเว็บไซต์ได้

หากคุณได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับปัญหาการตรวจสอบยืนยันใบรับรองบนเว็บไซต์ หมายความว่าเว็บไซต์ที่คุณต้องการเปิดไม่ผ่านการตรวจสอบ เราไม่แนะนำให้เข้าสู่เว็บไซต์ดังกล่าว สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับปัญหานี้และสาเหตุของปัญหาการตรวจสอบยืนยันใบรับรองที่อาจเป็นไปได้ โปรดดูที่ เว็บไซต์ฝ่ายบริการลูกค้า (ฐานความรู้)

ด้านบนของหน้า
[Topic 85291]

การป้องกันความเป็นส่วนตัว

เปิดหน้าต่างการป้องกันความเป็นส่วนตัว

ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การปกป้องความเป็นส่วนตัว

ตรวจสอบบัญชี

หากคุณไม่มั่นใจว่าบัญชีของคุณในบางเว็บไซต์ปลอดภัยหรือไม่ คุณสามารถตรวจสอบได้โดยใช้แอปพลิเคชัน Kaspersky แอปพลิเคชันสามารถตรวจสอบได้ว่าบัญชีของคุณถูกบุกรุกและข้อมูลของคุณอยู่ในอันตรายจากการเปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่

ตรวจสอบว่าบัญชีของคุณถูกบุกรุกหรือไม่

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตรวจสอบบัญชี

    หน้าต่าง ตรวจสอบบัญชี จะเปิดขึ้น

  2. ป้อนที่อยู่อีเมลของคุณในช่อง ป้อนที่อยู่อีเมล
  3. คลิก ตรวจสอบ

ะบบป้องกันเว็บแคม

แอปพลิเคชัน Kaspersky จะป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณขณะที่เครื่อง Mac ของคุณกำลังทำงานอยู่ คุณสามารถบล็อกเว็บแคมของคุณเพื่อป้องกันไม่ให้แอปพลิเคชันใช้งานได้ เมื่อคุณเปิดใช้งานคุณสมบัตินี้ แอปพลิเคชันจะบล็อกการเข้าถึงไลบรารีของระบบที่เว็บแคมใช้ คุณสามารถดูตัวอย่างของแอปพลิเคชันที่ไม่สามารถเข้าถึงเว็บแคมของคุณเมื่อถูกแอปพลิเคชัน Kaspersky บล็อก รวมถึงรายการของเว็บแคมที่รองรับได้ในเว็บไซต์ของฝ่ายบริการลูกค้า (ฐานความรู้)

หมายเหตุ: การเข้าถึงสำหรับแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ติดตั้งในคอมพิวเตอร์ของคุณจะถูกบล็อก คุณไม่สามารถบล็อกการเข้าถึงเว็บแคมของคุณสำหรับแอปพลิเคชันที่เฉพาะเจาะจงได้

บล็อกเว็บแคม

  1. เปิดหน้า หน้าหลัก ของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. เปิดใช้งาน บล็อกเว็บแคม

แอปพลิเคชัน Kaspersky บล็อกเว็บแคมของคุณ

หมายเหตุ: คุณสามารถบล็อกเว็บแคมของคุณโดยการเปิดใช้งานระบบป้องกันเว็บแคมในหน้าต่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวเป็นส่วนตัวหรือเลือกบล็อกเว็บแคมในส่วนของเว็บแคมบนแท็บความเป็นส่วนตัวของหน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันได้เช่นกัน

หยุดการบล็อกเว็บแคม

  1. เปิดหน้า หน้าหลัก ของหน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก
  2. ปิดการใช้งาน บล็อกเว็บแคม

แอปพลิเคชัน Kaspersky หยุดบล็อกเว็บแคมของคุณ

หมายเหตุ: คุณสามารถปลดบล็อกเว็บแคมของคุณโดยการปิดใช้งานระบบป้องกันเว็บแคมในหน้าต่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวหรือเลือกอนุญาตเว็บแคมในส่วนของเว็บแคมบนแท็บความเป็นส่วนตัวของหน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันได้เช่นกัน

หมายเหตุ: หากแอปพลิเคชันที่คุณต้องการบล็อกกำลังทำงานอยู่ขณะที่คุณบล็อกเว็บแคม คุณจะต้องรีสตาร์ทแอปพลิเคชันนี้

การเรียกดูส่วนตัว

เพื่อเสริมการป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณ แอปพลิเคชัน Kaspersky มีคุณสมบัติการเรียกดูส่วนตัวซึ่งจะบล็อกไม่ให้เว็บไซต์ติดตามคุณ คุณยังสามารถเลือกหมวดหมู่ของเว็บไซต์ที่คุณต้องการบล็อกการติดตามได้อีกด้วย

หมายเหตุ: แอปพลิเคชันจะสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส (HTTPS) ก็ต่อเมื่อได้ทำการเลือกช่องทำเครื่องหมายตรวจสอบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (HTTPS) สำหรับ <ชื่อส่วนประกอบ> ในส่วนทั่วไปบนแท็บการป้องกันเท่านั้น

บล็อกการติดตามเว็บไซต์

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การปกป้องความเป็นส่วนตัว

    หน้าต่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวจะเปิดขึ้น

  2. เปิดใช้งาน การเรียกดูส่วนตัว

แอปพลิเคชัน Kaspersky เริ่มบล็อกเว็บไซต์ไม่ให้ติดตามกิจกรรมการท่องเว็บของคุณ

หมายเหตุ: คุณสามารถบล็อกการติดตามของเว็บไซต์โดยเลือกช่องทำเครื่องหมายบล็อกการติดตามเว็บไซต์ในส่วนของการเรียกดูส่วนตัวบนแท็บความเป็นส่วนตัวของหน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันได้เช่นกัน

หยุดการบล็อกกการติดตามเว็บไซต์

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การปกป้องความเป็นส่วนตัว

    หน้าต่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวจะเปิดขึ้น

  2. ปิดใช้งาน การเรียกดูส่วนตัว

แอปพลิเคชัน Kaspersky หยุดบล็อกเว็บไซต์ไม่ให้ติดตามกิจกรรมการเรียกดูของคุณ

เลือกหมวดหมู่ของเว็บไซต์ที่คุณต้องการบล็อกการติดตาม

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บความเป็นส่วนตัว บริเวณส่วนของการเรียกดูส่วนตัว ในรายการด้านล่างช่องทำเครื่องหมายบล็อกการติดตามเว็บไซต์ ให้เลือกช่องทำเครื่องหมายถัดจากหมวดหมู่ของเว็บไซต์ที่คุณต้องการบล็อกการติดตามกิจกรรม

เมื่อการติดตามเว็บไซต์ถูกบล็อก แอปพลิเคชัน Kaspersky จะบล็อกการติดตามกิจกรรมในเว็บไซต์ที่อยู่ในหมวดหมู่ที่เลือกไว้ และสังเกตการณ์การติดตามกิจกรรมในเว็บไซต์ที่อยู่ในหมวดหมู่ที่ไม่ได้เลือกไว้ เมื่ออนุญาตการติดตามเว็บไซต์ แอปพลิเคชันจะสังเกตการณ์เว็บไซต์ที่อยู่ในหมวดหมู่ที่เลือกไว้และที่ไม่ได้เลือกไว้เท่านั้น

คุณสามารถเพิ่มเว็บไซต์เข้ารายการข้อยกเว้นได้ เมื่อการติดตามเว็บไซต์ถูกบล็อก แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่บล็อกการติดตามกิจกรรมในเว็บไซต์ที่อยู่ในรายการข้อยกเว้น

เพิ่ม/ลบเว็บไซต์เข้า/ออกจากรายการข้อยกเว้น

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บความเป็นส่วนตัว ในส่วนการเรียกดูส่วนตัว ให้คลิกการยกเว้น

    หน้าต่างที่มีรายการข้อยกเว้นจะเปิดขึ้น

  3. แก้ไขรายการข้อยกเว้น:
    • หากต้องการเพิ่มเว็บไซต์เข้ารายการข้อยกเว้น:
      1. คลิก
      2. ป้อนที่อยู่เว็บของเว็บไซต์ที่คุณต้องการเพิ่มเข้าไปในรายการข้อยกเว้น
    • หากต้องการลบเว็บไซต์ออกจากรายการข้อยกเว้น:
      1. เลือกที่อยู่เว็บที่คุณต้องการลบออก
      2. คลิก
  4. คลิก บันทึก

ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่บล็อกการติดตามกิจกรรมในเว็บไซต์ของ Kaspersky และคู่ค้า คุณสามารถเปิดใช้งานการบล็อกการติดตามกิจกรรมในเว็บไซต์ของ Kaspersky และคู่ค้าด้วยตนเองได้

เปิดใช้งานการบล็อกเว็บไซต์ของ Kaspersky และคู่ค้า

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บความเป็นส่วนตัว ในส่วนการเรียกดูส่วนตัว ให้คลิกอื่นๆ

    หน้าต่างที่มีรายการเว็บไซต์ของ Kaspersky และคู่ค้าจะเปิดขึ้น

  3. ที่ด้านบนของหน้าต่าง ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายอย่าบล็อกการติดตามบนเว็บไซต์ของ Kaspersky และคู่ค้า

บางเว็บไซต์ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าไม่สามารถใช้งานร่วมกับคุณลักษณะของการเรียกดูส่วนตัวได้ ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชัน Kaspersky จะไม่บล็อกการติดตามกิจกรรมในเว็บไซต์เหล่านั้น คุณสามารถเปิดใช้งานการบล็อกการติดตามกิจกรรมในเว็บไซต์ที่เป็นที่ทราบกันดีว่าไม่สามารถใช้งานร่วมกับคุณลักษณะของการเรียกดูส่วนตัวได้ด้วยตนเอง

เปิดใช้งานการบล็อกการติดตามในเว็บไซต์ที่เป็นที่ทราบดีว่าไม่สามารถใช้งานร่วมกับการเรียกดูส่วนตัวได้

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บความเป็นส่วนตัว ในส่วนการเรียกดูส่วนตัว ให้คลิกอื่นๆ

    หน้าต่างที่มีรายการเว็บไซต์ที่เป็นที่ทราบดีว่าไม่สามารถใช้งานร่วมกับคุณลักษณะของการเรียกดูส่วนตัวได้จะเปิดขึ้น

  3. ที่บริเวณตรงกลางของหน้าต่าง ให้ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายอย่าบล็อกการติดตามบนเว็บไซต์ที่เป็นที่ทราบว่าไม่สามารถเข้ากันได้กับคุณสมบัตินี้

การตรวจจับ Stalkerware

เพื่อให้การป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณวางใจได้มากขึ้น คุณสามารถเพิ่มรายการของวัตถุที่ตรวจจับได้ โดยเปิดใช้งานให้แอปพลิเคชันตรวจหา Stalkerware และซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายอื่น ๆ ที่ผู้บุกรุกสามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์ของคุณหรือข้อมูลส่วนตัว หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stalkerware ประเภทต่าง ๆ โปรดดูที่ การตรวจจับ Stalkerware

เลือกหมวดหมู่ของวัตถุที่จะตรวจจับ

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. ในแท็บ ภัยคุกคาม ในส่วน หมวดหมู่วัตถุที่ตรวจจับ ให้เลือกช่องทำเครื่องหมายถัดจากหมวดหมู่ของวัตถุที่จะตรวจจับ

    หมายเหตุ: แอปพลิเคชัน Kaspersky จะป้องกันคุณจากไวรัส เวิร์ม โทรจัน เครื่องมือที่เป็นอันตราย แอดแวร์และตัวต่อสายอัตโนมัติเสมอ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายสำหรับหมวดหมู่นี้

ด้านบนของหน้า
[Topic 112161]

การตรวจจับ Stalkerware

อาชญากรสามารถใช้แอปพลิเคชันถูกกฎหมายบางตัวเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณและสอดแนมคุณ แอปพลิเคชันเหล่านี้ส่วนใหญ่มักมีประโยชน์ และหลายคนได้รับประโยชน์จากการใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้ แอปพลิเคชันเหล่านี้ได้แก่ไคลเอนต์ IRC, โปรแกรมโทรออกอัตโนมัติ, โปรแกรมดาวน์โหลดไฟล์, โปรแกรมติดตามกิจกรรมของระบบ, ยูทิลิตี้การจัดการรหัสผ่าน, เซิร์ฟเวอร์ FTP, HTTP หรือ Telnet

อย่างไรก็ตาม หากอาชญากรเข้าถึงแอปเหล่านี้ในคอมพิวเตอร์ของคุณหรือจัดการเพื่อแอบนำไปใช้ พวกเขาจะสามารถใช้ฟังก์ชันบางอย่างเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณหรือกระทำการที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ ได้

คุณสามารถอ่านเกี่ยวกับ Stalkerware ประเภทต่าง ๆ ด้านล่าง

ประเภทของ Stalkerware

ประเภท

ชื่อ

คำอธิบาย

ไคลเอนต์ IRC

ไคลเอนต์ IRC

คนจำนวนมากติดตั้งแอปเหล่านี้เพื่อสื่อสารกันใน Internet Relay Chats (IRC) อาชญากรสามารถใช้แอปเหล่านี้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ได้

โปรแกรมโทรออก

โปรแกรมโทรออกอัตโนมัติ

สามารถแอบสร้างการเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านโมเด็ม

โปรแกรมดาวน์โหลด

โปรแกรมดาวน์โหลด

สามารถแอบดาวน์โหลดไฟล์จากหน้าเว็บ

โปรแกรมติดตาม

แอปติดตาม

อนุญาตให้ติดตามกิจกรรมบนคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง (ติดตามว่าแอปพลิเคชันใดกำลังทำงานอยู่และวิธีที่แอปพลิเคชันเหล่านั้นแลกเปลี่ยนข้อมูลกับแอปพลิเคชันบนคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น)

PSWTool

เครื่องมือกู้คืนรหัสผ่าน

ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูและกู้คืนรหัสผ่านที่ลืมได้ อาชญากรแอบใช้แอปเหล่านี้ในคอมพิวเตอร์ของคนจำนวนมากเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน

RemoteAdmin

เครื่องมือดูแลระบบระยะไกล

ใช้กันอย่างแพร่หลายโดยผู้ดูแลระบบเพื่อเข้าถึงอินเทอร์เฟซของคอมพิวเตอร์ระยะไกลเพื่อตรวจสอบและควบคุม อาชญากรแอบใช้แอปเหล่านี้ในคอมพิวเตอร์ของคนจำนวนมากเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน เพื่อสอดแนมคอมพิวเตอร์ระยะไกลและเข้าควบคุม

เครื่องมือดูแลระบบระยะไกลที่ถูกกฎหมายนั้นแตกต่างจากแบคดอร์ (โทรจันควบคุมระยะไกล) แบคดอร์สามารถแทรกซึมเข้าไปในระบบและติดตั้งตัวเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ ในขณะที่แอปที่ถูกกฎหมายไม่มีฟังก์ชันนี้

เซิร์ฟเวอร์ FTP

เซิร์ฟเวอร์ FTP

ทำงานเป็นเซิร์ฟเวอร์ FTP อาชญากรสามารถใช้งานบนคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อเปิดการเข้าถึงจากระยะไกลโดยใช้โปรโตคอล FTP

พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์

พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์

ทำงานเป็นพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ อาชญากรนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการส่งสแปม

เซิร์ฟเวอร์ Telnet

เซิร์ฟเวอร์ Telnet

ทำงานเป็นเซิร์ฟเวอร์ Telnet อาชญากรใช้ในคอมพิวเตอร์เพื่อเปิดการเข้าถึงจากระยะไกลโดยใช้โปรโตคอล Telnet

เว็บเซิร์ฟเวอร์

เว็บเซิร์ฟเวอร์

ทำงานเป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์ อาชญากรสามารถใช้งานบนคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อเปิดการเข้าถึงจากระยะไกลโดยใช้โปรโตคอล HTTP

RiskTool

เครื่องมือในเครื่อง

ให้ความสามารถเพิ่มเติมแก่ผู้ใช้ในการจัดการคอมพิวเตอร์ (ทำให้สามารถซ่อนไฟล์หรือหน้าต่างแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่ หรือเพื่อปิดกระบวนการที่ใช้งานอยู่)

NetTool

เครื่องมือเครือข่าย

ให้ความสามารถเพิ่มเติมกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ได้ทำการติดตั้งในการโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นบนเครือข่าย (รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ระยะไกล ค้นหาพอร์ตที่เปิด เปิดแอปพลิเคชันที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์เหล่านั้น)

ไคลเอนต์ P2P

ไคลเอนต์เครือข่าย P2P

ทำให้สามารถใช้เครือข่าย P2P (Peer-to-Peer) อาชญากรสามารถใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์

ไคลเอนต์ SMTP

ไคลเอนต์ SMTP

สามารถแอบส่งอีเมล อาชญากรนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการส่งสแปม

WebToolbar

แถบเครื่องมือเว็บ

เพิ่มแถบเครื่องมือเครื่องมือค้นหาในอินเทอร์เฟซของแอปอื่น ๆ

FraudTool

Fraudware

เลียนแบบแอปพลิเคชันอื่น ตัวอย่างเช่น มีโปรแกรมป้องกันไวรัส Fraudware ซึ่งแสดงการแจ้งเตือนเมื่อพบมัลแวร์ในคอมพิวเตอร์ ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ได้พบหรือทำความสะอาดหรือแก้ไขใด ๆ เลย

หากเปิดใช้งานการป้องกัน Stalkerware เราจะเตือนคุณถึงว่ามีความพยายามเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง ข้อความของคุณ หรือข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ

คุณสามารถเปิดใช้งานการป้องกัน Stalkerware ในแท็บ ภัยคุกคาม ของหน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันโดยเลือกช่องทำเครื่องหมาย Stalkerware และซอฟต์แวร์ที่ผู้บุกรุกสามารถใช้เพื่อสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลส่วนตัวของคุณ ในส่วน หมวดหมู่วัตถุที่ตรวจจับ

ด้านบนของหน้า
[Topic 240276]

ตรวจสอบบัญชี

หากคุณไม่มั่นใจว่าบัญชีของคุณในบางเว็บไซต์ปลอดภัยหรือไม่ คุณสามารถตรวจสอบได้โดยใช้แอปพลิเคชัน Kaspersky แอปพลิเคชันสามารถตรวจสอบได้ว่าบัญชีของคุณถูกบุกรุกและข้อมูลของคุณอยู่ในอันตรายจากการเปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่

หมายเหตุ: แอปพลิเคชัน Kaspersky สามารถตรวจสอบบัญชีที่ใช้ที่อยู่อีเมลเป็นชื่อผู้ใช้เท่านั้น เมื่อใช้งานการตรวจสอบบัญชี Kaspersky จะไม่ได้รับข้อมูลในรูปแบบที่สามารถเข้าถึงได้อย่างเปิดเผย และจะไม่เก็บข้อมูลดังกล่าวไว้ ข้อมูลจะถูกใช้เพื่อการสแกนเท่านั้น ในการตรวจหาการรั่วไหล แอปพลิเคชันไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ แต่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหมวดหมู่ของข้อมูลที่อาจเข้าถึงได้แบบสาธารณะเท่านั้น

ตามค่าเริ่มต้น แอปพลิเคชัน Kaspersky จะพยายามตรวจสอบบัญชีผู้ใช้ของคุณเมื่อคุณได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง

หากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลของคุณอาจเข้าถึงได้โดยสาธารณะ แอปพลิเคชันจะแจ้งเตือนคุณแล้วแสดงข้อมูลดังต่อไปนี้:

  • รายการของเว็บไซต์ที่อาจเกิดการรั่วไหลของข้อมูล
  • วันที่เกิดการรั่วไหล
  • หมวดหมู่ของข้อมูลที่อาจเข้าถึงได้แบบสาธารณะ

คุณสามารถเรียนรู้วิธีลดผลกระทบของการรั่วไหลของข้อมูลนี้ที่อาจเกิดขึ้นได้โดยการคลิกที่หมวดหมู่ของข้อมูลที่ตรงกัน

ตรวจสอบว่าบัญชีของคุณถูกบุกรุกหรือไม่

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตรวจสอบบัญชี

    หน้าต่าง ตรวจสอบบัญชี จะเปิดขึ้น

  2. ป้อนที่อยู่อีเมลของคุณในช่อง ป้อนที่อยู่อีเมล
  3. คลิก ตรวจสอบ

ใน Kaspersky Plus และ Premium แอปพลิเคชันสามารถ ตรวจสอบที่อยู่อีเมลของคุณในแต่ละครั้งที่คุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณบนเว็บไซต์

ด้านบนของหน้า
[Topic 241861]

ตัวควบคุมเว็บ

ตัวควบคุมเว็บช่วยให้คุณตรวจสอบและจัดการการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ผู้ใช้ต่างๆ เยี่ยมชม คุณสามารถตั้งค่าตัวควบคุมเว็บสำหรับบัญชีผู้ใช้ทั้งหมดในคอมพิวเตอร์

สำคัญ: ตัวควบคุมเว็บใช้ได้เฉพาะเมื่อคุณเปิดใช้งานแอปพลิเคชันด้วยรหัสเปิดใช้งาน Kaspersky Small Office Security หากคุณเปลี่ยนรหัสเปิดใช้งาน ตัวควบคุมเว็บจะถูกแทนที่ด้วย Parental Control (จีน) Parental Control มีฟังก์ชันการทำงานแบบเดียวกับตัวควบคุมเว็บ

คุณสามารถบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ระบุหรือหมวดหมู่ของเว็บไซต์ที่เลือกได้

หมายเหตุ: แอปพลิเคชัน Kaspersky สามารถบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อกับระบบ HTTPS เท่านั้น แอปพลิเคชันจะสแกนการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส (HTTPS) ก็ต่อเมื่อได้ทำการเลือกช่องทำเครื่องหมายตรวจสอบการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (HTTPS) สำหรับ <ชื่อส่วนประกอบ> ในส่วนทั่วไปบนแท็บการป้องกันเท่านั้น

บล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ระบุ

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวควบคุมเว็บ

    หน้าต่าง ตัวควบคุมเว็บ จะเปิดขึ้น

  2. ในแผงด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้เลือกบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการกำหนดค่าการเข้าถึงเว็บไซต์
  3. ในมุมขวาบนของหน้าต่าง ให้เปิดตัวควบคุมเว็บ
  4. คลิก การยกเว้น

    หน้าต่าง ข้อยกเว้น จะเปิดขึ้น

  5. เลือกช่องทำเครื่องหมาย บล็อกเว็บไซต์เหล่านี้เสมอ
    • เพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการนี้ด้วยการคลิก และป้อนที่อยู่เว็บไซต์
    • หากต้องการลบเว็บไซต์ออกจากรายการนี้ ให้เลือกที่อยู่เว็บไซต์แล้วคลิก
    • หากต้องการแก้ไขที่อยู่เว็บไซต์ที่เพิ่มไว้ในรายการนี้ ให้คลิกสองครั้งที่อยู่เว็บไซต์นั้น
  6. คลิก ปิด เพื่อปิดหน้าต่าง ข้อยกเว้น การเปลี่ยนแปลงของคุณจะถูกบันทึกโดยอัตโนมัติ

บล็อกการเข้าถึงหมวดหมู่เว็บไซต์ที่เลือก

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวควบคุมเว็บ

    หน้าต่าง ตัวควบคุมเว็บ จะเปิดขึ้น

  2. ในแผงด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้เลือกบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการกำหนดค่าการเข้าถึงเว็บไซต์
  3. ในมุมขวาบนของหน้าต่าง ให้เปิดตัวควบคุมเว็บ
  4. เลือกช่องทำเครื่องหมายถัดจากชื่อหมวดหมู่เว็บไซต์ที่คุณต้องการบล็อกการเข้าถึง

สำคัญ: หากคุณติดตั้งแอปพลิเคชันเวอร์ชันสำหรับใช้ในสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร หรือบราซิล คุณจะต้องยอมรับประกาศเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลสำหรับการควบคุมเว็บก่อนที่คุณจะสามารถเปิดใช้งานตัวควบคุมเว็บได้ แถลงการณ์จะปรากฎขึ้นเมื่อคุณพยายามเปิดใช้งานตัวควบคุมเว็บด้วยบัญชีผู้ใช้แรกใน Mac ของคุณ

หากจำเป็นคุณสามารถเพิ่มเว็บไซต์ในรายการยกเว้นได้ ตัวควบคุมเว็บไม่ได้บล็อกเว็บไซต์ที่เพิ่มลงในรายการยกเว้นแม้ว่าจะอยู่ในหมวดหมู่ที่ถูกจำกัด

แก้ไขรายการยกเว้น

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวควบคุมเว็บ

    หน้าต่าง ตัวควบคุมเว็บ จะเปิดขึ้น

  2. ในแผงด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้เลือกบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการกำหนดค่าการเข้าถึงเว็บไซต์
  3. ในมุมขวาบนของหน้าต่าง ให้เปิดตัวควบคุมเว็บ
  4. คลิก การยกเว้น

    หน้าต่าง ข้อยกเว้น จะเปิดขึ้น

  5. เลือกช่องทำเครื่องหมาย ไม่บล็อกเว็บไซต์เหล่านี้
    • เพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการนี้ด้วยการคลิก และป้อนที่อยู่เว็บไซต์
    • หากต้องการลบเว็บไซต์ออกจากรายการนี้ ให้เลือกที่อยู่เว็บไซต์แล้วคลิก
    • หากต้องการแก้ไขที่อยู่เว็บไซต์ที่เพิ่มไว้ในรายการนี้ ให้คลิกสองครั้งที่อยู่เว็บไซต์นั้น
  6. คลิก ปิด เพื่อปิดหน้าต่าง ข้อยกเว้น การเปลี่ยนแปลงของคุณจะถูกบันทึกโดยอัตโนมัติ

คุณสามารถคัดลอกการตั้งค่าตัวควบคุมเว็บของบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์และวางลงในบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้

คัดลอกและวางการตั้งค่าตัวควบคุมเว็บ

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวควบคุมเว็บ

    หน้าต่าง ตัวควบคุมเว็บ จะเปิดขึ้น

  2. ในแผงด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้เลือกบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการคัดลอกการตั้งค่า
  3. ในมุมซ้ายล่างของหน้าต่าง ให้คลิกที่
  4. ในเมนูป๊อปอัป ให้เลือก คัดลอกการตั้งค่า
  5. ในแผงด้านซ้ายของหน้าต่าง ให้เลือกบัญชีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการวางการตั้งค่า
  6. ในมุมซ้ายล่างของหน้าต่าง ให้คลิกที่
  7. ในเมนูป๊อปอัป ให้เลือก วางการตั้งค่า
ด้านบนของหน้า
[Topic 182825]

การเชื่อมต่อที่ปลอดภัยกับเครือข่าย Wi-Fi

เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะอาจได้รับการป้องกันไม่เพียงพอ ตัวอย่างเช่น หากเครือข่าย Wi-Fi ใช้โปรโตคอลการเข้ารหัสลับที่มีช่องโหว่ เมื่อคุณเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi แล้ว แอปพลิเคชัน Kaspersky จะตรวจสอบเครือข่าย หากเครือข่าย Wi-Fi นั้นไม่ปลอดภัย แอปพลิเคชันจะแจ้งให้คุณติดตั้งหรือเรียกใช้ Kaspersky VPN Secure Connection

หมายเหตุ: Kaspersky VPN Secure Connection พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

Kaspersky VPN Secure Connection มีประโยชน์ดังต่อไปนี้:

  • การใช้งานระบบชำระเงินและเว็บไซต์จองที่ปลอดภัย ผู้บุกรุกจะไม่สามารถดักหมายเลขบัตรธนาคารของคุณได้เมื่อคุณชำระเงินออนไลน์ จองห้องโรงแรม หรือเช่ารถยนต์
  • การป้องกันข้อมูลลับของคุณ จะไม่มีใครสามารถพิจารณาที่อยู่ IP ของคอมพิวเตอร์ของคุณหรือตำแหน่งที่ตั้งของคุณได้
  • การป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณ จะไม่มีใครสามารถดักอ่านการโต้ตอบส่วนบุคคลของคุณในเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ได้

สำคัญ: การใช้งาน Kaspersky VPN Secure Connection อาจถูกกำกับดูแลโดยกฎหมายท้องถิ่น คุณสามารถใช้งาน Kaspersky VPN Secure Connection ได้ตามวัตถุประสงค์ของแอปพลิเคชันนี้และโดยไม่ละเมิดกฎหมายท้องถิ่นเท่านั้น

เปิด/ปิดการแจ้งเตือนเกี่ยวกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย

  1. ในแถบเมนู คลิกไอคอนแอปพลิเคชัน และเลือก การตั้งค่า

    หน้าต่างการตั้งค่าแอปพลิเคชันจะเปิดขึ้น

  2. บนแท็บความเป็นส่วนตัว ในส่วนWi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย ให้เลือก/ยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายแจ้งเตือนเกี่ยวกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย

ติดตั้ง Kaspersky VPN Secure Connection

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การปกป้องความเป็นส่วนตัว

    หน้าต่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวจะเปิดขึ้น

  2. ในส่วน Kaspersky VPN Secure Connection ให้คลิก ติดตั้ง

    App Store จะเปิดขึ้น

  3. คลิกรับ และจากนั้นจึงติดตั้งแอป
  4. ลงชื่อเข้าใช้ App Store เพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
  5. เมื่อการดาวน์โหลดเสร็จสิ้นแล้ว ให้คลิกเปิด
  6. ปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อเริ่มต้นใช้งาน Kaspersky VPN Secure Connection เป็นครั้งแรก สำหรับข้อมูลโดยละเอียด โปรดดู ความช่วยเหลือ Kaspersky VPN Secure Connection

หากต้องการรับรองความเป็นส่วนตัวของเครือข่าย Wi-Fi ในบ้านและอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อทั้งหมด คุณสามารถตั้งค่าการเชื่อมต่อ VPN ที่ปลอดภัยบนเราเตอร์ของคุณได้

ตั้งค่าการเชื่อมต่อ VPN ที่ปลอดภัยบนเราเตอร์ของคุณ

  1. บนแถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม

    หน้าต่าง ตัวตรวจสอบสมาร์ทโฮม จะเปิดขึ้น

  2. เลือกเราเตอร์ของคุณในรายการ
  3. ในส่วนด้านขวาของหน้าต่าง ให้คลิกตั้งค่า

    My Kaspersky จะเปิดขึ้น

  4. คลิกตั้งค่าผ่าน OpenVPN และทำตามคำแนะนำ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดูที่ ความช่วยเหลือ My Kaspersky
  5. ดูคำแนะนำในการกำหนดค่าการเชื่อมต่อ VPN ที่ปลอดภัยในการตั้งค่าเราเตอร์ได้โดยดูคู่มือเราเตอร์

หากแอปพลิเคชัน Kaspersky แจ้งเตือนคุณว่าการเชื่อมต่อ Wi-Fi ของคุณไม่ปลอดภัย

นั่นหมายความว่าคุณได้เชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ได้รับการป้องกัน และการเข้าสู่ระบบ รหัสผ่าน ข้อความ ตลอดจนข้อมูลละเอียดอ่อนอื่น ๆ ของคุณอาจถูกดักได้ เราไม่ขอแนะนำให้คุณใช้เครือข่ายนี้

ด้านบนของหน้า
[Topic 120261]

การป้องกันรหัสผ่านและข้อมูลละเอียดอ่อนของคุณ

Kaspersky Password Manager จะปกป้องรหัสผ่านและข้อมูลละเอียดอ่อนอื่นๆ ของคุณทั้งหมด (ตัวอย่างเช่น รายละเอียดหนังสือเดินทาง และข้อมูลทางการเงินหรือเวชระเบียน) ด้วยรหัสผ่านหลักรหัสเดียว คุณสามารถติดตั้ง Kaspersky Password Manager ในคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป แล็ปท็อป และอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ใช้ Microsoft Windows, macOS, Android หรือ iOS เพื่อเก็บข้อมูลทั้งหมดของคุณให้ปลอดภัยและซิงค์ตรงกันได้

หมายเหตุ: Kaspersky Password Manager พร้อมใช้งานใน Kaspersky Plus และ Premium เท่านั้น

Kaspersky Password Manager:

  • เก็บรักษารหัสผ่านและข้อมูลสำคัญอื่นๆ ของคุณได้ด้วยปลายนิ้ว
  • กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มออนไลน์โดยอัตโนมัติ
  • ป้องกันข้อมูลละเอียดอ่อนของคุณ
  • นำเข้ารหัสผ่านจากตัวจัดการรหัสผ่านของผู้พัฒนาภายนอก
  • ตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่าน
  • สร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง
  • ซิงค์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์หลายเครื่อง

คุณสามารถจัดการข้อมูลของคุณได้ทั้งจากอินเทอร์เฟซของแอปพลิเคชันหรือใน My Kaspersky

ติดตั้ง Kaspersky Password Manager

  1. ที่แถบด้านข้างของ หน้าต่างแอปพลิเคชันหลัก ให้คลิก การปกป้องความเป็นส่วนตัว

    หน้าต่างการปกป้องความเป็นส่วนตัวจะเปิดขึ้น

  2. ในส่วนKaspersky Password Manager ให้คลิกที่ติดตั้ง

    App Store จะเปิดขึ้น

  3. คลิกรับ และจากนั้นจึงติดตั้งแอป
  4. ลงชื่อเข้าใช้ App Store เพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
  5. เมื่อการดาวน์โหลดเสร็จสิ้นแล้ว ให้คลิกเปิด
  6. ปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อเริ่มต้นใช้งาน Kaspersky Password Manager ครั้งแรก สำหรับข้อมูลโดยละเอียด โปรดดูที่ความช่วยเหลือ Kaspersky Password Manager
ด้านบนของหน้า
[Topic 173530]